ตอนที่ 86 สำคัญตัวผิด
ถังจินซ่งไม่มีทางเลือก และนี่คือข้อเสียของการเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย..
หากเปลี่ยนเป็นครอบครัวของคนธรรมดาทั่วไป หลังจากทะเลาะกับพ่อแม่แล้ว คงสามารถเก็บข้าวของหนีออกจากบ้านไปได้หากไม่พอใจ
แต่ลูกหลานที่เกิดในตระกูลร่ำรวยอย่างถังจินซ่งนั้น ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หากเขาทำอะไรแบบนั้นลงไป เงินทองที่เคยมีใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือน ก็จะถูกครอบครัวระงับ ถึงตอนนั้นเขาคงต้องอยู่อย่างยากลำบาก..
จะให้ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ อย่างนั้นหรือ?
ในเวลาที่เขายังเป็นคุณชายตระกูลถัง แน่นอนว่าทุกคนต่างก็จะคอยประจบประแจงเอาอกเอาใจ แต่ลองเขาถูกตัดขาดจากตระกูลถังจริงๆสิ เขาก็คงไม่ต่างจากสวะไร้ค่า ไม่เพียงคนพวกนั้นจะกระทืบเขาซ้ำ แต่คงจะพากันถ่มน้ำลายรดหน้าเขาด้วย..
อย่าคิดว่ามันจะเป็นเหมือนในนิยายน้ำเน่า ที่ทายาทตระกูลร่ำรวยยอมออกจากตระกูล เพียงเพื่อจะได้อยู่กินกับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ
เพราะความจริงนั้น แค่จะออกจากเมืองนี้ไปยังทำไม่ได้เลย!
ถังจินซ่งรู้ดีว่า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงหลีกหนีการขอโทษหลินหนานไม่พ้นแน่ ต่อให้ไม่อยากทำ หรือไม่สามารถทำได้ เขาก็ต้องทำอยู่ดี!
ถังจินซ่งจ้องมองหลินหนานแน่นิ่ง ส่วนหลินหนานก็ยกแก้วน้ำแร่ในมือขึ้นแกว่งเบาๆ ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ในแก้วนั้นคือไวน์ราฟาเอลที่แสนแพง พร้อมกับจ้องมองถังจินซ่งกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
สีหน้าของหลินหนานนั้น ราวกับจะบอกอีกฝ่ายว่า เขามีความสุขที่ได้เห็นอีกฝ่ายตกอยู่สถานการณ์น่าอับอาย!
แต่แล้วในที่สุด ถังจินซ่งก็จำใจต้องลุกขึ้นยืน และเดินไปยืนข้างกายหลินหนาน เขาโน้มตัวก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ผู้ใดมองเห็นแววตาที่มีไฟโทสะลุกโชติช่วงของตนเอง
จากนั้นจึงโค้งกายลงคำนับหลินหนานอย่างรวดเร็วราวกับสปริง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวว
“ผมผิดไปแล้ว!”
“อะไรนะ?! เมื่อครู่คุณชายถังพูดว่าอะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย..” หลินหนานแสร้งทำเป็นเอียงหูพร้อมกับร้องถามออกมา
ใบหน้าของถังจินซ่งเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ เขากัดฟันกรอดข่มความอัปยศอดสูที่ได้รับไว้ ก่อนจะพูดใหม่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิมเล็กน้อย
“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว!”
หลินหนานหันไปมองถังหยวนซาน ก่อนจะแสร้งทำเป็นถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “อาวุโสถัง ไม่ทราบว่าบ้านของคุณใช้วัสดุกันเสียงดีเกินไปหรือยังไง? ทำไมผมไม่ค่อยได้ยินอะไรลย..”
ถังจินซ่งได้ยินคำพูดของหลินหนาน เขาก็โกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา..
นี่แกจะแกล้งฉันไปถึงไหน?!
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาคมกริบของผู้เป็นปู่ ถังจินซ่งจึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก และคราวนี้เขาก็ร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
“คุณชายหลิน ผมขอโทษ! ฉันผิดไปแล้ว.. ฉันผิดไปแล้ว.. ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”
เสียงร้องตะโกนนั้นดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องอาหาร แต่สีหน้าท่าทางของผู้พูดนั้น ก็บ่งบอกว่าไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นนัก..
อาจเป็นเพราะเสียงร้องตะโกนที่ดังมาก ทำให้ทุกคนในห้องรับประทานอาหารถึงกับหยุดชะงัก และทุกสายตาก็จับจ้องไปทางถังจินซ่งกันอย่างพร้อมเพรียงกัน
วันนี้คุณชายเป็นอะไรไป?
ยอมรับผิดแค่นี้ ทำไมถึงต้องร้องตะโกนเสียงดังขนาดนี้ด้วย!
ท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้อง ถังจินซ่งรู้สึกอับอายจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด และเวลานี้ เขาก็เจ็บใจจนเลือดไหลซิบ!
เขาต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้างภาพนายน้อยตระกูลถังผู้สุขุมเยือกเย็น เพื่อให้ดูเหมาะสมกับการที่จะได้รับเลือกเป็นทายาทผู้สืบทอดกิจการของตระกูลถังในรุ่นต่อไป
แต่ทั้งหมดนี้กลับพังทลายลง เพียงเพราะการขอโทษแค่ครั้งเดียว!
เขาจ้องมองหลิงหนานด้วยแววตาประหนึ่งสัตว์ป่าที่ดุร้าย และได้แต่ตั้งปณิธานไว้ในใจว่า แม้เขาจะไม่สามารถจัดการกับหลินหนานได้ในเวลานี้ แต่เขาจะต้องหาวิธีทำให้หลินหนานหายไปจากโลกนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่หายแค้นแน่!
“เอาล่ะ! ผมได้ยินคำขอโทษของคุณชายถังแล้ว แต่ไม่เห็นจะต้องร้องตะโกนเสียงดังขนาดนี้เลย หูของผมไม่ได้หนวกสักหน่อย..”
“ในเมื่อคุณชายถังยอมรับผิดด้วยความจริงใจขนาดนี้ ครั้งนี้ผมจะยกโทษให้!”
เวลานี้ มือข้างขวาของถังจินซ่งหยิกต้นขาตัวเองไว้แน่น และเขาก็หยิกแรงจนแทบจะเป็นห้อเลือด เขาจำเป็นต้องใช้ความเจ็บปวดทางร่างกาย ดึงตนเองให้ออกจากอารมณ์โกรธ และไม่เผลอระเบิดอารมณ์ต่อหน้าทุกคนอีก
“ขอบคุณมากคุณชายหลินมาก หวังว่าในการพบกันครั้งหน้าของเรา พวกเราจะได้พับกันอย่างสันติและสงบสุข!”
ถังจินซ่งเอ่ยตอบ และจงใจเน้นเสียงในประโยสุดท้าย..
“ด้วยความยินดี! สันติและสงบสุข!” หลินหนานพยักหน้าพร้อมตอบกลับยิ้มๆ
แล้วทั้งคู่ต่างก็สบสายตากันแน่นิ่ง..
“ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญคุณชายหลินรับประทานอาหารต่อให้อร่อย ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย..”
ถังจินซ่งไม่สามารถทนแบกหน้านั่งร่วมโต๊ะอาหารกับหลินหนานได้อีก เขาหันมองไปรอบๆ ก่อนจะรีบก้าวเดินออกจากห้องรับประทานอาหารด้วยความอับอาย
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงของถังหยวนซานดังขึ้นอีกครั้ง
ถังจินซ่งหยุดชะงัก พร้อมกับหันไปถามผู้เป็นปู่ด้วยเสียงที่แหบแห้ง “คุณปู่ยังมีอะไรจะสั่งสอนผมอีกเหรอครับ?”
“หลังจากที่แกกลับไปห้องแล้ว ให้แกคัดกกตระกูลถังออกมาร้อยจบ แล้วถ้าคัดไม่เสร็จก็ห้ามออกจากห้องเด็ดขาด และห้ามแกออกจากบ้านเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์!” ถังหยวนซานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ครับคุณปู่!”
จากนั้นถังจินซ่งก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะรีบก้าวเท้าที่หนักอึ้งนั้นเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านหมอหลิน อภัยให้ผมด้วย มีเรื่องให้ต้องขายหน้าอีกจนได้!” ถังหยวนซานถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยขึ้น
ครั้งแรกเขาต้องอับอายเพราะลูก และครั้งที่สองเขาก็ยังต้องอับอายเพราะหลานชาย..
“ไม่เป็นไรครับ พวกเรากินข้าวกันต่อดีกว่า!”
“อาวุโสถัง ตอนนี้ผมอารมณ์ดีขึ้นแล้ว พวกเรามาดื่มกันหน่อยดีมั๊ยครับ?” หลินหนานหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“โอ้! นับว่าเป็นเกียรติกับผมมากทีเดียว!”
ผู้เฒ่าถังพยักหน้า และตอบกลับหลินหนานไป พร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความดีอกดีใจ นั่นเพราะการที่หลินหนานยอมดื่มด้วยเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่า ความบาดหมางต่างๆได้คลี่คลายลงแล้ว
……….
ทั้งสามคนดื่มกินกันต่อจนกระทั่งเย็น..
หลังจากนั้นหลินหนานกับผู้เฒ่าถังก็ออกไปเดินเล่นที่สวนนอกบ้าน และวันนี้ดูเหมือนผู้เฒ่าถังจะดื่มหนักไปหน่อย เพราะใบหน้าของเขาแดงก่ำ และเดินเซเล็กน้อย แต่สีหน้าท่าทางของเขานั้น กลับบ่งบอกว่ากำลังมีความสุขอย่างมาก
นั่นเพราะหลินหนานเพิ่งจะเขียนใบสั่งยาอายุวัฒนะให้กับผู้เฒ่าถัง และนี่นับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเขาอย่างมาก
ในเมื่อหลินหนานได้มอบใบสั่งยาอายุวัฒนะชนิดเดียวกันนี้ให้กับผู้เฒ่ากู่ไปแล้ว หลังจากที่ได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ เขาจึงต้องการมอบให้กับผู้เถ้าถังด้วยเช่นกัน
“เสี่ยวหลิน ฉันรู้สึกชื่นชอบในตัวเธอตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว!” ถังหยวนซานบอกกับหลินหนานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อาวุโสเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล และเป็นคนที่ใจกว้างดั่งแม่น้ำ ผมเองก็ชื่นชอบในตัวอาวุโสไม่น้อยเหมือนกัน!” หลินหนานประสานมือไว้ข้างหน้า พร้อมกับโน้มกายลงเล็กน้อยขณะ
“ยิ่งได้คุยกับเธอมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นเท่านั้น! นี่ถ้าฉันอายุน้อยกว่านี้สักยี่สิบหรือสามสิบปี ฉันคงต้องขอให้เธอมาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฉันแน่ๆ” ถังหยวนซานตอบกลับ
“เป็นตอนนี้ก็ยังไม่สายไปนี่ครับ!” หลินหนานตอบกลับยิ้มๆ
ถังชวงที่เดินตามอยู่ด้านหลังได้ยินเช่นนั้น ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว หากทั้งสองคนตกลงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันจริงๆ ฐานะของเขาจะไม่ด้อยกว่าหลินหนานอย่างนั้นหรือ?
หลินหนานดูเหมือนจะยังไม่สามสิบด้วยซ้ำไป ส่วนตัวเขานั้นห้าสิบปีแล้ว จากที่เขาเคยมีฐานะที่อาวุโสกว่าหลินหนาน จะไม่กลับกลายเป็นว่า หลินหนานมีความอาวุโสเหนือกว่าเขาอย่างนั้นหรือ?
ขืนเป็นแบบนั้นจริงๆ วันหน้าฉันไม่ต้องเรียกหลินหนานว่า ‘ท่านลุง’ หรือยังไง?
คงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาแน่ๆ!
แต่ในระหว่างที่ถังชวงกำลังครุ่นคิดหาวิธีเปลี่ยนใจถังหยวนซานผู้เป็นพ่อนั้น จู่ๆ ชายชราก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองว่า
“นี่พ่อหนุ่ม! เธออย่ามาล้อฉันเล่นดีกว่า ฉันแก่มากแล้ว อนาคตเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว ส่วนฉัน.. ก็ขอให้ชีวิตอยู่อย่างสงบดีกว่า”
หลินหนานเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบกลับไป ในขณะที่ถังชวงถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังเดินเล่นกันอยู่นั้น อาเซียงซึ่งเป็นสาวใช้ภายในบ้าน ก็วิ่งหน้าตาเลิกลั่กเข้ามา เมื่อมาถึงเธอก็โน้มศรีษะลงอย่างเคารพนบนอบ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นายผู้เฒ่า.. คุณผู้ชาย..”
“มีเรื่องอะไรเหรออาเซียง? ทำไมถึงได้วิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนั้น?” ผู้เฒ่าตระกูลถังเป็นฝ่ายเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
“นั่นสิ! มีอะไรก็รีบๆพูดมา..” ถังชวงเอ่ยถามขึ้นเช่นกัน
“คุณหนูจากตระกูลเย่ยังไม่ยอมกลับเลยค่ะคุณผู้ชาย ยังยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน เธอบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับคุณผู้ชายให้ได้ค่ะ!” อาเซียงรายงานไปตามความจริง
“ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่ให้พบ!” ถังชวงตวาดออกมาด้วยความไม่พอใจ
น่าขัน.. แค่ประธานสาวจากบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่ง บอกว่าต้องการจะพบฉัน ก็ต้องพบให้ได้อย่างนั้นหรือ?
นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีความสลักสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวเหรอ?
นี่เธอสำคัญตัวเองผิดหรือเปล่า?