ตอนที่ 74 ออกจากตระกูล
จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็เสนอว่าอยากแยกตัวออกจากตระกูล นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด หากหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แยกตัวออกมา นางจะอยู่รอดได้อย่างไร? แม้ว่าคนในหมู่บ้านจะน่ารัก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบเจอคนที่จิตใจบิดเบี้ยวสักหนึ่งหรือสองคน ถ้าหากว่า…
แค่คิดให้รอบคอบก็สามารถเข้าใจการตัดสินใจดังกล่าวได้ ถึงคนในหมู่บ้านจะเลวทรามแค่ไหนก็ยังมีคนจับตามองอยู่มากมาย แต่หากผู้เป็นพ่อต้องการวางแผนจัดการกับนาง เขาสามารถทําได้ทุกเมื่อ!
“ออกจากตระกูล? นั่งเด็กโง่ เจ้ากําลังรนหาที่ตาย! แม้ว่าตอนนี้ข้าต้องอับอาย แต่คอยดูเถิดข้าต้องฆ่าเจ้าแน่!”
เฉินผิงอันคํารามด้วยความโกรธ ในสายตาของเขา ลูกสาวคนนี้ก็เหมือนกับนางหยุน! ต่อให้ตายก็อย่าคิดที่จะหลุดพ้นไปได้! อยากมีชีวิตที่สุขสงบ… ฝันไปเถอะ!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงจะเป็นเรื่องน่าอับอาย ลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานบอกพ่อของตนว่าจะตัดขาดจากตระกูล
“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อก็ตีข้าให้ตายเลยสิ!”
เฉินเถียนเถียนจ้องมองด้วยดวงตาแดงก่ำ เผชิญหน้ากับเฉินผิงอัน พ่อและลูกสาวราวกับเป็นศัตรูที่ต้องน้ำนั่นกันให้ตาย!
“ท่านช่างดูไม่เหมือนคนเป็นพ่อเลย ดูถ้อยคําที่ท่านกล่าวออกมาสิ เหยียดหยามลูกสาวของตนราวกับเป็นคนไร้ค่า! แม้ว่าท่านจะดูสูงส่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็สกปรกแปดเปื้อนอยู่ดี!”
ในบรรดาคนที่ผู้เฒ่าดูหมิ่นที่สุดในชีวิตคือเฉินผิงอันอย่างแน่นอน! แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาไม่สามารถรับเฉินผิงอันไว้ได้จริง ๆ ! ตอนนั้นแม่ของเฉินผิงอันได้แต่อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าเขา! หากไม่เห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่คงไม่ผ่อนปรนให้
“นังหนู เจ้าพูดมาเถอะ… ต้องการแยกจากตระกูลนี้อย่างไร?”
เฉินเถียนเถียน ก้มหน้า ไม่รู้จะตอบอย่างไร เฉินผิงอันและหลินชวนฮวาไม่เต็มใจที่จะแบ่งปัน สิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขาไม่แบ่งอะไรเลยก็ยอมไม่ได้จริงๆ!
“ขอที่ดินบางส่วนให้ข้าเถิด เพียงแค่พออยู่รอดได้”
ประโยคนี้ทําให้เฉินผิงอันโกรธขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาจ้องเขม็งเหมือนวัวคลั่งและพูดเสียงดัง “นังผู้หญิงนอกครอก ข้าเลี้ยงดูเจ้ามานาน แต่ไม่เคยได้รับประโยชน์แม้แต่น้อย เจ้ายังต้องการแบ่งขอแบ่งที่ดินของข้าอีก ฝันไปเถอะ!”
เฉินเถียนเถียนไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องโกรธ ที่ดินเหล่านี้ใช้สินเดิมของนางหยุนซื้อมา เฉินผิงอันไม่ส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย!
“พูดออกมาได้ ไม่ละอายใจ! ท่านเลี้ยงข้ามาไม่เคยได้จ่ายอะไรเลย ตรงกันข้าม ท่านพ่อทําเหมือนข้าเป็นทาสมากี่ปีแล้ว! อีกอย่างนี้คือที่ดินของท่านพ่อหรือ? แม่ของข้าเป็นคนซื้อมาต่างหาก!”
“เหลวไหล ที่ดินพวกนี้เป็นของข้า!”
เฉินเถียนเถียนยิ้ม คนโง่ก็เป็นได้แค่คนโง่อยู่วันยังค่ำ! แม้แต่จะหาข้อแก้ตัวก็ยังดูแย่!
“ท่านไม่รู้หรือ ว่าสินเดิมที่ผู้หญิงนำมาที่บ้านของสามีจะถูกมอบให้กับลูกของนางในอนาคต! แม่ของข้าไม่มีลูกชาย มีแค่ข้าที่เป็นลูกสาว ตามหลักแล้วสินเดิมของนางก็ควรจะเป็นของข้า!”
ในคราแรกเฉินเถียนเถียนไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนหน้านี้ป้าจี๋เคยพูดให้ได้ยินกับหู ในหมู่บ้านมีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้กฏดังกล่าว! เนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียวในหมู่บ้าน ส่วนบัณฑิตอีกคนไม่สามารถช่วยพูดให้เฉินเถียนเถียนได้
“เหลวไหล! ใครเป็นคนบอกเรื่องพวกนี้ ใครเป็นคนยุยงให้เจ้าแบ่งสมบัติของตระกูลเฉิน?”
รอยยิ้มที่แสนดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินเถียนเถียน “ลูกชายบัณฑิตที่แสนดีของท่านไม่ได้บอกหรือ? นี่คือกฎหมายของต้าเยว่!”
“ต้าเยว่มีกฎหมายนี้! แต่ตอนนี้ โฉนดที่ดินทั้งหมดของตระกูลเฉินอยู่ในมือของเฉินผิงอัน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในชื่อของนางหยุน จึงไม่สามารถนับเป็นสินเดิมได้!”
ทุกคนหันกลับมา และพบว่าเป็นเฉินเฉิงเยี่ย!
ในตอนที่หลินชวนฮวารู้ว่าสถานการณ์กําลังจะแย่ นางจึงแอบบอกคนรู้จักให้ไปที่เมืองข้างๆ และเรียกลูกชายกลับมา แต่กลับมาตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า?
เฉินผิงอันรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินประโยคนี้ “นังขี้ครอก ได้ยินหรือไม่? เจ้ายังต้องการจะสู้กับข้าอยู่อีกหรือ?”
มุมปากของเฉินเถียนเถียนเหยียดยิ้ม “ดีเหมือนกัน ในเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ข้าก็อยากจะไปที่สํานักราชการ เพื่อถามเจ้าหน้าที่ศาล! พ่อหลอกลวงลูกสาวที่ไม่รู้หนังสือให้ลงนามในหนังสือโอนที่ดิน ครั้งนี้จะตัดสินอย่างไรดี?”
เฉินผิงอันรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่เขายังคงพูดอย่างแข็งกร้าว “นังเด็กเลว เจ้าขู่ใคร? คิดว่าเจ้าหน้าที่ศาลคือคนที่เจ้าสามารถเข้าพบได้ตามต้องการหรือ?”
“ตราบใดที่ข้าตีกลองที่ประตูสํานักงานเขตปกครอง เจ้าหน้าที่ศาลย่อมรับรู้ ท่านพ่อควรรู้ว่ากระต่ายจะกัดคนหากโดนบีบคั้น และหากลูกสาวของท่านถูกบีบจนไม่มีทางรอด ย่อมต่อสู้อย่างถึงที่สุด!”
“แล้วหลักฐานล่ะ? เจ้ามีหลักฐานหรือ?”
“หลักฐานก็มีอยู่ไม่กี่อย่างไม่ใช่หรือ? อย่างเช่น ข้าไม่รู้หนังสือจะประทับตราหนังสือโอนที่ดินได้อย่างไร ข้าจะไม่ปกป้องทรัพย์สินของตัวเองหรือหากไม่มีคนมาคอยเกลี้ยกล่อม? เฉินเฉิงเยี่ย… เจ้าอย่าคิดว่าทุกคนจะโง่เขลา การที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ตรงนั้นได้ พวกเขาย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว!”
แน่นอนว่าในแง่นี้เฉินเฉิงเยี่ยไม่ได้เก่งกาจไปกว่าเฉินเถียนเถียนที่เป็นตํารวจ เขาจึงไม่สามารถหาคําพูดมาหักล้างได้!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างล่างที่โต้เถียงกันอยู่นาน ท่านผู้เฒ่าที่ยังไม่รู้สถานการณ์ก็ขมวดคิ้วถาม!
เฉินผิงอันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่เฉินเถียนเถียนอยากพูด!
“ท่านผู้เฒ่าคงไม่รู้ เมื่อสองสามวันก่อน ท่านพ่อมาพบข้า บอกว่าต้องการขายที่ดินสองไร่เพื่อส่งน้องชายไปเรียนหนังสือ! เถียนเถียนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะส่งน้องชายไปเรียน จึงตกลงขายที่ดินสามไร่! จากนั้นท่านพ่อของข้าก็เอาหนังสือโอนที่ดินมาให้ประทับลายมือ!”
“ในตอนนั้น เถียนเถียนเชื่อใจว่าพ่อย่อมไม่หลอกลวง จึงยอมตกลงเพื่อให้น้องชายของข้า ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าหนังสือโอนที่ดินนั้น รวมถึงโฉนดที่ดินและบ้านทั้งหมดที่เป็นชื่อของข้า! ท่านพ่อใช้วิธีนี้เพื่อหลอกเอาที่ดินและบ้านของข้าให้ไปอยู่ในมือของเขา!”
“เรื่องนี้มีหลักฐานมากมาย หยุนเคอที่ซื้อที่ดินสามไร่เป็นพยานที่ดีที่สุด! หัวหน้าหมู่บ้านก็น่าจะรู้ด้วย!”
หัวหน้าหมู่บ้านลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ในตอนนั้นข้าได้รับหนังสือโอนที่ดินสามไร่ แล้วเอาโฉนดไปที่สํานักราชการเพื่อดําเนินการตามขั้นตอน แต่หนังสือโอนที่ดินฉบับเดิมมีพื้นที่เพียงสามไร่เท่านั้น!”
“แต่สองวันหลังจากนั้น หลินชวนฮวาก็ได้เอาโฉนดที่ดินและบ้านทั้งหมดออกไป และในนั้นก็กลายเป็นชื่อท่านพ่อ! นี่ยังไม่เรียกว่าโกงอีกหรือ?”
ท่านผู้เฒ่าตกตะลึงกับการกระทําเช่นนี้ ช่างเปิดหูเปิดตายิ่งนัก… พ่อแย่งทรัพย์สินของลูกสาว!
“ดี… ดียิ่งนัก! หมู่บ้านเทพธิดาไม่มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้มาหลายปีแล้ว!”