บทที่ 64 ท่านโหว

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

กู้เหยี่ยนไม่อาจอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ นั้นได้นานนัก เพราะองครักษ์ของจวนโหวได้ตามมาถึงที่แล้ว

กู้เหยี่ยนไม่ให้พวกเขารบกวนกู้เจียว จึงบอกลากู้เจียวด้วยเสียงแผ่วเบา

มองแผ่นหลังของเขาที่ไกลออกไป แล้วนึกถึงท่าทางแสนถ่อมตนของเขา ในใจของกู้เจียวก็รู้สึกแทบทนไม่ไหว หน้าตาก็ดี ชาติตระกูลก็สูงส่ง แถมยังอ่อนโยนมารยาทงามอีกต่างหาก หนุ่มน้อยผู้แสนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ เหตุใดสวรรค์ถึงต้องกลั่นแกล้งเขาด้วย

หนุ่มน้อยมารยาทงามผู้นั้น ทันทีขึ้นนั่งบนรถม้าประจำจวนโหว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปจนสิ้น กลายเป็นสีหน้าเกรี้ยวกราด แววตาเย็นชา ต่างจากราวกับคนละคนกับหนุ่มน้อยที่กู้เจียวสาธยายถึงเมื่อครู่

ชายชุดดำที่ถูกกู้เจียวฟาดด้วยท่อนไม้จนสลบพร้อมกับคู่หูกลับมาคอยคุ้มกันกู้เหยี่ยน ทั้งสองพยายามทำตัวไร้ตัวตน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

พวกเขาก็นับว่ารู้จักนิสัยใจคอร้ายกาจของท่านชายน้อยพอสมควร แต่ก็ยังสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงได้ปั้นหน้าเก่งถึงเพียงนี้ แน่จริงท่านก็แสร้งทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายต่อหน้าโหวฮูหยินกับท่านโหวด้วยสิ!

จอมโวยวายที่อาละวาดไปทั่วบ้านทั่วเมืองผู้นั้นเป็นใครกันแน่!

หากว่ากันตามตรงวันนี้พวกเขาทั้งสองคนควรจะถูกไล่ออก ทว่าท่านชายน้อยกลับไม่ออกคำสั่งลงโทษใด ดูท่าแล้วเขาคงอารมณ์ดีไม่น้อย หากเป็นเช่นนี้ ก็ควรบอกข่าวดีให้รู้แล้วได้ใช่หรือไม่

“ยังไม่ไปอีก มีเรื่องอันใด” กู้เหยี่ยนเอ่ยถามด้วยความรำคาญ

ทั้งสองส่งสายตาให้กัน สุดท้ายแล้วก็เป็นชายชุดดำคนที่ถูกไม้ฟาดที่ปริปากขึ้น “ท่านโหวกำลังเดินทางมาขอรับ”

ท่าทีของกู้เหยี่ยนดูสงบนิ่งขึ้นมาทันตา

เขานิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะยื่นมาออกไป “รูปวาด”

ทั้งสองส่งภาพวาดล้ำค่าของท่านโหวให้เขาทันทีอย่างรู้งาน

กู้เหยี่ยนคว้าภาพวาดนั้นแล้วฉีกออกเป็นชิ้นๆ !

อีกฟากหนึ่ง กู้เจียวก็กำลังจะออกจากร้าน

อาหารวันนี้อร่อยมาก กู้เจียวซื้อขาหมูน้ำแดงหนึ่งขาและหมูก้อนน้ำแดงอีกหนึ่งชาม ก่อนจะจ่ายเงินมัดจำห้าสิบอีแปะ จากนั้นจึงบอกกับคนที่ร้านให้ใส่อาหารลงไหสองใบเพื่อเอากลับไปฝากคน

ที่บ้าน

ทันทีที่นางอุ้มไหเดินออกมาจากจากร้านอาหารเล็กๆ นั้น ก็มีม้างามตัวหนึ่งควบเข้ามาด้วยความเร็ว คนที่อยู่บนหลังม้าแกว่งไกวสะบัดแซ่ในมือ ก่อนจะฟาดออกไปเพื่อแหวกทางฝูงชน

หนึ่งในนั้นมีหญิงสูงวัยนางหนึ่งที่หลบหลีกแซ่ม้าของเขาจนเซล้มชนเข้ากับไหของกู้เจียว

ไหของกู้เจียวร่วงลงสู่พื้น แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทั้งน้ำแกงทั้งขาหมูทั้งลูกชิ้นหกเลอะเทอะเต็มพื้น ไม่นานก็ถูกหญิงคราวป้าทะเล่อทะล่าเข้ามาเหยียบจนเละ

“ไอ้หยา”

เท้าของสาวใหญ่ลื่นไถลจนเกือบล้ม กู้เจียวเอื้อมมือออกไปประคองนางไว้แล้วคว้าตัวนางหลบออกไปอีกทาง

หลังจากที่คุณป้าได้สติและรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเอ่ยขอโทษกู้เจียวในทันใด “ขอโทษด้วยแม่นาง ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

เรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีคนรับผิดชอบ เพียงแต่เรื่องนี้คงโทษนางไม่ได้ หากจะโทษก็ต้องชายที่ควบม้าบนถนนคนนั้น

ชายผู้นั้นไม่แยแสความโกลาหลวุ่นวายที่ตัวเองก่อขึ้น ไม่แม้แต่จะเหลียวมองกู้เจียวด้วยซ้ำ

กู้เจียวหรี่ตาทั้งสองข้าง จังหวะที่เขากำลังจะสะบัดแซ่อีกครั้งผ่านหน้านางไป กู้เจียวก็คว้าแซ่นั่นไว้

จากนั้น ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว กู้เจียวกระชากเขาลงมาจากรถม้าอย่างไม่ไว้หน้า

คนผู้นั้นตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ส่วนม้าที่หลุดมือก็วิ่งเตลิดไป ควบกรับ กรับ หายไปจนลับตา!

เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ์ การตกลงมาครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเขานั้นกลับเดือดดาลเป็นอย่างมาก ผู้ใดกันถึงได้กล้าดีกระชากเขาตกม้ากลางถนนแบบนี้

ห้องโดยสารของรถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรง หญิงสาวที่อยู่ภายในทรงตัวไม่อยู่ ศีรษะกระแทกเข้ากับผนังของรถ เกิดเป็นเสียงดังตุบจนหน้าตกใจ “โอ๊ย…”

วินาทีนั้นเองรถม้าก็ถูกฉุดให้หยุดลงในทันใด ชายคนนั้นที่ถูกกู้เจียวกระชากแซ่ม้าจนลอยหวือ ตาลีตาเหลือกพยุงตัวลุกขึ้น เขาคุกเข่าอยู่ข้างรถม้า ก่อนจะยกมือขึ้นประสานกัน “ข้าน้อยมีความผิด! ท่านโหวโปรดลงโทษด้วย!”

กู้เจียวขมวดคิ้วอย่างสงสัย ท่านโหวอย่างนั้นหรือ

ภายในรถม้า ท่านโหวกู้ประคองร่างลูกสาวที่หัวกระแทกเอาไว้ ก่อนจะถามอย่างเป็นกังวล

“จิ่นอวี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือไม่”

หน้าผากของกู้จิ่นอวี้แดงก่ำ ความจริงแล้วนี่ไม่เรียกว่าบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ กู้เจียวยกมือขึ้นมาดู ไม่ว่าจะบาดแผลรอยใหม่ที่ใดก็ดูสาหัสกว่าอาการนางทั้งนั้น แต่ใครใช้ให้กู้จิ่นอวี้เกิดมาสำออยเช่นนั้นเล่า

นางไม่เคยลำบาก ไม่เคยต้องตกเป็นข้อครหาของใคร

กู้จิ่นอวี้กุมหน้าผาก มองท่านโหวกู้ตาละห้อย น้ำตาเอ่อคลอเบ้า “เจ็บเจ้าค่ะ”

“ไหนให้พ่อดูซิ” ท่านโหวกู้ดึงมือของกู้จิ่นอวี้ออก พอได้เห็นหน้าผากแดงก่ำของนาง ความเดือดดาลก็พุ่งพล่านขึ้นมา

เขาแหวกม่านออกอย่างแรง มองไปยังองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น!”

องครักษ์ชี้ไปที่กู้เจียวแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยกำลังแหวกทางอยู่ด้านหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่านางจะกระชากแซ่ของข้าน้อย แถมยังลากข้าน้อยลงมาจากม้าอีกต่างหาก ข้าน้อยถึงได้ชนกับรถม้าของท่าน”

ผู้คนโดยรอบได้ยินคำว่าท่านโหว สองขาก็พากันอ่อนยวบ คุกเข่าทรุดนั่งลงในทันใด มีเพียง

กู้เจียวคนเดียวที่ยืนตระหง่านมาดมั่นอยู่ตรงนั้น

ท่านโหวกู้มองไปยังใบหน้าของกู้เจียวด้วยสายตาเย็นชา

ใบหน้าที่ไม่ชวนให้คนเหลียวมองเป็นหนที่สอง แววตาเยือกเย็น ปาดสีแดงสดขับให้ผิวพรรณของนางยิ่งดูขาวนวล ทว่ากลับงดงามอย่างน่าประหลาด

แววตาของนางเยือกเย็นทว่าแหลมคม ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อยยามสบเข้ากับสายตาของท่านโหวกู้

การแต่งกายของนางเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป อายุรุ่นราวคราวเดียวกับจิ่นอวี้ แต่กลับมีสายตาแสนน่าสะพรึงกลัว

ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าบังอาจนัก!”

ไม่ว่าจะทำร้ายองครักษ์ของเขาต่อหน้าผู้คน หรือว่าไม่ยอมคุกเข่าให้เขานั้น ก็ล้วนแต่เป็นการกระทำอันสามหาวทั้งสิ้น!

กู้เจียวไม่ได้หวาดกลัวกับเสียงคำรามลั่นของเขาแม้แต่น้อย นางถือแซ่ม้าเดินเข้าไปใกล้

องครักษ์ลุกพรวดขึ้นมา ชักกระบี่ที่เอวขึ้นมาขวางนางไว้

กู้เจียวตาไม่กระพริบ สะบัดแซ่เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้กระบี่ของเขากลับเข้าฝักได้

คนทุกตกตะลึง!

กู้เจียวหยุดยืนที่ข้างรถม้า ผู้คนรอบการพากันล้อมกรูเข้ามา ทว่าสีหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

นางแบมือให้ท่านโหวกู้

ท่านโหวกู้ขมวดคิ้ว “ทำอะไรของเจ้า”

กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ค่าไหห้าสิบอีแปะ ขาหมูน้ำแดงหกสิบอีแปะ หมูก้อนน้ำแดงสี่สิบอีแปะ แล้วก็ค่ามีต้องให้ร้านทำใหม่อีก ค่าเสียเวลาหนึ่งร้อยอีแปะ รวมทั้งหมดสองร้อยอีแปะ”

ท่านโหวกู้ “…”

ท่านโหวกู้มองสภาพอเนจอนาถขององครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างล่าง องครักษ์ก้มหน้าลงด้วยความละอาย ท่านโหวกู้จึงเข้าใจในทันใด

ท่านโหวกู้ส่งเสียงเย้ยหยันด้วยความเย็นชา “คนของข้าผิดก็จริง แต่เจ้าก็ทำเกินกว่าเหตุไปมาก ไม่กลัวข้าเอาโทษเจ้าถึงตายเลยหรือ”

กู้เจียวมองเขา ราวกับกำลังครุ่นคิดคำพูดของเขา ผ่านไปเพียงครู่ก็เอ่ยขึ้นว่า “สองร้อยสี่สิบเก้าอีแปะ”

“…” ท่านโหวกู้มึนงงไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

กู้จิ่นอวี้จำกู้เจียวได้ นางกระตุกแขนเสื้อของท่านโหวกู้ ก่อนจะส่ายหน้า

ท่านโหวกู้ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยกับนาง “เป็นเพราะลูกสาวข้าขอให้เมตตาเจ้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า

ก็แล้วกัน!”

พูดจบก็โยนก้อนเงินหยวนเป่า[1]ก้อนหนึ่งให้กับกู้เจียว ก่อนจะปลดม่านลงแล้วสั่งให้

พลขับเคลื่อนรถม้าออกไป

กู้เจียวบอกว่าต้องการแค่สองร้อยสี่สิบเก้าอีแปะก็คือสองร้อยสี่สิบเก้าอีแปะ เขาให้เงินมาเกิน

กู้เจียวหยิบเงินออกมาแบ่งเป็นสองก้อน ที่เหลือก็โยนกลับเข้าไปในรถม้า

ก่อนกระแทกเข้ากับศีรษะของท่านโหวกู้อย่างจัง จนบวมปูดเป็นก้อนขึ้นมาในทันใด!

ท่านโหวกู้ “!!!”

——————–

[1] หยวนเป่า เป็นเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยนในอดีต มีรูปร่างคล้ายเรือ