ตอนที่ 71 มาตรการโต้กลับล่ะ!

บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ

ระหว่างทางเดินกลับไปโรงแรม พวกวู่หยานต่างก็ได้ยินทั้งเสียงกระซิปหรือเสียงพูดคุยกันอย่างโจ้งแจ้งของผู้คนรอบๆตัว

 

ว่าอะไรนะ?เอ็งจะไปเสือกเรื่องของคนอื่นทำไมงั้นเหรอ? อืม….ถ้าเป็นปกติตูก็คงไม่ยุ่งหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ยุ่งไม่ได้อ่ะดิ…..

 

สิ่งที่ผู้คนเค้าพูดคุยกันก็คือเรื่องแผนที่ขุมทรัพย์ของโรงประมูล และก็การรวมตัวกันไปล่าในอีกสามวันข้างหน้า

 

นี่ขนาดเพิ่งผ่านไปแค่แป๊ปเดียว คนก็รู้กันเยอะขนาดนี้แล้วงั้นเหรอเนี่ย?

 

วู่หยานขมวดคิ้วอย่างฉงน เงี่ยหูฟังคำพูดผู้คนที่เดินผ่านไปมา เขาก็ทำสีหน้าครุ่นคิด

 

หลังจากจบงานประมูลไปเมื่อกี้มันเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แค่ครึ่งชั่วโมงคนทั้งเมืองท่าก็รู้กันหมดแล้ว นี่….มันออกจะเร็วเกินไปมั้ย……?

 

ดูเหมือนทางโรงประมูลคงจะให้คนของตัวเองไปกระพือข่าวแน่เลย

 

คิดถึงจุดนี้ วู่หยานก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ

 

มันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย? พวกเขาไม่กลัวโดนฮุบสมบัติเลยงั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะพวกเขาไม่มีคนเก่งๆในประมูลเลย? หรือว่า……ยังมีเป้าหมายอื่น?

 

แต่ที่เรารู้แน่ๆก็คือทางโรงประมูลมันไม่ได้โง่แน่ๆ ไอ้ความคิดที่ว่าอยากแชร์แผนที่ฟรีๆเพื่อแบ่งปันกับคนอื่น ไอ้ความคิดโลกสวยแบบนั้น เขาไม่เชื่อเด็ดขาด มันเป็นสมบัติที่ขึ้นชื่อว่าแม้แต่นักรบแรงค์9ยังต้องเอาชีวิตไปทิ้งเลยนะ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องเสี่ยงแชร์สมบัติที่มีค่าขนาดนั้นกับคนอื่นด้วยกัน…?

 

ไอ้การปล่อยข้อมูลแผนที่ออกมาแบบนี้ แน่นอนว่ามันต้องเบื้องหลังอะไรสักอย่างแน่ บางทีอาจเหมือนที่ฮินางิคุว่า โรงประมูลยังไพ่ลับเก็บไว้อยู่ที่สามารถควยคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ หรือก็คือมีผู้เชี่ยวชาญแรงค์8!!

 

วู่หยานยกมือมานวดขมับที่กำลังปวดจี๊ดๆ แล้วยกยิ้มอย่างขมขื่น

 

อย่างที่คิด ไอ้การใช้สมองคิดอะไรยุ่งยากแบบนี้ มันไม่ใช่แนวของตูเลยจริงๆ…..

 

โดยไร้แบบแผน สิ่งที่เขาทำได้ก็คือลื่นไหลปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แต่ถ้ามันสิ้นหวังจริงๆเขาก็ไม่เชื่อว่าระบบที่ลึกลับนี่จะช่วยเขาไม่ได้!

 

แถมเขายัง….ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวด้วย…..

 

มองฮินางิคุกับมิโคโตะที่กำลังเดินช็อปปิ้งอย่างสนุกสนานตรงหน้า คิ้วที่ขมวดเป็นปมของวู่หยานก็คลายลง

 

ยิ้มอย่างอ่อนโยน วู่หยานส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวให้หมด แล้วก้าวเดินต่อไป

 

ใช่แล้ว ตัวฉัน….ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย!!!

 

………….

 

ณ ย่านใจกลางเมืองท่า โรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

 

โรงแรมแห่งนี้นับได้ว่ามีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองท่า ถ้านับแค่ขนาดของมันถือได้ว่าใหญ่ที่สุด รูปลักษณ์ของห้องก็ถือว่าหรูหรามาก ส่วนระดับการบริการต่างๆนับได้ว่าดีที่สุดในเมืองท่าแห่งนี้เลยล่ะ!

 

ขณะเดียวกัน ถ้าว่าด้วยเรื่องราคาล่ะก็…ถือได้ว่าที่นี่แพงที่สุดในเมืองเช่นกัน………

 

ดังนั้น โรงแรมแห่งนี้ลูกค้าที่มาพักส่วนใหญ่จึงจะเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงทั้งหลายหรืออาจจะเป็นแค่ตระกูลมีเงินนิดๆหน่อยๆก็ได้ แต่สำหรับนักรบกับนักเวทย์ที่จนหน่อยก็จะไม่กล้าแม้แต่เดินเฉียดเข้ามาไกล้เลยล่ะ เพราะแค่พักวันเดียวก็เท่ากับเงินที่พวกเขาหามาทั้งวันจากป่าสัตว์อสูรแล้ว!

 

ตัวอย่างง่ายๆก็เอาเป็น แค่เอ็งพักในห้องรับแขกถึงเย็นก็ต้องจ่าย10เหรียญทองแล้ว!

 

แต่ก็นะ ไม่ว่าจะโลกไหนก็ไม่ขาดคนร่ำรวยหรอก อาทิเช่นไอ้ห้องรับแขกนี้คนบางคนก็จ่ายได้โดยไม่คิดอะไรเช่นกัน

 

ผลักประตูเข้าไป วู่หยานและสามสาวต่างก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น คนปิดประตูคนสุดท้ายก็เป็นวู่หยาน จากนั้นเขาก็หันไปมองพวกเธอที่กำลังคุยกันไม่หยุดว่าอันนี้น่ารักมั้ย? อันนู่นในตลาดดูสวยดีนะ เห็นดังนี้เขาก็ส่ายหัวอย่างขำๆ

 

หย่อนก้นลงโซฟาอย่างสบายๆแล้ววู่หยานก็เปิดปากพูดกับฮินางิคุและมิโคโตะ “ฮินางิคุ มิโคโตะ ฉันกะจะไปแจมไอ้ขบวนการล่าสมบัติในอีกสามวันหลังจากนี้นะ!”

 

ได้ยินคำพูดเขา สองสาวก็หยุดคุยกัน ก่อนที่จะเดินมานั่งข้างๆวู่หยาน

 

มิโคโตะเอามือปิดกระโปรงตัวเอง ถึงแม้เธอจะได้เครื่องป้องกันคู่ใจอันใหม่จากบ้านฮินางิคุมาแล้ว(@กางเกงขาสั้นอันใหม่ที่อันเก่ายังอยู่ในแหวนมิติของไอ้หยาน)  แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิง จึงไม่กล้านั่งแหวกขาหรือทำอะไรรุนแรงเกินไป และยิ่งต่อหน้าผู้ชายตรงหน้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความหื่นกามและความหน้าด้านเป็นหนึ่ง เธอยิ่งต้องระวังตัว

 

“แม้ว่านายจะไม่พูด ฉันก็กะจะไปแจมด้วยอยู่แล้ว” มิโคโตะยกมือปัดผมสีน้ำตาลตรงหน้าผาก ก่อนจะมีเส้นสายกระแสไฟฟ้าปรากฏขึ้นมาส่งเสียง ‘เปรี๊ยะๆ’

 

….อืม สำหรับคนที่ไม่รู้ เธอมักจะทำท่าทางแบบนี้เสมอยามที่รู้สึกตื่นเต้นแบบสุดๆยังไงล่ะ!

 

“ยังกล้าพูดออกมาได้อีกนะ…” มองดูท่าทางของมิโคโตะ วู่หยานที่คุ้นเคยกับเธอดี ย่อมเดาออกว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ นอกจากแอบตบมุขในใจว่า ‘สมแล้วที่เป็นคุณหนูเรลกันผู้ซึ่งชื่นชอบเรื่องตื่นเต้นและเรื่องตีกัน’ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

 

“เธอไม่กลัวอันตรายอะไรเลยงั้นเหรอ ต้องรู้ก่อนนะว่าครั้งนี้กับตอนในถ้ำปีศาจนั้นต่างกันลิบลับ ครั้งก่อนลาสบอสมีแค่งูเปรตเลเวล60 ส่วนครั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงความอันตรายข้างในสถานที่สมบัติเลย เอาแค่คนที่ไปด้วยกันยังมีโอกาสหันมาแทงข้างหลังเราได้ตลอดเวลาเลยนะ และแน่นอนว่าเลเวล60แรงค์7 ต้องมีมามากแน่นอน!”

 

“งั้นเหรอ?” มิโคโตะฉีกยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว แล้วพูดว่า “มีคนเก่งมากเท่าไหร่ก็เท่ากับมีค่าประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น ฉันคิดว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ฉันน่าจะ…..ไม่สิ! ฉันมั่นใจต้องทำได้แน่นอน! ว่าตัวเองจะเลื่อนขั้นไปเป็นแรงค์7ได้!”

 

เลเวล70? ดูเหมือนว่ามิโคโตะจะกังเวลเรื่องนี้ก็คงเป็นเพราะเรื่องน้องสาวสินะ……

 

“ก็ดีนะ แต่ที่ฉันกังวลอยู่ก็คือ ถ้ามีคนไม่มากๆเข้า มันจะวุ่นวายเอาน่ะ และบางทีพวกเราอาจจะโดนรุมโจมตี หรืออาจจะโดนดึงไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรที่อันตรายก็ได้”

 

วู่หยานพยายามที่จะไม่พูดทำร้ายความตั้งใจของมิโคโตะ แต่เขารู้ดีว่าจิตใจของมนุษย์มันซับซ้อนขนาดไหน ไอ้โรงประมูลมันจะมีแผนการชั่วๆอะไรอันนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง แต่คนอื่นที่เข้ามาเพราะคำว่า ‘ขุดสมบัติ’ ย่อมมีหลากหลาย แต่แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีความโลภ….

 

“นั่นมันก็…ใช่…” ขนาดวู่หยานยังเข้าใจปัญหานี้ แน่นอนว่าพี่สาวเรลกันที่มีพลังจิตเลเวล5กับมันสมองที่ฉลาดสุดๆ ย่อมเข้าใจเหมือนกัน มันก็แค่ตอนนี้ตัวเธอกำลังใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลตามปกติ

 

“มีแผนมั้ย?” เก็บกระแสไฟฟ้าเข้าไป มิโคโตะหันมาพูดกับวู่หยานด้วยสายตาเป็นกระกาย

 

“ฉันก็กำลังคิดอยู่”  ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานก็รู้สึกหัวเสียเล็กน้อย “อย่างแรกเลย เราไม่รู้ว่าทางโรงประมูลวางแผนอะไรเอาไวกันแน่ อย่างที่สองคนที่จะมาเข้าร่วมด้วยมีใครบ้างเก่งแค่ไหนเราก็ไม่รู้”

 

“งั้นเราจะยอมแพ้ไปทั้งๆแบบนี้งั้นเหรอ?” ฮินางิคุยกมือขยี้ตาเบาๆ ปากน้อยๆก็หาวออกมาหลายครั้งแล้ว ส่วนลิลินรายนั้นก็กำลังทำตาปิดๆเปิดๆดูจะเหมือนจะหลับคาอกฮินางิคุได้ตลอดเวลา

 

“ในเมื่อฉันคิดจะไปแจม(ป่วน)ย่อมไม่ยอมเลิกง่ายๆแบบนี้แน่ ในเมื่อไม่สามารถวางแผนอะไรได้ งั้น..ก็ลองดูมันสักตั้ง! ใครเสนอหน้ามาก็กระทืบมันแม่งเลย! หมัดใครใหญ่กว่าคนนั้นเป็นผู้กล้า!” มองฮินางิคุกับมิโคโตะที่กำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาคาดหวัง วู่หยานหัวเราะ ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้านายเลย แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดของเขาคนเดียว…..

 

ความคิดของวู่หยานสองสาวไม่รู้ แต่คำพูดห้าวหาญของวู่หยานทำให้จิตใจของผู้ฟังเร้าร้อนขึ้น โดยเฉพาะสองสาวที่ห้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว……

 

ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองตากันและกันก่อนจะยิ้มขึ้น ดูเหมือนว่าคำพูดของวู่หยานจะปัดเป่าเมฆหมอกภายในจิตใจของพวกเธอไปจนหมด

 

“แต่ว่า….” มองท่าทางอยากต่อยคนของสองสาว วู่หยานกรอกตาก่อนจะตบมือเรียกความสนใจพวกเธอ แล้วพูดว่า “เราไม่สามารถนั่งเฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกสามวันจะเจออะไรบ้าง แต่…จากการวิเคราะห์เมื่อกี้ อย่างๆน้องก็ต้องมีพวกแรงค์8แน่!”

 

สิ้นเสียงวู่หยาน ฮินางิคุกับมิโคโตะก็ขมวดคิ้ว ก่อนที่ฮินางิคุจะเป็นพูดว่า “ในกลุ่มพวกเราคนที่เก่งที่สุดก็คือมิโคโตะ เป็นแรงค์7ขั้นสูงสุด แล้วถ้าเจอแรงค์8จะไม่อันตรายเกินไปงั้นเหรอ!?”

 

“สบายใจได้ ทางเราเองก็ไพ่ในมือเหมือนกัน!” มิโคโตะลูบขวดยาตรงอก นี่เป็นยาที่ตอนแรกวู่หยานแลกมาให้เธอ ‘ยาลมหายใจแห่งชีวิต’

 

เห็นท่าทางมิโคโตะ ฮินางิคุก็นึกขึ้นได้ก่อนจะยื่นมือไปจับขวดยาในประเป๋า  เป็นยาแบบเดียวกัน นี่ทำให้ความมั่นใจเธอพุ่งสูงมากกว่าเดิม

 

“ฉันก็รู้ว่าพวกเราเองก็มีข้อได้เปรียบ แต่ว่า…แค่นี้มันยังไม่พอ มันมีผลแค่3ชั่วโมง สั้นเกินไป…..” วู่หยานลูบคางตัวเองชั่วครู่ และพูดขึ้น

 

“งั้น เราสามารถแลกยามาหลายๆขวดได้มั้ย?” ลิลินน้อยผล็อยหลับไปแล้ว ดังนั้นฮินางิคุจึงไม่คิดปิดอะไร เธอพูดออกไปตรงๆ

 

“ไม่! ในเมื่ออีปฝ่ายมีแรงค์8 ทางเราก็ต้องมองหาแรงค์8ไว้เหมือนกัน!” วู่หยานเงยหน้าขึ้น ในแววตาเป็นประกายสดใส แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“หาแรงค์8?” สองสาวขมวดคิ้วสงสัย

 

“ถูกต้อง!” วู่หยานพูดยิ้มๆ

 

“แต้มอัญเชิญไง! ถ้าไม่ใช้ตอนนี้ แล้วจะไปใช้ตอนไหน?”

 

 

ติดตามข่าวสารได้ที่นี้ – ห้องสมุดคนรักนิยายแปล