บทที่ 415 โอ๊ย สมองน้อย ๆ ของข้าไยจึงไม่เฉลียวเอาเสียเลย

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 415 โอ๊ย สมองน้อย ๆ ของข้าไยจึงไม่เฉลียวเอาเสียเลย?

เซี่ยเหยียนเดินเข้ามาในร้านก็ได้พบกับผู้นำตระกูลไป๋มู่

ผู้นำตระกูลไป๋มู่มีอายุแล้ว ท่าทางเริ่มชรา ทว่ากระปรี้กระเปร่าดียิ่ง ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำเปล่งประกาย ดูก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดา

“ท่านคือ?”

นางขมวดคิ้วน้อย ๆ สอบถามไปยังผู้นำตระกูลไป๋มู่

คนผู้นี้มาหานาง

แต่นางกลับจำเขาไม่ได้เลย ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เซี่ยเหยียนไม่รู้จักผู้นำตระกูลไป๋มู่ ทว่าผู้นำตระกูลไป๋มู่รู้จักเซี่ยเหยียน

เขารู้ว่าเซี่ยเหยียนมีรูปโฉมเช่นไร อาหมิงเคยหล่อหลอมรูปร่างของเซี่ยเหยียนขึ้นมาให้เขาดู

“สวัสดีแม่นางเซี่ยเหยียน ข้าคือผู้นำตระกูลไป๋ ไป๋มู่”

เขาแนะนำตัวเองให้เซี่ยเหยียนฟัง

ผู้นำตระกูลไป๋!

หลังได้ยินฐานะของเขา คิ้วของเซี่ยเหยียนยิ่งขมวดมุ่น คนผู้นี้มาได้อย่างไร?

ตระกูลไป๋…

นางย่อมต้องจำได้อยู่แล้ว

จะจำไม่ได้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อครู่เพิ่งกลับจากตระกูลไป๋

นอกจากนี้ ต้นผลไม้สามต้นที่มอบให้ท่านเซียนยังได้มาจากตระกูลไป๋อีกด้วย

ไป๋มู่เห็นเซี่ยเหยียนคิ้วขมวดเป็นปม กลัวเหลือเกินว่าเซี่ยเหยียนจะเกิดการเข้าใจผิดว่าเขามาหาเรื่อง มาคิดบัญชี

เขาไม่เคยคิด

ไฉนเลยจะกล้า

ไม่ต้องพูดถึงว่าเซี่ยเหยียนเป็นคนข้างกายท่านเซียน

ลำพังฝีมือของตัวเซี่ยเหยียนเอง เขาก็มิกล้ามีปัญหากับนาง หรือคิดบัญชีกับนางแล้ว

ภายในดินแดนตระกูลไป๋ของเขา เซี่ยเหยียนสามารถเดินเหินได้อย่างไร้อุปสรรค ไม่ถูกจำกัดแต่อย่างใด ลำพังข้อนี้เขาก็มิกล้าแล้ว เซี่ยเหยียนไม่ใช่ผู้ที่เขาต่อกรด้วยได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ต่อให้เซี่ยเหยียนเป็นปุถุชนธรรมดา ไม่มีพลังกับตัว เขาก็ไม่คิดหาเรื่องเซี่ยเหยียน หรือคิดบัญชีกับเซี่ยเหยียน

ครั้งนี้เป็นความผิดของตระกูลไป๋ เขาไม่เคยคิดหาเรื่องคิดบัญชีกับนาง หรือสั่งให้นางนำของที่หยิบไปจากตระกูลไป๋คืนกลับมา

ความคิดทั้งหมดของเขามีเพียงขอโทษเซี่ยเหยียน

“คนในตระกูลข้าไม่รู้ความ กระทำความผิดใหญ่หลวง ล่วงเกินแม่นางเซี่ยเหยียน แม้ว่าพวกเขาได้รับบทเรียนแล้ว กระนั้นในฐานะผู้นำตระกูลของพวกเขา ข้าไม่อาจปัดความรับผิดชอบ ข้าสั่งสอนพวกเขาได้ไม่ดี พวกเขาถึงทำผิดมหันต์ปานนี้!”

เขารีบบอก “ที่มาคราวนี้ ข้าตั้งใจมาเพื่อขอโทษแม่นางเซี่ยเหยียน! ตระกูลไป๋หาใช่ตระกูลไร้เหตุผล เมื่อทำผิดย่อมต้องรับผิดชอบ!”

ที่แท้ก็มาขอโทษหรอกหรือ…

เซี่ยเหยียนเข้าใจแล้ว

ส่วนเหตุไฉนไป๋มู่ถึงมาหาถึงที่ประทับท่านเซียน นางพอเดาสาเหตุออก

ตั้งแต่กลับจากตระกูลไป๋ นางมิได้ไปที่ไหนเลย ตรงมาหาท่านเซียน

คิดแล้วไป๋มู่คงไม่เจอนางที่สำนักไท่หัว ถึงได้มาหาที่พำนักของท่านเซียน

นางไม่คิดว่าผู้อาวุโสเวิงอู๋โยวจะเป็นคนบอกเขาว่านางอาจอยู่กับท่านเซียน

ผู้อาวุโสเคยพบท่านเซียน ทราบถึงข้อห้ามของท่านเซียนดี ย่อมมิกล้าแพร่งพรายเรื่องของท่านเซียนแม้แต่น้อย

คิดแล้ว ไป๋มู่คงเดาเอาเองว่านางอาจอยู่กับท่านเซียน

อย่างที่รู้ว่า นางเคยขึ้นเขาหยงหมิงกับท่านเซียน ครานั้นเป็นงานชุมนุมใหญ่ สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนมากมายต่างเห็นว่านางติดตามท่านเซียน และรู้ว่านางกับท่านเซียนสนิทสนมกันดี

ไป๋มู่อาจปะติดปะต่อได้ว่านางอาจอยู่กับท่านเซียนเพราะเหตุนี้

ทว่าก่อนมา ไป๋มู่น่าจะไม่ทราบถึงตัวตนของท่านเซียน

ท่านเซียนไม่เคยแสดงอิทธิฤทธิ์เมื่อครั้งอยู่บนเขาหยงหมิง ตัวตนฉากหน้ายังเป็นปุถุชน

นอกจากผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางและคนอื่น ๆ อีกเพียงน้อยนิดแล้ว ต่อให้สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอื่น ๆ ได้พบท่านเซียน น่ากลัวว่าคงคิดเพียงท่านเซียนเป็นปุถุชนธรรมดา

ไป๋มู่ก็คงเป็นเช่นนั้น

แต่บัดนี้ ไป๋มู่คงล่วงรู้ตัวตนท่านเซียนเสียแล้ว

ทุกอย่างที่นี่ล้วนสูงส่งเหนือชั้นปานนั้น ไป๋มู่ไม่รู้สิแปลก!

เรื่องนี้ออกจะน่าสนใจ…

แท้จริงแล้ว ไป๋มู่ตั้งใจขอโทษตั้งแต่ก่อนมา หรือเพิ่งเกิดความรู้สึกอยากขอโทษหลังได้ทราบฐานะท่านเซียน?

ทว่านางไม่ถือสาเรื่องนี้

ตระกูลไป๋มีความดีความชอบใหญ่หลวง มีบุญคุณต่อใต้หล้า นางมิได้เคียดแค้นตระกูลไป๋ถึงขั้นนั้น

มิฉะนั้น ไม่มีทางที่ดินแดนตระกูลไป๋จะไม่ได้เห็นเลือด นางไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียว

กระทั่งผู้อาวุโสสิบเจ็ดกับผู้อาวุโสแปด นางก็มิได้ฆ่า

ตระกูลไป๋ทำศึกกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนโดยไม่สนความเป็นความตายของตนในสงครามยุคโบราณ นางเชื่อว่าตระกูลไป๋ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ตระกูลชั่วช้า ถึงแม้จะมีคนไม่ดีอยู่ในนั้น กระนั้นนางกลับคิดว่านี่เป็นเพียงไม่กี่กรณีเท่านั้น

นางหันมองท่านเซียน คิดในใจว่าท่านเซียนจะตำหนินางหรือไม่

ถึงแม้นางจะมิได้ตั้งใจชักนำไป๋มู่มาที่นี่ แต่ท้ายที่สุดไป๋มู่ก็มาที่นี่เพราะนาง กลายเป็นการรบกวนความสงบของท่านเซียน…

หลี่จิ่วเต้าเห็นสายตาที่เซี่ยเหยียนมองมาหาเขา

‘ไยเจ้าจึงมองข้า…นี่เป็นเรื่องภายในโลกแห่งการฝึกตนของพวกเจ้า ข้าไม่อาจแสดงความคิดเห็น’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจอย่างนึกขัน

เขากับเซี่ยเหยียนสนิทกันก็จริง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องในโลกแห่งการฝึกตน และเขาก็ไม่ทราบที่มาที่ไป เซี่ยเหยียนรับคำขอโทษหรือไม่ เขาไม่อาจตัดสินได้จริง ๆ

“พวกเจ้าสนทนากันไปเถิด ข้ากลับลานเล็กก่อน”

หลี่จิ่วเต้าบอก พลางกลับไปอยู่ในลานเล็ก เรื่องนี้ปล่อยให้เซี่ยเหยียนคุยกับผู้นำตระกูลไป๋มู่สองคนดีกว่า

ท่านเซียนหมายความว่าอย่างไร

เซี่ยเหยียนไม่มั่นใจนัก ไม่รู้ว่าท่านเซียนตำหนิตนหรือไม่

‘โอ๊ย ติดตามอยู่ข้างกายท่านเซียนมานาน เหตุใดข้าถึงยังโง่ปานนี้!’

เซี่ยเหยียนคิดในใจ รู้สึกตัวเองนี่เหลือเกิน

ท่านเซียนเป็นตัวตนระดับไหนเชียว

ตัวตนระดับที่ล่วงรู้ทุกสิ่ง!

ทราบเรื่องราวในอดีต หยั่งถึงเหตุการณ์ในอนาคต!

เรื่องที่ไป๋มู่มาที่นี่ ท่านเซียนย่อมต้องรู้อยู่แล้ว

หากท่านเซียนไม่ต้องการพบไป๋มู่ ไม่มีทางที่ไป๋มู่จะมาถึงที่นี่ได้!

มิหนำซ้ำนอกเมืองยังมีต้นหลิวกับก้อนหินอยู่

นางรู้ดีว่าต้นหลิวกับก้อนหินแข็งแกร่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใด และนางก็รู้ว่าต้นหลิวกับก้อนหินคอยอารักขาเมืองชิงซานอยู่

วันว่าง ๆ ไม่มีธุระใด นางจะเข้าไปสนทนากับต้นหลิวและก้อนหินอีกด้วย

วันนี้ขากลับมา นางยังคุยกับต้นหลิวและก้อนหินพักใหญ่

ต้นหลิวและก้อนหินบอกว่าช่วงนี้มักมีคนไม่หวังดีคิดเข้าเมืองบ่อยครั้ง ถูกพวกมันหยุดยั้งไว้ได้หมด พวกมันยังบอกอีกว่าไม่ยอมปล่อยผู้ฝึกตนที่ไม่รู้จักเข้าเมืองง่าย ๆ

และบัดนี้ ไป๋มู่กลับปรากฏตัวในร้านของท่านเซียน

นางขบคิดไปมาแล้วจึงกระจ่าง ไป๋มู่ผู้นี้คงเป็นผู้ที่ท่านเซียนต้องการพบ!

มิฉะนั้น ต้นหลิวและก้อนหินก็คงไม่ปล่อยไป๋มู่เข้ามา และไป๋มู่คงไม่มาอยู่ในร้าน

หากท่านเซียนไม่ต้องการพบไป๋มู่ ต่อให้ไป๋มู่มีความสามารถล้นฟ้า ก็ไม่มีทางหาที่นี่เจอ และไม่มีทางเข้ามาถึงในร้าน

ท่านเซียนมีพลังพอจะอำพรางร้านค้าไว้ และมีพลังพอจะไม่ให้ไป๋มู่หาเจอ

“สมองน้อย ๆ ของข้าไม่เฉลียวเอาเสียเลย!”

นางคิดในใจ รู้สึกว่าตัวเองนี่เหลือเกิน ยังคิดอยู่อีกหรือว่าท่านเซียนจะตำหนินางหรือไม่ หารู้ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนอยู่ในแผนของท่านเซียน ไป๋มู่คือผู้ที่ท่านเซียนต้องการพบ!

“น่ากลัวว่าท่านเซียนต้องการชี้แนะไป๋มู่ ให้ไป๋มู่มีกำลังพอจะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน!”

นางคิดในใจ

ท่านเซียนเมตตากรุณา แม้แต่ปุถุชนได้รับเคราะห์ยังทนดูไม่ได้ อาณาจักรแห่งนี้ต้องเผชิญกับการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวน ท่านเซียนไฉนเลยจะไม่รู้สึกรู้สา ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น

เมื่อลองตรึกตรองแล้ว นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านเซียนต้องการพบไป๋มู่!