หลานเสี่ยวถางรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของหันจื่ออี้เพียงเล็กน้อย
ในสมัยโรงเรียนมัธยม เขามีผลการเรียนที่ดีและเป็นนักเรียนดีเด่น ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในสายตาของทุกคน
แต่ว่า เธอรู้ดีว่าสภาพการเงินทางบ้างเขาแย่มาก
ตอนที่เธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พ่อแม่ของเขาก็จากไปแล้ว เขาบอกแค่ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ดังนั้นก่อนถึงวันเกิดเธอในตอนนั้น พวกเขาได้ไปเดินห้างด้วยกันและเขาเห็นนาฬิกาเรือนนั้น และเขาต้องการซื้อให้เธอ เธอถึงพูดว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อให้เธอ
ในเวลานั้น เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคิดแค่ว่าเขาดีกับเธอ และเธอก็ชอบเขาเช่นกัน แต่แค่รอให้เธอสอบเข้ามหาลัยเดียวกับเขา เธอจะตกลงคบกับเขา
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนนี้ เธอดูไร้เดียงสาเกินไป
และตอนนั้น เธอและสือเพ่ยหลินได้ถูกจับคู่ให้เป็นคู่หมั้นกันโดยพ่อแม่บุญธรรมของเธอ แม้ว่าหันจื่ออี้จะไม่ได้จากไป พวกเขาก็ต้องแยกกันอยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้ว พ่อแม่บุญธรรมของเธอจะยอมให้เธออยู่กับเด็กยากจนได้อย่างไร ? !
“ตระกูลหลานและตระกูลสือมีสัญญาใจการแต่งงานมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นแม้ว่าคุณจะไม่ได้จากไปตั้งแต่แรก ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี ” หลานเสี่ยวถางยิ้มให้หันจืออี้ “จริง ๆ ที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว คุณมี ชีวิตที่สุขสบาย มีธุรกิจของตัวเอง อย่าไปเสี่ยใจกับอดีตเลย ”
“ไม่ เสี่ยวถาง” หันจืออี้คว้าแขนของเธอ “ฉันต้องการแค่เธอเท่านั้น”
แม้ว่าเขาจะจากไปในตอนแรก แต่เขาก็ต้องการแค่เธอคนเดียว
หลานเสี่ยวถางดึงแขนของเขาออกอย่างแรง “พี่จื่ออี้ เรากลับไปไม่ได้อีกแล้ว ”
” เสี่ยวถาง –” หันจื่ออี้มองดูเธออย่างกระวนกระวาย “เธอยังต้องการจะเรียกฉันแบบนั้น! พวกเรายังไม่แก่เสียหน่อย แม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้สึกกับฉันแล้ว แต่ฉันก็รอได้…”
“ขอโทษ ฉันแต่งงานแล้ว” หลานเสี่ยวถางพูด แล้วหันกลับมาอย่างรวดเร็ว “ฉันจะกลับแล้ว”
“เสี่ยวถาง –” หันจื่ออี้มองเห็นแต่หลังเธอที่กำลังเดินจากไป อยากจะตามเธอไป แต่ก็กลัวจะทำให้เธอรำคาญใจ จึงได้แต่ปล่อยให้เธอเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ
หลานเสี่ยวถางรีบวิ่งกลับไปที่ชายหาดที่เธอถอดรองเท้าทิ้งไว้เมื่อกี้ และพบว่ารองเท้าของเธอถูกคลื่นซัดไปจริงๆ
เธอทำอะไรไม่ถูกและต้องกลับไปที่บ้านของเธอด้วยเท้าเปล่า
วันนี้ได้เจอ หันจื่ออี้แล้วเธอก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นน้ำอีก เธอจึงพักผ่อนอยู่ในห้อง
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นหลายครั้ง เธอเปิดดู และพบว่าผู้ดูแลระบบลากพวกเขาไปที่กลุ่มเพื่อแจ้งเวลาของงานคืนนี้และการเตรียมการอื่นๆ
หลานเสี่ยวถางถอนหายใจเมื่อคิดว่าตัวเองอาจจะต้องเจอกับ หันจื่ออี้ในคืนนี้ เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร
เวลาหกโมงเย็น ปาร์ตี้ชายหาดเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เวลานี้ พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะลับผืนน้ำ จึงสะท้อนแสงสีทองที่แตกละเอียดไปทั่วบนผิวน้ำ
หลานเสี่ยวถางเรียกหร่วนฉีออกมาด้วยกัน ทั้งสองพบที่เงียบๆ และนั่งลง หร่วนฉีถาม “เสี่ยวถาง วันนี้เธอโอเคไหม
“ฉันไม่เป็นไร แค่นึกถึงอดีตนิดหน่อย ” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า “ เธอเองก็เหมือนกัน พอมีเรื่องก็รีบหนีไปเลยนะ !”
หร่วนฉียักไหล่ “ ใครจะกล้าแยกคนของเจ้านาย ? หลังจากฉันกลับมาที่ชายหาด ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาคือประธานหัน โชคดีที่ฉันไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด
“เธอไม่ได้บอกคนอื่นว่าเรารู้จักกันใช่ไหม ?” หลานเสี่ยวถางกล่าว “ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเขาทำงานอยู่ในบริษัท Latitude Technology ก็วันนี้”
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างแน่นอน ” หร่วนฉีกะพริบตาปริบๆ “ แต่เห็นได้ชัดว่า เขารู้สึกอะไรกับเธอเป็นพิเศษ!”
ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็เห็นกลุ่มคนสองสามคนกำลังเดินเข้ามา
คนที่เดินนำมาคือหันจื่ออี้ เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าลำลอง มีรูปร่างสูง และมีใบหน้าหล่อเหลา เมื่อเขาเดินผ่านไป เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน
หลานเสี่ยวถางได้ยินคนพูดว่า “โอ้พระเจ้า เขาคือประธานหันใช่ไหม ได้ยินมาว่ามีประธานคนใหม่จะย้ายมาบริหารที่บริษัทของของเรา และเห็นว่าเขายังหนุ่มอยู่ น่าจะเป็นเขานี่แหละ ”
“ใช่ๆ วันนั้น ตอนที่เขามาถึงศูนย์ R&D ฉันมองไปที่เขา ฉันเกือบจะถูกไฟฟ้าช็อต!”
“ปาร์ตี้งานเลี้ยงวันนี้มีกิจกรรมดีมากมาย ! ถ้าฉันได้อยู่กลุ่มเดียวกับเขา ให้ตายฉันก็ยอม!”
หันจื่ออี้เดินมาอยู่ต่อหน้าทุกคนและพูดว่า “ทุกคน วันนี้เป็นงานเลี้ยงสำหรับพนักงานในครึ่งปีของเรา พอดีเมื่ออาทิตย์ที่แล้วบริษัท Latitude Technology ได้เปิดบิลครั้งใหญ่ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในบริษัท Times Group พวกเขาจะมาถึงเร็วๆ นี้ ทุกคนไม่ต้องสงสัยอะไร มาร่วมสนุกกับแขกของเราวันนี้ก็พอ !”
“ว้าว!” ทุกคนส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
ในเวลานี้ ยวี้หมิงเลขาของหันจื่ออี้เข้ามาและกระซิบบอกเขาว่า ” ประธานหัน พวกเขาถึงลานจอดรถของรีสอร์ตแล้ว กำลังมาที่นี่ในอีกไม่ช้า
“ไปกันเถอะ” หันจื่ออี้กล่าว และเดินไปที่ลานจอดรถพร้อมกับผู้บริหารคนอื่นๆ อีกหลายคน
“ครั้งนี้ไม่รู้ว่าที่Time Group มีใครมาบ้าง” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น “สื่อเพ่ยหลินช่วงนี้ยุ่งๆ กับนิตยสารการเงิน ไม่รู้ว่าเขาจะมาด้วยหรือเปล่า”
มีคนพยักหน้า “ จริงด้วย และเขายังหล่อมาก อ่อนโยนและดูมีน้ำใจมาก”
“ใช่!” เพื่อนร่วมงานคนเมื่อกี้พูดอย่างตื่นเต้น “เธอว่า เขากับประทานหัน ใครหล่อกว่ากัน ”
“แน่นอนว่าต้องเป็นประธานหันสิ ! ” ใครบางคนพูดอย่างมั่นใจ “ ประธานหันดู MAN กว่า สือเพ่ยหลินดูแล้วเหมือนผู้ชายสมัยก่อน บอบบางเกินไป ”
มีคนคัดค้าน “ไม่ ฉันชอบแบบบอบบาง ดูแล้วมีเสน่ห์ ถ้าได้รักกับเขา เขาน่าจะดูแลเอาใจใส่ได้ดี ! ประธานหันดูเย็นชานิดหน่อย บางทีเขาอาจเป็นผู้ชายที่ชอบกินเหล้าและก้าวร้าว … ”
หลานเสี่ยวถางได้ยินเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพวกหล่อน หรือว่าพวกหล่อนคิดว่าผู้ชายกำลังรอให้พวกหล่อนตัดสินว่าใครหล่อกว่ากัน ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลานเสี่ยวถังเห็นกลุ่มคนที่เดินอยู่ไกลๆ รูม่านตาของเธอก็หดตัวลงในทันที
เธอไม่คิดว่าสือมูเฉินจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
เขาไม่ได้อยู่ตรงกลาง แต่อยู่ข้างหลัง และเธอสังเกตเห็นเขา
เป็นการเห็นแบบไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่สามารถละสายตาได้
เธอได้ยินเสียงอุทานเบาๆ จากการสนทนาของผู้คนรอบตัวเธอและใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง หลานเสี่ยวถางมองลงมาที่โทรศัพท์มือถือของเธอและตั้งใจส่งข้อความใน WeChat กับสือมูเฉิน แต่ไม่เห็นข้อความตอบกลับของเขา
ทั้งๆที่ข้อความถูกส่งออกไปแล้ว ทำไมเขาถึงกลับมาที่ประเทศและมาที่งานปาร์ตี้โดยไม่บอกเธอ?
“เสี่ยวถาง เธอว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” หร่วนฉีพูดกับหลานเสี่ยวถางที่อยู่ข้างๆ เธอ “คนที่อยู่ข้างๆ ด้านหลังคนนั้นอ่ะ น่าจะเป็นหุ้นส่วนในบริษัท Times Group แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาในนิตยสาร… ”
หลานเสี่ยวถางรู้ว่าหล่อนกำลังพูดถึงสือมูเฉิน แต่เธอส่ายหั: “มันไกลเกิน ฉันเห็นไม่ชัดและฉันก็ไม่รู้”
ในขณะนี้ สือมูเฉินหันไปมองรอบๆ และบังเอิญหันหลานเสี่ยวถางอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ในชั่วขณะ สมองของเธอหยุดทำงานในทันที และการหายใจของเธอดูวุ่นวายเหมือนกำลังจะหยุดหายใจยังไงอย่างงั้น
“อ่ะ เขากำลังมองฝั่งนี่ด้วย !” เสียงของหร่วนฉีดังขึ้น “ เอ๊ะ แต่ทำไมถึงหันกลับไปแล้วล่ะ ?”
แม้ว่าความสัมพันธ์ของสือมูเฉินกับเธอจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังโกรธเธอ
ว่าแต่ โกรธเธอเรื่องอะไร ? เธอสับสนไปหมด
แม้ว่าในวันนั้นเขาจะโทรหาเธอถึง 2 ครั้งและเธอไม่รับสาย แต่เขาก็ไม่น่าจะโกรธหลายวันขนาดนี้ เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล
หลานเสี่ยวถางหงุดหงิดเล็กน้อย มันเป็นครั้งแรกที่สือมูเฉินไม่สนใจเธอ และเธอไม่มีกะจิตกะใจจะร่วมเล่นกิจกรรมด้วย
ในเวลานี้ หันจื่ออี้พาพวกเขามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “นี่คือรองประธานของบริษัท Times Group คุณสือเพ่ยหลิน เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา จริงไหม ? ”
หลังจากพูดจบ เขาชี้ไปที่สือมูเฉินและพูดต่อไปว่า “และนี่เป็นรองประธานของบริษัท Times Group คุณสือมูเฉิน เขาไม่ค่อยชอบพูด ดังนั้นทุกคนอาจจะรู้สึกว่าเขาหยิ่งหน่อยๆ ”
อันที่จริง หลานเสี่ยวถางรู้ว่าสือมูเฉินเป็นผู้นำที่แท้จริงของ Times Group เพราะอำนาจทั้งหมดเป็นของพ่อเขา
แต่เนื่องด้วยกลัวว่าถ้ามอบทุกอย่างให้เขาดูแลตั้งแต่เด็ก เขาจะถูกรังแก ดังนั้น หลังจากโตพอที่จะได้รับตำแหน่ง สือมูเฉินจึงให้ตำแหน่งรองประธาน
ในขณะที่สือมูเฉินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยของเขาสองสามคน และหลานเสี่ยวถางเคยเห็นอยู่หลายครั้ง แต่พอเธอหันกลับมาอีกทีก็เจอกับเฉินจื่อโร่ว ทั้งสามเผชิญหน้ากัน
อ่ะๆ จริงด้วย สือเพ่ยหลินมา มีเหรอที่เฉินจื่อโร่ว จะไม่มา?
“วันนี้เป็นมิตรภาพของทั้งสองบริษัท ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีทิฐิมากจนเกินไป เราออกมาพักผ่อนหย่อนใจกัน และทุกคนในที่นี้ต่างเป็นเพื่อนกัน ทุกคนเท่าเทียมกัน เรามาหาความสุขให้ตัวเองกันดีกว่า พอหลังจากผ่านวันหยุดไปจะได้กลับไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ขณะที่หันจื่ออี้พูด ก็รินเหล้าสามแก้วและยื่นให้ทั้งสาม
เวลานี้ ได้ปิดไฟลง แต่ยังดีที่นาฬิกาของเขายังพอมีแสงเหลืออยู่
หลานเสี่ยวถางเหลือบไปเห็นมันและรู้ได้ทันทีว่านาฬิกาที่เขาสวมนั้นเป็นนาฬิกาชายของทั้งคู่เมื่อหกปีที่แล้ว
หัวใจของเธอเต้นแรง และรีบหลับตาลง
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกเมื่อ 6 ปีที่แล้วหรืออะไร แต่เธอรู้สึกว่ามีคนกำลังมองเธออยู่ เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็นสือมูเฉินมองหน้าเธออย่างสงสัย
การมองด้วยสายตาแบบนี้เหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันเหมือนมีพลังงานบางอย่าง ที่ทำให้หลานเสี่ยวถางรู้สึกร้อนรนเหมือนทำอะไรผิดแล้วเขาจับได้
เธอไม่กล้ามองหันจื่ออี้อีก แต่ละสายตาลงเพื่อลดความรู้สึกผิดที่มีอยู่
สือมูเฉินและทั้งสามคนชนแก้ว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัท
จากนั้นก็มีดนตรีรอบๆ และเพื่อนร่วมงานที่รับผิดชอบในการวางแผนงานนี้ขึ้นมาบนเวที โดยประกาศว่า ขอให้ทุกคนผ่อนคลาย เราจะรับประทานอาหารและเล่นเกมไปพร้อมกัน
“ถึงเพื่อนร่วมงานและเพื่อนๆ ที่รักทุกคน กิจกรรมแรกของเราคือการสุ่มตัวเลข” ผู้จัดงานกล่าวว่า “เนื่องจากวันนี้มีคนค่อนข้างเยอะ จึงมีเพียงพนักงานบางส่วนเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรม”
คณะที่พูด เขาหยิบแล็ปท็อปออกมาแล้วพูดว่า “รายชื่อทุกคนที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของฉัน ตอนนี้เราจะสุ่มชื่อทั้ง 21 คนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ แน่นอนว่าประธานหันของเราและประธานสือทั้งสองคนต้องเข้าร่วม ”
หลานเสี่ยวถางมองไปรอบ ๆ และเห็นหลายคนตั้งหน้าตั้งตารออย่างตื่นเต้น เธอคิด วันนี้โชคเข้าข้างเธอจริงๆ ขออย่าได้มีชื่อของเธอในรายชื่อ
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิด ชื่อที่ถูกเรียกคนที่สามคือชื่อของเธอ
และบังเอิญ เฉินจื่อโร่วและหร่วนฉีก็ถูกสุ่มชื่อได้เช่นกัน