ท่านโหวกู้เดือดดาลเหลือคณา เรียวคิ้วบนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มกระตุกหงึกหงัก ขณะที่เขากำลังตัดสินใจว่าจะจับสาวน้อยนางนั้นมาลงโทษให้เข็ดหลาบ องครักษ์ประจำจวนคนหนึ่งก็ควบม้า

เข้ามา “เรียนท่านโหว ท่านชายเกิดเรื่องแล้วขอรับ!”

ท่านโหวกู้ไม่มีเวลาจัดการกู้เจียวอีกต่อไป เขารีบให้องครักษ์นำทางไป ควบม้ามุ่งหน้าออกไปยังจุดเกิดเหตุของลูกชายในทันที

รถม้าของกู้เหยี่ยนพลิกคว่ำระหว่างทาง องครักษ์ลับเข้ามาประคองตัวรถได้ทันเวลา รถทั้งคันจึงไม่ได้คว่ำลงกับพื้น แต่ก็ฐานรถนั้นก็เอียงอย่างรุนแรง กู้เหยี่ยนจึงพลัดตกลงมา

ร่างกายของกู้เหยี่ยนอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเด็กน้อย คนในจวนแทบไม่ปล่อยให้ยุงไต่ไรตอม ท่านโหวกู้รีบมาแทบเป็นแทบตาย แต่พอมาถึงเขากลับพบว่ากู้เหยี่ยนไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใด

กู้เหยี่ยนนั่งอยู่บนตั่งไม้เตี้ย เหยียดขาเรียวยาวทั้งสองข้างออกมา กำลังผิงแดดอย่างสบายอารมณ์

“น้องชาย!” กู้จิ่นอวี้ยกชายกระโปรงลงจากรถม้า ก่อนจะนั่งลงตรงหน้ากู้เหยี่ยน กุมมือของเขาไว้แล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

ท่านโหวกู้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะจ้องมองไปที่ลูกชาย “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

กู้เหยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ “แค่นี้ไม่ตายหรอกขอรับ”

ท่านโหวกู้รู้ข่าวทางจดหมายว่าอาการของลูกชายดีขึ้นมากแล้ว ทว่าเขานั้นก็ยังไม่วางใจนัก

พอได้มาเห็นกับตาตอนนี้ก็พบว่าเป็นความจริง

รถม้าคว่ำแต่คนกลับไม่เป็นอะไร ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งนัก

ท่านโหวกู้โล่งใจไปได้หนึ่งเปราะ ก่อนจะพาลูกชายขึ้นนั่งบนรถม้าของตนเอง

ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกไม่สู้ดีนัก หลังจากขึ้นนั่งบนรถ ทั้งสองไม่มีใครพูดจา มีเพียงกู้จิ่นอวี้ที่เอ่ยปากขึ้นมาเป็นครั้งคราว เพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนบนรถ

ศีรษะของท่านโหวกู้ปูดโนเพราะกระแทกเข้ากับเงิน กู้เหยี่ยนจึงเอาแค่จับจ้องอยู่ที่ก้อนนูนบวมเป่งนั้น

กู้จิ่นอวี้คิดว่าน้องชายกำลังเป็นห่วงท่านพอ จึงรีบอธิบาย “น้องพี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่พวกเราพบกับใครเข้า เด็กหยิบยาที่หยิบแหวนหยกของเจ้าไปอย่างไรล่ะ… ท่านพ่อให้เงินนาง แต่นางไม่รับ ดูนางปาเงินใส่ท่านพ่อสิ”

“นางเป็นคนปาหรือ” กู้เหยี่ยนตาเบิกโพลง

“ใช่” กู้จิ่นอวี้พยักหน้า

กู้เหยี่ยนอารมณ์ดีขึ้นมาในทันใด

มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างไม่คิดปกปิด

ท่านโหวกู้โมโหจนอยากจะโบยคน หากนั่นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา มีหวังถูกเขาโบยจนตายไปแล้ว!

อยู่นอกเรือนก็มีเด็กเมื่อวานซืนยั่วโมโหจนแทบคลั่งตาย พอกลับมาที่บ้านก็มีลูกชายตัวเองกวนอารมณ์อีก เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ นี่พวกเขาวางแผนสมคบคิดกันไว้อย่างไร

ไม่นานรถม้าก็มาถึงหมู่บ้านเวินเฉวียนซาน

คนในหมู่บ้านทั้งหมดรู้ว่าท่านโหวจะมา ทุกคนล้วนแต่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับเทศกาล

ปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น

คงจะถือโทษอะไรไม่ได้ที่พวกเขาตื่นเต้นกันขนาดนี้ เพราะตั้งแต่ท่านโหวเข้ารับตำแหน่งที่

เมืองหลวง น้อยครั้งนักที่จะกลับมาเยือนหมู่บ้านในป่าเขาเช่นนี้ มีเพียงโฮวฮูหยินที่อยู่กับท่านชายน้อยที่นี่ ส่วนนายหญิงน้อยนั้น ก็เทียวไปเทียวมาทั้งสองที่ ช่วงหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้าน ช่วยหนึ่งก็พักอยู่ที่เมืองหลวง

คนครัวเตรียมอาหารรสเลิศเต็มโต๊ะไว้ต้อนรับท่านโหวกู้ นานทีปีหนครอบครัวนี้ถึงจะมีโอกาสกินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งสี่คน

หลังจากกินข้าวเสร็จ กู้จิ่นอวี้และกู้เหยี่ยนก็แยกย้ายกลับเข้าห้องของตัวเอง เหลือท่านโหวกู้และโหวฮูหยินแซ่เหยาอยู่ที่โถงกลางจวน

ยามอยู่ต่อหน้าลูก ทั้งสองรักใคร่ดั่งข้าวใหม่ปลามัน แต่พอลูกทั้งสองคนเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่นางเหยาก็จางหายไปไม่น้อย “นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านโหวก็ควรพักผ่อนได้แล้ว ข้าจะให้คนเตรียมห้องให้ท่าน”

ท่านโหวกู้คว้ามือนางไว้ ก่อนจะกระซิบเสียงอ่อนโยน “ยังโกรธข้าอยู่หรือ”

แม่นางเหยาเบือนหน้าหนี “ข้าจะกล้าโกรธท่านโหวได้อย่างไร ท่านโหวอย่าล้อข้าเล่นเลย”

ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างรู้สึกผิด “เป็นความผิดข้าเอง ไม่ควรทิ้งเจ้าให้อยู่คนเดียวนานเช่นนี้ แต่ข้าปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ สถานการณ์ในเมืองหลวงเจ้าก็รู้ดี เหล่าองค์ชายล้วนแต่เติบใหญ่แล้ว ฝ่าบาทก็กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรื่อง…”

แม่นางเหยาเอ่ยขัดเขา “ท่านโหวอย่าได้พูดเรื่องในราชสำนักกับแม่บ้านแม่เรือนเช่นข้าเลย

ข้าฟังไม่รู้เรื่อง ท่านโหวกลับมาที่หมู่บ้านกะทันหันเช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”

ท่านโหวกู้อยากจพูดแต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน

แน่นอนว่าเขาต้องมีธุระอะไรสักอย่าง

เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะบอกกับนางในยามนี้หรือไม่

ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าหาหมอชื่อดังที่เมืองหลวงได้คนหนึ่ง เลยพาเขามารักษา

เหยี่ยนเอ๋อร์”

แม่นางเหยาเอ่ย “อาการป่วยของเหยี่ยนเอ๋อร์ดีขึ้นมากแล้ว”

นายท่านโหวเอ่ย “ข้ารู้ จิ่งอวี้บอกข้าแล้ว หมอของหุยชุนถังฝีมือยอดเยี่ยมนัก อาการของ

เหยี่ยนเอ๋อร์ดีขึ้นมาก เพียงแต่พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาเหยี่ยนเอ๋อร์ได้ใช่หรือไม่ ให้หมอมาดูอีกสักคน ก็คงมีความหวังมากขึ้น”

แม่นางเหยาเห็นด้วยกับท่านโหวกู้ในจุดนี้

ท่านโหวกู้กอดแม่นางเหยาจากด้านหลัง เอ่ยข้างหูนางด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าจะกลับดึกสักหน่อย เปิดประตูไว้ให้ข้าด้วยล่ะ”

แม่นางเหยาหลุบตาลงก่อนจะเอ่ยขานตอบ จากนั้นจึงปิดม่านเดินเข้าห้องไป

ท่านโหวกู้เดินไปยังห้องหนังสือ ก่อนจะเรียกหมอจูเก๋อที่รออยู่ในด้านในไปยังห้องของกู้เหยี่ยน

กู้เหยี่ยนหลับไปแล้ว ท่าโหวกู้เองก็ไม่ส่งเสียงรบกวนเขา ไล่คนอื่นให้ออกไปก่อน เหลือเพียงเขาและหมอจูเก๋อในห้อง

ที่ท่านโหวกู้ระมัดระวังขนาดนี้ เป็นเพราะว่าตนตัวของหมอจูเก๋อนั้นไม่ธรรมดา ไม่อาจให้ใครรู้ว่าเขาออกจากเมืองหลวงแล้ว และยิ่งไม่อาจให้ใครรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับจวนอันติ้งโหวแห่งนี้

ท่านโหวกู้มองไปทางหมอจูเก๋อไม่พูดไม่จา “หลังจากที่ลูกศิษย์ของเจ้ารักษาโรคให้ลูกชายของข้า ได้เอ่ยวาจาสามหาวกับข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ว่าข้าไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครมาล่วงเกินได้ง่ายๆ ! อย่าได้คิดท้าทายข้าเป็นอันขาด!”

“ข้าน้อยมิบังอาจ” หมอจูเก๋อเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด

ท่านโหวกู้จ้องมองเขา ก่อนจะหลีกทางให้เขาเดินมายืนอยู่ข้างเตียง เขาใช้เข็มเงินสะกิดหยดเลือดจากปลายนิ้วของกู้เหยี่ยน

จากนั้นทั้งสองก็พากันไปยังห้องของกู้จิ่นอวี้

ท่านโหวกู้เอ่ย “จิ่นอวี้ หมอต้องการเลือดจากปลายนิ้วเจ้า”

“เอ๊ะ คราวนี้ใช้เพื่อเป็นตัวนำยาให้น้องหรือเจ้าคะ” หลายเดือนก่อน มีหมอคนหนึ่งมาที่หมู่บ้านเก็บเลือดจากปลายนิ้วนาง บอกว่าจะนำไปใช้เป็นตัวนำยาให้แก่น้องชาย

“ใช่แล้ว ใช้เป็นตัวนำยาน่ะ” ท่านโหวกู้เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

กู้จิ่นอวี้กลัวเจ็บ แต่เพื่อน้องชายแล้วนางยอมทน นางหลับตาลงแล้วยื่นมือออกไป “เชิญท่านหมอเจ้าค่ะ”

หมอจูเก๋อเก็บเลือดหยดหนึ่งจากนิ้วมือของนาง

กู้จิ่นอวี้เจ็บจนน้ำตาไหล ท่านโหวกู้ปลอบลูกสาวยกใหญ่ ก่อนจะรอข่าวที่ห้องหนังสือ

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ หมอจูเก๋อก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน

“เป็นอย่างไรบ้าง” ท่านโหวกู้ถามอย่างร้อนใจ

หมอจูเก๋อจ้องมองดวงตาทั้งสองของท่านโหวกู้ “เลือดของท่านหญิงและท่านชายไม่ประสานกัน พวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันของรับ”

แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้ยินคำตอบจากปากของหมอจูเก๋อ ในใจยังรู้สึกราวกลับโดนฟ้าผ่ากลางแจ้ง ร่างทั้งร่างของท่านโหวกู้แข็งทื่ออยู่กับที่

กู้เหยี่ยนนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นลูกแท้ๆ ของเขาแน่นอน เจ้านั่นเหมือนเขาไม่มีผิด แม้แต่นิสัยก็เหมือนกัน เว้นเสียแต่ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนแม่ของเขา

แต่กลับกันกู้จิ่วอวี้นั้นไม่เหมือนทั้งเขาและแม่นางเหยาตั้งแต่เด็ก ยิ่งโตก็ยิ่งไม่เหมือน!

ใช่ว่าท่านโหวกู้จะไม่เคยสงสัย เพียงแต่เขานั้นไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา