บทที่ 64 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 64 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ต้น)

บทที่ 64 ข้าต้องการนายน้อยแห่งตระกูลไป๋ (ต้น)

ในห้องโถง ลู่หยวนสวมชุดระหว่างการปรนนิบัติของเทียนเม่ยเอ๋อร์ พลางเอนกายลงบนเตียง หลับตาพริ้ม ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง

องค์หญิงหางจิ้งจอกยืนอยู่ด้านข้าง พลางกอดไป๋เจ๋อน้อยไว้ในอ้อมแขน

นางพยายามป้อนอาหารบางส่วนให้กับมัน แต่ไป๋เจ๋อน้อยยังคงกระสับกระส่าย ดูวิตกกังวล

“นายท่าน หากไป๋เจ๋อยังเป็นแบบนี้ ข้าเกรงว่ามันได้ตายแน่ ๆ”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ลืมตาขึ้น ชำเลืองมองลูกไป๋เจ๋อ ก่อนกล่าวว่า “วางใจได้ มันไม่ตายหรอก”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็โบกมือไปทางเทียนเม่ยเอ๋อร์

องค์หญิงหางจิ้งจอกเข้าใจ ใบหน้าราวกับหยกแดงระเรื่อเล็กน้อย นางวางไป๋เจ๋อน้อยไว้ด้านข้าง ก่อนเดินไปที่เตียง

สิ้นแสงสว่างวาบ นางก็กลายเป็นจิ้งจอกน้อยสีขาวราวหิมะ แทรกกายเข้าไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มแต่โดยดี แล้วปล่อยให้เขาลูบไล้ไปมา

เทียนเม่ยเอ๋อร์อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวน ประกอบกับผ้านวมนุ่มบนเตียง ทำให้มันสบายยิ่งนัก คงดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงฟ้าถล่มดินทลายดังมาจากนอกห้องโถง

นางเอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนวางศีรษะน้อย ๆ ลงบนตักแกร่ง

ตูม! ตูม! ตูม!

เสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นอีกครั้ง จนทั่วห้องโถงหลักสั่นสะเทือน

เทียนเม่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างกังวลว่า “นายท่าน ท่านไม่อยากไปดูหรือ?”

ผ่านมาหนึ่งก้านธูปแล้ว เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้อยู่ไกลลิบจากนอกเรือน หากการต่อสู้ยังคงดำเนินแบบนี้ต่อไป เกรงว่าห้องโถงหลักก็จะสั่นสะเทือนไปด้วยเช่นกัน

ลู่หยวนยกมือขึ้น ค่ายกลปกคลุมทั่วห้องโถง เสียงสั่นสะเทือนและเสียงทะลวงอันแรงกล้าหายไปทันที

“วางใจได้ เฉิงเหิงกับเฉิงหลินจัดการได้แน่นอน”

เทียนเม่ยเอ๋อร์หดคอ ยอมอยู่ใต้ฝ่ามือของชายหนุ่มแต่โดยดีราวกับต้องมนต์

ขณะผล็อยหลับไป เสียงของเฉาหงพลันดังมาจากนอกห้องโถงหลัก “นายท่าน”

สิ้นเสียง ‘เอี๊ยด’ ประตูห้องโถงเปิดออก ผู้ติดตามชราเดินเข้ามาคารวะ

ลู่หยวนยังคงเอนกาย ไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตา เพียงถามอย่างแผ่วเบาว่า “เฉิงเหิงกับเฉิงหลินจัดการไป๋หลางซิงได้หรือยัง?”

“ได้แล้วขอรับ!”

“พวกเขาสองคนกับไป๋หลางซิงต่างเป็นขั้นเซียนยุทธ์ระดับสูง ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยามจึงจะกำราบกันเองได้”

บุตรศักดิ์สิทธิ์กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย “เหอะ ต้องใช้เวลครึ่งชั่วยามถึงจะหยุด เกรงว่าตระกูลไป๋จะต้องจัดหาหลายสิ่งมาให้เป็นแน่”

เฉาหงยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก เขาเพียงตอบตามความจริงว่า “ขอรับ”

“ต้วนคงซิวล่ะ?”

ดวงตาของลู่หยวนหลุบต่ำ เป็นการยากที่จะเห็นอารมณ์ได้อย่างชัดเจน “เขาหาข้ออ้างหลบมุม ไม่โผล่หัวออกมาใช่หรือไม่?”

ก่อนชายหนุ่มจะเข้าสู่ค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูร เขาให้เฉาหงไปยังสาขาของสำนักอักขระสวรรค์ที่อยู่ไม่ไกลจากตระกูลไป๋เพื่อตามตัวต้วนคงซิวผู้เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของสาขา และแจ้งให้มาต้อนรับคุณชายลู่หลังกลับมาจากค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูรตระกูลไป๋ด้วยตนเอง

คนที่มาที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่ยอดฝีมือผู้อยู่ขั้นเซียนยุทธ์ระดับสมบูรณ์ แต่เป็นผู้พิทักษ์อาวุโสจากสำนักสาขา

เหอะ…

ต้วนคงซิวหาทางรักษาหน้า ต่อให้บริวารของลู่หยวนตะโกน พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไร

เฉาหงตอบด้วยความเคารพว่า “นายท่านช่างปราดเปรื่องนัก ต้วนคงซิวและข้ารับใช้เฒ่าบอกว่า เมื่อไม่นานมานี้เขากำลังบ่มเพาะเพื่อเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ จึงต้องทำสมาธิ ดังนั้นเขาจึงส่งเฉิงเหิงกับเฉิงหลินมาที่นี่แทน”

“เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์หรือ?”

ร่องรอยความเหยียดหยันปรากฏบนใบหน้าของลู่หยวน “เขาอยู่ในขั้นเซียนยุทธ์ระดับสมบูรณ์มานานกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว ด้วยพรสวรรค์นับว่าเป็นการดียิ่งที่มาถึงจุดนี้ได้ หากไม่มีโอกาสใหญ่โต ชีวิตก็ไม่มีทางไปต่อได้”

“ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้ข้ออ้างนี้”

สายตาของลู่หยวนเย็นชา เดิมทีต้วนคงซิวผู้นี้เป็นผู้พิทักษ์ของสำนักอักขระสวรรค์ ชายหนุ่มเคยพบเขาช่วงที่ไปสำนักกับมารดาในวัยเด็กหลายครั้ง

ในตอนนั้นเขาให้ความเคารพคุณชายลู่เป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรทุกคนต่างทราบว่า มารดาของลู่หยวนเป็นเจ้าสำนักอักขระสวรรค์ หากไม่มีอะไรผิดคาด ตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งสำนักอักขระสวรรค์จะต้องตกเป็นของเขา

แต่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งตระกูลลู่ และสำนักอักขระสวรรค์ได้ให้กำเนิดผู้มีพรสวรรค์เทียบเท่ากับลู่หยวนขึ้นมาเช่นกัน เขาถ่อมตัวและระมัดระวัง ทั้งยังขอคำแนะนำด้วยความนอบน้อม ตรงข้ามกับนิสัยของบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง จึงเป็นที่รักของคนสำนักอักขระสวรรค์อย่างท่วมท้น

ผู้อาวุโสทรงเกียรติของสำนักอักขระสวรรค์สาขาหลักจำนวนมากให้การสนับสนุนคนผู้นั้นอย่างเป็นเอกฉันท์ พวกเขาร่วมมือกันวิงวอนต่อประมุข เพื่อขอให้เขาเป็นนายน้อยผู้สืบทอดสำนัก

เหตุการณ์นี้สร้างปัญหามากมายในตอนนั้น ผู้คนเกือบครึ่งในแดนหลักทราบว่าสำนักอักขระสวรรค์กำลังจะแต่งตั้งนายน้อยคนใหม่ขึ้นมา

อู่หมิงเสวี่ย ผู้เป็นมารดาของลู่หยวนฝืนระงับเรื่องนี้ไว้ ไม่แต่งตั้งนายน้อยผู้สืบทอดสักพัก แต่นางให้สัญญาว่าหลังจากผ่านไปห้าปีนายน้อยผู้สืบทอดจะถูกเลือก

นับตั้งแต่นั้นมา ในสายตาของผู้คนจำนวนมากในสำนักอักขระสวรรค์ ตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดจึงได้รับการยืนยันไปแล้ว

ผู้พิทักษ์อาวุโสเหล่านั้นเพิกเฉยต่อลู่หยวน พวกเขาย่อมให้ความเคารพและความสุภาพเพียงผิวเผิน แต่ลับหลัง พวกเขารู้สึกว่าถึงแม้ชายหนุ่มจะเป็นคุณชายแห่งตระกูลลู่ แต่นายน้อยผู้สืบทอดในอนาคตของสำนักอักขระสวรรค์จะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้

นี่เป็นสภาพในปัจจุบันของต้วนคงซิว ถึงอย่างไรเขาก็อยู่ในสาขาของสำนักอักขระสวรรค์ แต่อู่หมิงเสวี่ยก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้สักพัก จึงไม่อยากคุยกับลู่หยวน ดังนั้นจึงหาข้ออ้างมาหลบเลี่ยง

ต่อให้อู่หมิงเสวี่ยจะทราบเรื่องนี้ แต่เจ้าสำนักสาขาต้วนก็ไม่หวาดกลัว ถึงอย่างไร แม้เขาจะไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่ก็ยังส่งใครบางคนมา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มพลันปรากฏในแววตาของลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์จำได้ว่า ปีนี้สำนักอักขระสวรรค์จะมีการเลือกนายน้อยผู้สืบทอด”

เฉาหงตอบว่า “ถูกต้องแล้วนายท่าน สำนักอักขระสวรรค์ส่งคำเชิญให้กองกำลังจำนวนมากไปที่แดนหลัก ว่ากันว่าการคัดเลือกจะเริ่มขึ้นในอีกสามเดือน”

เฉาหงพูดช้าลงเล็กน้อย หลังจากใคร่ครวญแล้วจึงกล่าวว่า “ฮูหยินขอให้นายท่านไปสำนักอักขระสวรรค์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคัดเลือกในอีกสามเดือน นายท่านจะไปตอนนี้เลยหรือไม่?”

ลู่หยวนขุดคุ้ยเหตุการณ์นี้ขึ้นมาจากความทรงจำ ยันต์ของอู่หมิงเสวี่ยในตอนนั้นถูกส่งต่อมายังเจ้าของเดิม แต่เจ้าของเดิมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก มันจึงถูกทิ้งไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนออกไปหาความสนุกสนาน

“ไป ไปตอนนี้เลย” ชายหนุ่มหลับตาเล็กน้อย แม้เดิมทีเขาจะมาที่นี่เพื่อฆ่าเวลาก่อนเดินทางไปยังสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูเหมือนจะมีเรื่องใหม่เข้ามาให้สะสาง “ทำไมต้องรอสามเดือนด้วย ทำไมไม่ตัดสินใจทันที”

เฉาหงตอบรับ ก่อนล่าถอยไป

บุตรศักดิ์สิทธิ์หันหลัง พลางกอดเทียนเม่ยเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน ก่อนผล็อยหลับไป

ในเช้าวันถัดมา เมื่อลู่หยวนเดินออกจากห้องโถง ก็เห็นกุ่ยซู่รออยู่ด้านข้างอยู่ก่อนแล้ว

เมื่อเห็นลู่หยวนเดินออกมา ประมุขเผ่าภูตผีจึงกล่าวด้วยความเคารพว่า “เผ่าภูตผีได้มาตั้งรกรากกันแล้ว ทางด้านวิหารโบราณเองก็มาที่นี่เช่นเดียวกัน!”

ลู่หยวนพยักหน้า จากนั้นเดินออกจากลานที่พัก โดยกุ่ยซู่และเทียนเม่ยเอ๋อร์เดินตามหลัง

เมื่อก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เฉาหงก็เข้ามา “นายท่าน ไป๋หลางซิงเชิญท่านไปที่ห้องโถงหลัก บอกว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงเพื่อขออภัยต่อท่าน”

ลู่หยวนนำคนบางส่วนไปที่ห้องโถงหลักของตระกูลไป๋

ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงหลัก เขาเห็นปรมาจารย์ไป๋สาวเท้าเข้ามา ใบหน้าคลี่ยิ้มอย่างซื่อตรง ถึงแม้จมูกกับตาจะหมองคล้ำไปบ้าง แต่เขากลับทำตัวตามปกติ “เชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์ทางนี้!”

คนอื่นลุกขึ้นเช่นกัน ก่อนเข้ามาทักทายชายหนุ่ม…