บทที่ 58 ข้ารับใช้ปากเปราะ (ปลาย)
“โฮะ โฮะ~ นายน้อย ท่านนี่เป็นคนที่ซุกซนจริง ๆ นี่ท่านอยากได้สหายของคุณหนูใหญ่ด้วยงั้นเหรอ?” เฉิงโซวผิงมองไปที่ซูอันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “แต่ข้าก็เข้าใจนายน้อยอยู่เหมือนกัน เสน่ห์ของคุณหนูเพ่ย
นั้นร้อนแรงมากจริง ๆ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เห็นนางแล้วจะสามารถละสายตาไปจากนางได้เลย เอาเป็นว่าไม่ว่านายน้อยกำลังจะวางแผนทำอะไรบ่าวผู้นี้ขอเป็นกำลังใจให้ท่านสุดตัว!”
ซูอันอ้าปากพะงาบพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจและพูดว่า “เป็นเรื่องอัศจรรย์จริง ๆ ที่ตระกูลฉู่ไม่ได้ส่งเจ้าไปที่วังหลวงเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นขันที!”
รอยยิ้มของเฉิงโซวผิงเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง “ไอ้หยานายน้อย ท่านอย่าพูดแบบนี้สิ!”
ซูอันส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นเขาถามต่ออีกครั้ง “ข้าไม่ได้ต้องการรู้ว่านางสวยแค่ไหน แต่
สิ่งที่ข้าต้องการรู้คือข้อมูลเกี่ยวกับนาง!”
“เท่าที่ข้ารู้มาคุณหนูเพ่ยมาจากตระกูลเพ่ยแห่งแม่น้ำตะวันออก ตระกูลเพ่ยคือตระกูลใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่าหนึ่งพันปีซึ่งยาวนานกว่าตระกูลฉู่ของเราซะอีก นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนูใหญ่ของเรามาได้พักใหญ่และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าปีนี้นางจะมาเรียนที่สถาบันจันทร์กระจ่างด้วยเช่นกัน”เฉิงโซวผิงตอบ
ซูอัน รู้สึกงุนงง “นางมาเรียนด้วยเหรอ”
“แน่นอน! สถาบันจันทร์กระจ่างของเรามีชื่อเสียงไปทั่วโลก บรรดาคนใหญ่คนโตจากแคว้นอื่นมักจะ
มาที่นี่เพื่อต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่บ่อยครั้ง!” เฉิงโซวผิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ซูอันไม่เข้าใจว่าทำไมเฉิงโซวผิงถึงได้รู้สึกภูมิใจอะไรนักหนากับสถาบันที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เขาค่อนข้างแปลกใจที่ได้ยินว่าสถาบันจันทร์กระจ่างเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งมันดูเหมือนว่าพ่อตาของเขาคงเป็นคนที่กว้างขวางอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้ เขาต้องมุ่งความสนใจไปที่การสำเร็จภารกิจที่หมอเทวะจี้
ตั้งเอาไว้ให้ได้ก่อน!
ให้ตายเถอะจี้เติ้งถูเจ้านี่มันวิตถารเกินคนจริง ๆ!
ซูอัน สาปแช่งอีกรอบในใจก่อนจะถามต่อไปว่า “เจ้ารู้จักอวี้เหยียนลั่วรึเปล่า?”
“อวี้เหยียนลั่ว?” ดวงตาของเฉิงโซวผิงเป็นประกาย “แน่นอน! นางคืออดีตหญิงงามอันดับหนึ่งของ
เมืองหลวง! ท่านคงนึกไม่ออกแน่ว่ามีผู้ชายกี่คนที่เก็บนางเอาไปเพ้อเป็นภรรยาในฝันของพวกเขา!”
“เจ้าเป็นคนที่รู้เรื่องต่าง ๆ มากมายจริง ๆ มากซะจนข้าไม่เข้าใจว่าทำไมหลายครั้งเจ้ากลับทำตัวโง่
ได้ขัดแย้งกับความรู้รอบตัวของเจ้ามากได้ขนาดนี้?” ซูอันมองเฉิงซั่วปิงอย่างสงสัย
เฉิงโซวผิงเหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเอียงกายเข้าไปกระซิบที่ข้างหูซูอัน”นายน้อย
ข้ามีความลับบางอย่างที่จะบอกกับท่านด้วยแหละแต่ท่านห้ามเอาไปบอกใครเชียวนา อันที่จริง นายท่านของเราเคยเป็นหนึ่งในบรรดาชายหนุ่มที่ไล่ตามอวี้เหยียนลั่วแต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว!”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ระหว่างอวี้เหยียนลั่วและฉู่จงเทียน โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความงดงามของนางที่เขาได้เห็น นางดูไม่แก่เลยจนมองไม่ออกจริง ๆ ว่านางคือคน
รุ่นเดียวกับฉู่จงเทียน!
“นายหญิงโกรธทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่งนายหญิงดึงหูนายท่านจนเกือบหลุดออกจาก
หัวแหนะ!”เฉิงโซวผิงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าขบขัน
ซูอันกลอกตาไปมา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพ่อตาของเขาเป็นคนที่มีเมตตาอยู่พอสมควรทีเดียว เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงฆ่าบ่าวรับใช้ที่ปากเปราะขนาดนี้ไปแล้วไม่ใช่แค่การส่งตัวไปทำงานอยู่ในโรงครัวแน่ ๆ!
“นายน้อย นี่ท่านเป็นคนเดียวที่ข้าบอกเรื่องนี้ให้ฟังเลยนะ ห้ามท่านเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่นเด็ดขาดเลยเชียว!” เฉิงโซวผิงเตือนเขา
ซูอันยิ้มเยาะอยู่ในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้เขากล้าพนันเงินหมดตัวที่มีเลยว่า คนทั้งคฤหาสน์รู้เรื่องนี้หมดแล้วแน่นอน!
“เจ้ารู้รึเปล่าว่าตอนนี้อวี้เหยียนลั่วพักอยู่ที่ไหนในเมืองจันทร์กระจ่าง?” ซูอันถามขึ้น เขาต้องหาโอกาสไปหานาง แม้ว่าจะไม่ใช่เพราะภารกิจของจี้เติ้งถูอย่างน้อย ๆ เขาก็ควรจะไปเอาเงินรางวัลตอบแทนที่นางบอกว่าจะมอบให้เขา
“เอ๊? นายน้อยอวี้เหยียนลั่วไม่ได้อยู่ในเมืองของเราสักหน่อย” เฉิงโซวผิงตอบกลับด้วยสีหน้างุนงง “นางแต่งงานกับอ๋องอวิ๋นจงดังนั้นปกติแล้วนางจะอยู่ที่แคว้นเมฆาไม่ได้อยู่ที่นี่นะนายน้อย”
“ฮะ? “ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ งั้นผู้หญิงที่เขาเพิ่งเจอเป็นใคร? นี่ข้าโดนหลอกงั้นเหรอ?
“แต่ไม่แน่บางทีสักวันหนึ่งนางอาจจะมาเยือนที่เมืองของเราก็ได้เพราะตระกูลของอ๋องอวิ๋นจงทำธุรกิจ
ซื้อขายหินพลังชี่ ซึ่งพวกเขามีสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ทั้งหมด รวมไปถึงในเมืองจันทร์กระจ่างของเราก็ด้วย บางทีนางอาจจะมาตรวจสาขาในเมืองของเราสักวันหนึ่ง” เฉิงโซวผิงกล่าวเสริม
ในที่สุดซูอัน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอวี้เหยียนลั่วน่าจะอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่างอีกหลายวัน ซึ่งหมายความว่าเขายังไม่ต้องรีบร้อนไปเก็บเงิน
หลังจากถามคำถามเพิ่มเติมต่อไปอีกสองสามคำถามเขาก็ไล่ให้เฉิงโซวผิงออกไป
หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาก็เรียกแป้นพิมพ์ออกมาอีกครั้งและตรวจสอบคะแนนความโกรธของเขา ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาสุ่มได้เม็ดยาชะล้างไขกระดูกเขายังมีแต้มความโกรธเหลือ 3,000 แต้ม แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้คะแนนความโกรธเป็นจำนวนมหาศาลจากผู้คุ้มกันของตระกูลอวี้และโจรของค่ายเมฆาทมิฬ ซึ่งตอนนี้มันรวม ๆ แล้วก็คือ…
———————————————————————————————
คะแนนความโกรธในปัจจุบัน: 22,269 แต้ม
———————————————————————————————
ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารวยแล้วโว้ยย!
ซูอันรู้สึกเหมือนเป็นมหาเศรษฐี จากนั้นเขาเริ่มสุ่มรางวัลทันที
อย่างที่คาดไว้ อันแรกคือ ‘ขอบคุณที่ร่วมสนุก!’
“ไม่เป็นไร ข้มีคะแนนเหลือเฟือ!”ซูอัน กดสุ่มต่อทันทีโดยไม่แยแส100คะแนนที่เพิ่งเสียไป
ขอบคุณที่ร่วมสนุก… ขอบคุณที่ร่วมสนุก…
จนถึงครั้งที่สิบสามในที่สุดไฟก็หยุดที่ปุ่มกด ‘4’
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาอ่านคำอธิบายของสิ่งที่เขาเพิ่งได้รับทันทีซึ่งมันมีรูปร่างเป็นผลไม้สีทอง
———————————————————————————————
คำอธิบาย: ผลไม้พลังชี่ สามารถเพิ่มมวลพลังชี่ให้กับผู้ใช้งาน
———————————————————————————————
เมื่ออ่านคำอธิบายจบซูอันจึงพอจะเดาได้ว่าผลไม้นี้มันน่าจะคล้ายกับพวกน้ำยาเพิ่มค่าประสบการณ์ในเกมออนไลน์ที่เขาเคยเล่นเมื่อชีวิตที่แล้ว
เมื่อเห็นว่ารอบนี้ได้ของดีอีกแล้วซูอันจึงรีบหยิบมันออกมาและกลืนลงท้องไปทันที ซึ่งเมื่อกลืนเข้าไปมันดูเหมือนว่าผลไม้นี้จะละลายทันทีหลังจากมันเข้าไปในปากของเขา จากนั้นกระแสพลังชี่ก็ซึมซับเข้าในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วในชั่วเวลาไม่เกินหนึ่งลมหายใจ
ในทางกลับกันผลกระทบของผลไม้พลังชี่นั้นกลับไม่ถูกใจซูอันสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากกลืนมันเข้าไป อักขระตัวที่สี่ในร่างของเขาที่เขาต้องเติมให้เต็มนั้นมันกระเตื้องขึ้นมาแค่ 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
“แค่เนี้ย?”
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ นี่ข้าจำเป็นต้องถูกเฆี่ยนตีเพื่อทำให้ระดับการบ่มเพาะของข้าพัฒนาขึ้น
จริง ๆ งั้นเหรอ? ไอ้บ้าเอ๊ย!?