ตอนที่ 70 200,000แต้มอัญเชิญล่ะ!

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ

“ติ๊ง! วัตถุในมือยูสเซอร์มีพลังงานชีวิตจำนวนมหาศาล ตรวจสอบแล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนได้200,000แต้มอัญเชิญ ยูสเซอร์จะแลกหรือไม่!”

 

เสียงของระบบดังกรอกหูวู่หยานเป็นครั้งที่สามแล้ว เสียงที่ปกติจะเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ตอนนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆจากน้ำเสียงของระบบได้

 

เสียงอันเย็นชาของระบบพูดซ้ำๆไม่หยุด แต่ก็ไม่อาจเรียกสติที่หลุดกระเจิงของวู่หยานได้

 

ยังท่าทางที่ดูเหมือนเห็นผี มันจะดูเพอร์เฟคกว่านี้ถ้าเขากรอกตาไปมาอ่ะนะ….. เห็นได้ชัดว่าไอ้ ‘ของขวัญที่มาอย่างไม่คาดฝัน’ อันนี้ทำเขาช็อคขนาดไหน

 

200,000แต้มอัญเชิญ มันหมายความว่าไงนะ? โดยยังไม่ต้องพูดถึงสาวน้อยน่ารัก ถึงแม้สำหรับวู่หยานมันจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยก็เถอะ

 

ตอนอัญเชิญมิโคโตะ เขาใช้แต้มอัญเชิญไป70,000แต้ม เป็นจำนวนแต้มที่สามารถอัญเชิญเธอที่เลเวล68อีกนิดเดียวก็เลเวล69 เป็นแรงค์7ขั้นสูงสุด

 

แล้วถ้าคราวนี้เขาใช้แต้มอัญเชิญสองแสนแต้มนี้ไปจนหมดเลยล่ะผมมันจะเป็นยังไง? สาวน้อยที่ออกมาจะมีพลังน่าสะพรึงถึงขั้นไหนกัน?

 

ถึงแม้ในใจวู่หยานจะตัดสินใจสาวที่จะอัญเชิญไว้แล้วก็เถอะ ถึงแม้แต้มที่ต้องใช้อัญเชิญจะไม่ถึงสองแสน แต่ก็มากกว่าแต้มที่ใช้อัญเชิญมิโคโตะแน่นอน!!

 

มันก็หมายความว่าเธอคนนั้นกว่ามิโคโตะอีกยังไงล่ะ!

 

แข็งแกร่งกว่ามิโคโตะที่พลังแทบจะแตะขอบแขตของแรงค์8อยู่อีกไม่ไกลแล้ว!

 

ตอนแรกวู่หยานก็วางแผนไว้ว่า เดียวจะออกไปรับภารกิจของทหารรับจ้างควบคู่กับทำเควสของระบบ และไปปล้นไข่จากพวกสัตว์อสูรเพื่อหาแต้มอัญเชิญมาซัมมอนเธอคนนั้น

 

แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้วล่ะ! ฮ่าๆ!

 

200,000แต้มอัญเชิญ มันมากพอที่จะซัมมอนแน่นอน!

 

100,000เหรียญทองแลกกับ200,000แต้มอัญเชิญ บอกเลยโครตคุ้ม! ถ้ามีคริสตัลแบบนี้โผล่มาอีกบอกเลยมีรถขายรถมีบ้านขายบ้าน ตูพร้อมขายทุกอย่างโดยไม่ลังเล ทุ่มสุดตัวเพื่อเธอคนนั้น(?)!!!

 

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ วู่หยานก็ได้สติจากเสียงเตือนถี่ยิบของระบบที่เล่นถี่ซะเหมือนคนกำลังถวงหนี้ พอได้สติในใจก็ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่บรรยายออกมาได้ไม่ได้มันสุขเกินจะเอ่ยจริงๆ โดยเมินสายตาจากสามสาว วู่หยานก็ค่อยๆก้าวเท้าโยกไปทางซ้ายทีขวาทีบิดเอวส่ายสะโพกเต้นด้วยท่าที่ดูทุเรศสุดๆ

 

“………” ฮินางิคุ มิโคโตะ และก็ลิลิน ต่างหันมามองกันและกัน เธอมองฉัน ฉันมองเธอ แล้วก็หันไปมองวู่หยานที่กำลังกระโดด ทำเอาพวกเธอพูดไม่ออก

 

“….หัวของเจ้าบ้านี่มันมีปัญหางั้นเหรอ?” ฮินางิคุเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองด้วยความเครียด ว่าที่ตัวเธอได้ตัดสินใจ ‘ทิ้ง’ เพื่อนฝูงและพ่อแม่พี่น้องเพื่อติดตามผู้ชายสมองไม่สมประกอบคนนี้มา มันเป็นความคิดถูกต้องแล้วงั้นเหรอ?

 

ส่วนมิโคโตะก็ยกมือขึ้นมาปิดตาตนเอง เธอทนดูมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

 

แต่ยังโชคยังดีที่ตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย….

 

“พลังพิเศษของเจ้าบ้านี่ได้รับมาจากฉันโดยตรง ฉันเลยคิดว่ามันคงโชคร้ายที่ดันพัฒนาพลังผิดพลาดจนกลายเป็นบ้าแบบนี้”

 

“คิกคิก….” ลิลินน้อยยิ้มร่ามองวู่หยานที่กำลังเต้นไปมาเหมือนคนบ้า คนอื่นคงคิดว่าเธอไม่รู้สึกอะไร ถ้าไม่ได้เห็นหยาเหงื่อที่ไหลเต็มหน้าเธออ่ะนะ……

 

ส่วนวู่หยานที่กำลังเต้นท่าน่าเกลียดก็ตัวแข็งทื่อเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาดูหมิ่นของสามสาว เขาค่อยๆกลับมายืนแบบเดิมท่ามกลางสายตากลมโตน่าหลงไหลของสามสาว

 

“อะแฮ่ม!” วู่หยานไอแห้งๆสองครั้ง ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งขรึมราวกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “อืม เมื่อกี้มันมีสาเหตุอยู่นะ ฉันหวังว่าพวกเธอจะเข้าใจในตัวฉัน”

 

“ไม่! พวกเราไม่เข้าใจท่าทางของนายเมื่อกี้แม้แต่นิดเดียว!” ฮินางิคุ กับมิโคโตะ พูดออกไปโดยแทบไม่ต้องคิด

 

ตลกล่ะ! ถ้าขืนยอมรับไปว่าเข้าใจ ไม่ใช่เป็นการยอมรับกลายๆว่าไอคิวของตัวเองเท่าไอ้บ้านี่งั้นหรอกเหรอ?

 

วู่หยานเจอแบบนี้เข้าไป จึงทำได้แต่พูดแก้ตัว “เอ่อ เป็นเพราะเมื่อกี้ฉันรู้สึกมีความสุขมากเกินไป เชื่อฉันเถอะ ถ้าพวกเธอเป็นฉันก็ต้องทำเหมือนกัน”

 

“ไม่! พวกเราไม่มีทางทำท่าเหมือนนาย(พี่ชาย)เด็ดขาด!” ตอนนี้ลิลินก็เข้ามาพูดผสมโรงกับสองสาวด้วยท่าทางที่ต่างจากปกติเล็กน้อยด้วย

 

วู่หยานมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แม้แต่ตัวเขาที่หนังหนาแบบสุดก็คิดเหมือนกันว่ามันออกจะหน้าด้านไปหน่อย

 

“อุ๊บ ฮ่าฮ่า” เห็นสีหน้าของวู่หยาน สามสาวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา น้ำเสียงที่หวานและสดใสดังก้องไปทั่วห้อง พวกเธอหัวเราะอย่างมีความสุข วู่หยานเองก็ทำได้แค่ยิ้มเมื่อเห็นพวกเธอมีความสุข นาทีนี้เขารู้สึกได้เลยว่าตัวเองควบคุมริมฝีปากที่กำลังยิ้มนี่ไม่ได้เลย

 

“โอเค ไม่หัวเราะนายแล้ว” ขณะที่วู่หยานกำลังคิดจะวิ่งหนีความอายนี้ ฮินางิคุก็หยุดหัวเราะ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ถึงพูดยังงั้นแต่แววตาของเธอก็ยังมีร่องลอยความสุขเหลืออยู่

 

“ใช่แล้ว หยาน เรามาเริ่มคุยธุระกันแบบดีๆดีกว่า!” มิโคโตะตบหน้าท้องตัวเองที่หัวเราะจนรู้สึกปวดไปหมด แล้วหันไปพูดกับวู่หยานด้วยรอยยิ้ม เธอยังทำแบบฮินางิคุไม่ได้ ก็มันอดที่จะหัวเราะไม่ได้จริงๆนี่นา

 

“หือ ธุระงั้นเหรอ?” วู่หยานที่กำลังคิดจะซื้อไอเท็มป้องกันเสียงจากระบบ เมื่อได้ยินคำพูดของมิโคโตะก็อึ้งไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจ

 

“ธุระที่ว่าคือ?” วู่หยานถามเสียงต่ำ

 

“อย่าบอกนะว่าหัวนายมีปัญหาจริงๆน่ะ?” ฮินางิคุมองตาวู่หยานด้วยสายตาเหยียดๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงๆ

 

วู่หยานหัวเราะแห้งๆ ก่อนที่จะมีอะไรแวบเข้ามาในหัว เขาก็รีบเอ่ยปากพูดว่า “หมายถึงเรื่องแผนที่งั้นเหรอ?”

 

ฮินางิคุจ้องวู่หยานนิ่ง ถูกสายตาเธอทิ่มแทงวู่หยานรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเหน็บชาไปหมด ส่วนมิโคโตะนะเหรอ ฝ่ายนั้นกำลังเริ่มหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอีกรอบ

 

ถอนหายใจอีกรอบ ฮินางิคุกรอกตามองวู่หยาน “ฉันว่าหัวนางคงมีปัญหาจริงนั้นแหละ พูดถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่รู้อีกเนี่ยน่ะ?”

 

วู่หยานยกนิ้วมาเกาแก้ม แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องแผนที่นะ ใช่มั้ย?”

 

“ไม่ใช่ยะ!”

 

ได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเธออีกครั้ง วู่หยานแทบจะคุกเข่ากราบสามสาวอยู่รอมร่อแล้ว

 

ดูเหมือนว่าท่านประธานจะ……ทำเหมือนเขาเป็นคนโง่ไปจริงๆซะแล้ว…..

 

ค่อยๆเงยหน้ามองฮินางิคุ แล้วพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ฮินางิคุก็ยังทำแบบนี้กับฉันด้วย”

 

“เอ๊ะ มันก็…นานๆทีอ่ะนะ!” ฮินางิคุพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แล้วหัวเราะแหะๆสื่อเป็นนัยว่าเธอขอโทษ

 

“เฮ้อ ถ้างั้นบ่าวคนนี้ขอความเมตตาจากท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดบอกบ่าวผู้โง่เขลาคนนี้ทีว่าธุระที่ว่านั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่?” วู่หยานเงยหน้าพูดด้วยท่าทางว่าผมขอยอมแพ้ครับ

 

มหาเทพโอตาคุอย่างเขาที่คิดว่าตัวเองได้ผ่านอะไรที่น่าอายมาหมดแล้ว กลับถูกสาวน้อยตรงหน้าเล่นซะยับเยินภายในวันเดียว ช่างน่าอายอะไรแบบนี้ฟะ!

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เมื่อกี้ที่….” ฮินางิคุหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะทำสีหน้าเตรียมใจอะไรสักอย่างแล้วพูดออกมาใหม่ว่า “ธุระที่ว่าก็คืออะไรที่ทำให้นาย เอ่อ…..มีความสุขถึงขั้นต้องออกมาเต้นท่าอุบาทแบบนั้น”

 

“โอ้?” ได้ยินท่านประธาน วู่หยานก็รู้แจ้งขึ้นมาทันที ยกคริสตัลสีขาวในมือขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นแบบสุด ขณะเดียวกันในหัวก็ยังคงมีเสียงของระบบที่เอาแต่พูดประโยคเดิมๆไม่หยุด ทำให้วู่หยานรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไปแน่นอน!

 

แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างตื่นเต้า วู่หยานหัวเราะพูดว่า “พวกเธอไม่รู้หรอกว่าไอ้เจ้าคริสตัลอันนี้มันทำฉันเซอไพร์ขนาดไหน!”

 

“โอ้ ใช่แล้ว เจ้าคริสตัลนี้นี่เอง” มิโคโตะยกมือลูบคริสตัล ก่อนจะหันมาพูดกับวู่หยาน “ดูจากท่าทางมีความสุขของนายที่ถึงขั้นมีเต้นเป็นบ้าเป็นหลังแบบนั้น เจ้าคริสตัลนี่คงให้แต้มอัญเชิญเยอะพอตัวเลยใช่มั้ย?”

 

“ฮ่าๆๆ เธอคิดไม่ถึงแน่ว่ามันมากขนาดไหน!” วู่หยานยกคริสตัลขึ้น แล้วพูดยิ้มๆว่า “มันได้มากถึง….สองแสนแต้มอัญเชิญเลยยังไงล่ะ!!”

 

“สองแสน!” ในที่สุดฮินางิคุกับมิโคโตะก็เข้าใจว่าทำไมวู่หยานถึงได้มีความสุขนัก สองแสนแต้มอัญเชิญ ต่อให้เป็นพวกเธอก็ยังรู้สึกมีความสุข แต่ถึงยังงั้นก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่พวกเธอจะไปทำท่าเหมือนวู่หยาน….

 

วู่หยานพยักหน้า ก่อนจะรีบแลกเปลี่ยนมันให้กับระบบด้วยความเร็วสุดชีวิต

 

“ติ๊ง! ได้รับ 200,000แต้มอัญเชิญ!!”

 

ได้ยินเสียงของระบบ หัวใจของวู่หยานก็เต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ตบมือดังๆอย่างพอใจถึงที่สุด จากนั้นวู่หยานก็หันไปพูดกับ ฮินางิคุและก็มิโคโตะ “งานประมูลก็จบแล้ว เรากลับโรงแรมกันเถอะ”

 

ฮินางิคุกับมิโคโตะพยักหน้าตอบ จากนั้นวู่หยานก็เดินนำสามสาวออกจากห้องVIPไป