ตอนที่ 65 เสี่ยวเสวี่ยท้องแล้ว

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

“เสี่ยวฉุน? เป็นอะไรไปหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นลูกหมาป่าที่ปกติไม่เข้ามาในห้องปักผ้า วันนี้กลับวิ่งเข้ามาครั้งแรก งับขากางเกงตนลากให้ลุก เหมือนว่าจะให้นางลุกไปด้านนอก

ซูสุ่ยเลี่ยนกังวลว่าผ้าที่กำลังปักจะถูกมันทำเลอะ และกังวลว่าด้านนอกอาจจะเกิดอะไรที่ทำให้เสี่ยวฉุนที่แต่ไรมาปกตินิ่งสงบถึงกับร้อนใจเช่นนี้ได้

พอตามเสี่ยวฉุนออกมาถึงหน้าบ้านไม้หมาป่า เห็นเสี่ยวเสวี่ยยังคงนอนขี้เกียจเหมือนเมื่อวานอยู่ข้างใน ไม่ขยับแม้แต่น้อย

“เสี่ยวเสวี่ย เป็นอะไรไปหรือ ป่วยหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นดังนี้ก็ยองลงนั่งตรงหน้าเสี่ยวเสวี่ยยื่นมือไปลูบหัวมัน ก็ไม่ได้ร้อนนี่ ยังเลียนแบบพี่ชายนางสมัยก่อนที่ตรวจดูอาการสุนัข พลิกดูเปลือกตาเสี่ยวเสวี่ย ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ยังคงมีเลือดดีอยู่ ลองสังเกตท่าทางเสี่ยวเสวี่ยอย่างละเอียด นอกจากขี้เกียจจะเอาแต่นอนแล้ว ก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรนี่

“งั้นเกิดอะไรขึ้น” ซูสุ่ยเลี่ยนยองลงนั่งอยู่นานก็มองไม่ออกว่าเสี่ยวเสวี่ยหมดแรงเพราะเหตุใด

มองดูท้องฟ้าก็เลยบ่ายมาแล้ว หลินซือเย่าพาต้าเป่าออกไปก็ควรใกล้กลับมาแล้ว

ซูสุ่ยเลี่ยนลุกขึ้นเติมน้ำสะอาดให้เสี่ยวเสวี่ยอีกสองสามกระบวย คิดว่าลูกหมาป่าน่าจะเหมือนกับคน แม้ป่วยก็ต้องดื่มน้ำมากๆ ก็คงไม่ผิดกระมัง

มาถึงห้องครัวก็ล้างมือด้วยน้ำอุ่น เอากระหล่ำปลีที่หลินซือเย่าเก็บมาวางที่โต๊ะหินหน้าประตูครัว ตอนเช้า อาบแดดหน้าหนาวกำลังอบอุ่น คิดถึงอาการเสี่ยวเสวี่ยไปก็ล้างไปอย่างเหม่อลอย

เพิ่งล้างผักเสร็จก็เอาไปตากไว้บนแท่นวาง หลินซือเย่ากับต้าเป่าก็กลับมา

“บอกแล้วว่าข้าล้างเอง มือเย็นไหม” หลินซือเย่าเห็นกระหล่ำปลีในตะกร้าล้างเรียบร้อยแล้ว ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ ดึงมือนางมากุมดูพบว่าเย็นเฉียบ

“อาเย่า เสี่ยวเสวี่ยไม่รู้เป็นอะไร สองวันนี้เอาแต่นอน จะป่วยไหมนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนคิดถึงเสี่ยวเสวี่ย ดึงหลินซือเย่าพูดไปก็เดินทางบ้านไม้หลังเล็กไป

“นี่เรื่องปกติ เพราะว่าเสี่ยวเสวี่ยจะเป็นแม่แล้ว”

หลินซือเย่าอมยิ้มมองนาง ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน ก็พบอาการผิดปกติเสี่ยวเสวี่ยแล้ว ลองจับชีพจรดูก็รู้ว่าท้องแล้ว จึงไม่ได้พาเสี่ยวฉุนไป เสี่ยวเสวี่ยตอนนี้น่าจะไม่มีแรงรับมือหากลู่หว่านเอ๋อร์มาถึงหน้าประตูอีกกระมัง

ที่เขาหวังยิ่งไปกว่านี้ก็คือหญิงตัวน้อยข้างกายเขาจะมีคนในครอบครัวคนที่สองของเขาเกิดมาบนโลกนี้ แววตาหลินซือเย่าอ่อนโยน คิดว่าให้นางบำรุงร่างกายให้ดีกว่านี้สักหน่อยจะดีกว่า เขาและนางยังมีเวลาอีกทั้งชีวิต ไม่รีบร้อน

“เสี่ยว…เสี่ยวเสวี่ย…เป็น…เป็นแม่แล้ว?” ซูสุ่ยเลี่ยนตกใจอ้าปากค้าง “แต่…แต่มัน…ยังไม่ถึงสองขวบ?” ให้อภัยที่สมองนางยังคิดตามไม่ทัน

“กล่าวได้ถูกต้องก็คือเพิ่งจะขวบครึ่ง” หลินซือเย่าพยักหน้า ส่วนใหญ่ลูกหมาป่าผสมพันธุ์กันในต้นฤดูใบไม้ผลิ หากปล่อยไปตามธรรมชาติก็ย่อมให้กำเนิดลูกหมาป่า เช่นนั้นเสี่ยวเสวี่ยก็น่าจะลืมตาดูโลกหน้าร้อนปีที่แล้ว มาถึงตอนนี้ก็ปีครึ่งแล้ว แน่นอนหมาป่าเพศเมียผสมพันธุ์ปลายฤดูใบไม้ร่วงก็มี เสี่ยวเสวี่ยตรงหน้าไม่ใช่ตัวอย่างที่เห็นอยู่หรือ!

“สวรรค์!” ซูสุ่ยเลี่ยนปิดปากตกใจแทบไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่ง อดลูบหัวเสี่ยวเสวี่ยบ่นงึมงำไม่ได้ว่า “ตัวเองยังไม่ถึงวัยเลย ก็คิดจะเป็นแม่แล้ว! เสี่ยวเสวี่ยโง่งม!”

“ไม่เป็นไร หมาป่ากับหมาธรรมดาเหมือนกัน สุขภาพดี อายุขวบครึ่งก็มีลูกได้” เพียงแต่ หากคิดจะดูแลลูกหมาป่าที่คลอดปลายหน้าหนาวให้รอด ก็ต้องการการดูแลให้อบอุ่นพอ”

หลินซือเย่าฉุดนางให้ลุกขึ้น “ไม่อยากรู้ว่าพ่อของลูกในท้องเสี่ยวเสวี่ยคือใครหรือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนได้ใจอยู่บ้าง

“เจ้ารู้?” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็เงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ไม่แน่ใจ แค่เดาเอา” เขาดึงนางกลับไปห้องครัว กดนางนั่งลงที่โต๊ะ ตนเองพับแขนเสื้อเตรียมทำอาหารกลางวัน

“ยังจำได้ไหมว่าระยะนี้ขึ้นเขาต้าซื่อมา” เขานั่งอยู่หน้าเตากำลังจุดฟืนไปคุยกับนางถึงเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อน ครั้งสุดท้ายที่เขาพาเสี่ยวเสวี่ยขึ้นเขาต้าซื่อไปล่าสัตว์หน้าหนาว

“ครั้งนั้นหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนแอบคุยสาเหตุที่ทำให้เสี่ยวเสวี่ยได้เป็นแม่อย่างรู้สึกแอบเขินแทน

“อืม น่าจะ หากมองไม่ผิด อีกฝ่ายเป็นราชาหมาป่า”

กล่าวถึงตรงนี้ หลินซือเย่าก็เห็นไฟจุดติดแล้ว กำลังได้กำลังพอดี จึงได้ลุกขึ้นเดินอ้อมไปหน้าเตา เปิดหม้อใหญ่ที่เอาไว้ผัดผักโดยเฉพาะ เติมน้ำมันลงไปช้อนหนึ่ง เตรียมจะผัดเห็ดหอมกระหล่ำปลี

“ราชาหมาป่า?” ซูสุ่ยเลี่ยนมองตาค้างปริบๆ อย่างตกใจ ไม่กระมัง เขาต้าซื่อถึงกับมีฝูงหมาป่าใหญ่?

“อาเย่า ครั้งหน้าอย่าขึ้นเขาอีกเลย” นางแอบกังวล คิดแล้วตนเองก็โชคดีมาก ก่อนจะได้พบหลินซือเย่า นางคนเดียวบนเขาต้าซื่อถึงกับอยู่รอดปลอดภัยมาได้สองเดือนกว่า

แต่ว่าตอนนี้หวนคิดให้ละเอียด ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

“ข้ารู้อะไรได้ไม่ได้” หลินซือเย่ายิ้มรับคำ

เขาต้าซื่อก็ย่อมมีฝูงหมาป่า เพราะหมาป่าอยู่กันเป็นฝูง ไม่เหมือนครอบครัวเสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ย แต่ทว่าการพบฝูงหมาป่านั้นเป็นเรื่องที่ค้นพบระยะหลังสองสามครั้งที่ขึ้นเขา แต่เพราะข้างกายมีเสี่ยวฉุนหรือไม่ก็เสี่ยวเสวี่ยตามไปด้วย ดังนั้นราชาหมาป่าผู้นำฝูงหมาป่าจึงไม่ได้คิดโจมตีเขา

เพียงแต่แค่ขึ้นเขาไปครั้งล่าสุดไม่กี่ครั้ง เสี่ยวเสวี่ยก็ได้พบกับราชาหมาป่าแค่สองครั้งเท่านั้น ถึงกับมีลูกของมันได้? หลินซือเย่าคิดแล้วก็แทบอยากจะร้องไห้

เรื่องนี้ซูสุ่ยเลี่ยนก็ได้แต่นิ่งงันไร้วาจาจะกล่าว

คิดไม่ถึงจริงๆ ตั้งแต่มาถึงแผ่นดินต้าหุ้ยนี้ แทบจะกล่าวได้ว่านางมองดูเสี่ยวเสวี่ยเติบโตมา ถึงกับชั่วแวบเดียวลูกหมาป่าก็กลายเป็นแม่หมาป่ามีลูกแล้ว อย่างมากอีกสามเดือนก็จะคลอดลูกหมาป่าน่ารักออกมาครอกหนึ่งแล้ว มันเองก็เพิ่งจะสลัดคำว่า ‘ลูกหมาป่า’ ออกได้ไม่ถึงครึ่งปีเองนะ

“อาเย่า ในเมื่อเสี่ยวเสวี่ยท้องแล้ว นมแพะนั่นก็ให้มันดื่มเพิ่มสักชามนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนรีบปรับอารมณ์ให้ปกติ พยายามคิดหาทางดูแลเสี่ยวเสวี่ยตั้งท้องอย่างเต็มกำลัง ต้องหาอะไรพิเศษให้มันกินยามตั้งท้อง

แม่แพะที่ผู้ใหญ่บ้านมอบให้มาตัวนั้น พอให้กำเนิดลูกแพะ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงน้ำนมมาก นับประสาอันใดกับห้าวันก่อน แม่แพะที่บ้านผู้ใหญ่บ้านอีกตัวยังคลอดลูกแพะอีกครอก น้ำนมก็ยิ่งเหลือเฟือ ดังนั้นเขาจึงอุ้มลูกแพะสามตัวก่อนหน้ากลับไปเลี้ยงที่บ้านเขาเอง

ดังนั้นแม่แพะที่บ้านซูสุ่ยเลี่ยนก็บีบน้ำนมออกมาได้ไม่น้อย เลี้ยงแค่ลูกแพะตัวเดียวดื่มจนอิ่ม ยังเหลืออีกสองชามใหญ่ เถียนต้าเป่าได้กลิ่นนมแพะก็รู้สึกเหม็นสาบ บีบจมูกแน่นหนีออกไปตั้งไกล ดังนั้นสองคนสองหมาป่าจึงแบ่งกันกิน บนโต๊ะอาหารเช้าทุกวันก็จะมีชามนมแพะร้อนกรุ่นตั้งอยู่ชามหนึ่งเป็นเครื่องดื่มบำรุง

“ได้” หลินซือเย่าไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนใหญ่เดือนสิบสองหน้าหนาว ลูกหมาป่าที่คลอดมักมีอัตราการรอดต่ำ แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้คลอดบนเขาต้าซื่อ แต่คลอดในบ้าน อย่างมากก็สร้างรังให้มันอยู่ชั่วคราวในห้องโถง ไม่ต้องทนหนาว เรื่องอาหารการกินก็มีเนื้อแห้งสะสมไว้มากพอ มีนมแพะสดๆ อุ่นร้อน บางครั้งยังอาจย่างปลาสดใหม่เลี้ยงพวกมัน สรุปไม่ปล่อยให้พวกมันหิว และไม่ทำให้เสี่ยวเสวี่ยต้องขาดสารอาหารจนทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือหลังคลอดแล้วไม่แข็งแรง…

หลินซือเย่ารู้ว่าซูสุ่ยเลี่ยนผูกพันกับเสี่ยวฉุนและเสี่ยวเสวี่ยราวกับคนในครอบครัว บางทีอาจเพราะนางรู้จักพวกมันก่อนเขากระมัง เขาคิดว่าตนเองไม่ควรอิจฉาสองสัตว์เดรัจฉานนี้ ได้แต่หัวเราะขำตัวเอง

……

จากนั้นสองสามวันต่อมา หลินซือเย่าก็ย้ายที่นอนเสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ยเข้ามามุมหนึ่งในห้องโถง แน่นอน แค่ตอนกลางคืนหรือวันฝนตกที่จะเข้ามาได้ หากกลางวันอากาศดี หลินซือเย่ายังคงให้เสี่ยวเสวี่ยนอนตากแดดในบ้านไม้ด้านนอกของตนเอง

การฝึกทุกวันของเสี่ยวฉุนก็หยุดชั่วคราว หลินซือเย่าสั่งมันให้เฝ้าบ้านอย่าไปไหน

ตอนนี้ในบ้านมีสอง ‘สตรี’ ต้องดูแล หนึ่งยังตั้งครรภ์ ภาระหน้าที่เสี่ยวฉุนก็ย่อมต้องเพิ่มมากขึ้น

โชคดีตั้งแต่วันนั้นลู่หว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้มาอีก ไม่รู้ว่าทำใจไปแล้ว หรือว่าสองวันนี้อากาศหนาวจึงพักไว้ก่อน

สรุปซูสุ่ยเลี่ยนกังวลได้ไม่กี่วัน ก็ลืมเรื่องนี้ไปหมดสิ้น

นางทุ่มเทใจทั้งหมดไปที่ภาพหยางกุ้ยเฟยเมาเหล้าที่ต้องส่งในอีกไม่ถึงครึ่งเดือน

ช่วงเวลานี้สี่ชุ่ยนำวาจาจากเจียงอิ้งอวิ๋นเถ้าแก่รองร้านผ้าปักเยว่อวิ๋นมาบอกว่า นางไม่ต้องเร่งไป ขอเพียงเหลือเวลาสี่วันให้นางจัดการงานที่เหลือก็พอ

ซูสุ่ยเลี่ยนแอบขำ ดูๆ เผยออกมาแล้วใช่ไหม ก่อนหน้านั้นผู้ใดบอกว่าให้นางส่งก่อนสิ้นปีก็พอแล้วไม่ใช่หรือ

โชคดีที่ซูสุ่ยเลี่ยนกำหนดเวลาให้ตัวเองไว้วันที่ยี่สิบเดือนสิบสอง แม้จะเหลือเวลาให้เจียงอิ้งอวิ๋นสี่วัน ก็ต้องส่งมอบวันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง นางยังมีเวลาห้าวันในการจัดการเก็บงาน

ดังนั้นซูสุ่ยเลี่ยนก็ปักไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน

แอบไปเดินเล่นรอบๆ บ้าง ไปเป็นเพื่อนหลินซือเย่าสอนศิษย์เสร็จออกเก็บผัก พูดคุย โต้เถียงกับเถียนต้าเป่าที่ว่างจากการฝึกยุทธ์ ไปลูบเสี่ยวเสวี่ยที่รอคลอดนอนตากแดดอยู่บ้าง เป็นเพื่อนคุยกับเสี่ยวฉุนวิ่งเหยาะๆ รอบลานบ้านให้อบอุ่น วันเวลาผ่านไปอย่างอย่างมีความสุข

……

หลังอาหารค่ำวันนี้ ซูสุ่ยเลี่ยนยังทำทุกอย่างเหมือนปกติ หยอกเล่นกับเสี่ยวฉุนและเสี่ยวเสวี่ยเสร็จ เข้าไปในห้องนอนจัดผ้าห่มปูที่นอน หลินซือเย่าทำความสะอาดห้องครัวเสร็จ เพิ่งเดินออกมาเตรียมจะไปลงกลอนประตูใหญ่

ก็พลันเห็นหมาป่าขนสีขาวปลอดราวหิมะตัวใหญ่อยู่หน้าประตู แววตาสีเขียววาวจ้องมองหลินซือเย่าที่เดินมา

ราชาหมาป่า? หลินซือเย่าสังเกตเห็นมันท่าทางสง่างาม

“กลับไป! ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาได้” หลินซือเย่าคำรามเบาๆ หากถูกชาวบ้านลาดตระเวนพบเข้า ไม่เพียงแต่ราชาหมาป่าจะอันตราย ครอบครัวตนเองก็อาจถูกสงสัยไปด้วย นี่คือสาเหตุที่เขาลงกลอนประตูทุกคืน ไม่ปล่อยให้เสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ยออกไปเดินเล่นรอบๆ แต่วันนี้เพราะมีต้าเป่ากินอาหารเย็นด้วย จึงลงกลอนประตูช้าไปครึ่งชั่วยาม

โบร๋ว…หมาป่าใหญ่ส่งเสียงร้องโบร๋วเบาๆ ราวกับขอร้องเขาจะเข้าไปดูเสี่ยวเสวี่ย

“กลับไป มันสบายดี หากไม่อยากมีปัญหา รีบขึ้นเขาไป อย่าได้ลงมาอีก” หลินซือเย่ายืนอยู่หน้าราชาหมาป่าสั่งเสียงทุ้ม ยอมที่จะพูดคุยกับราชาหมาป่าเหมือนคนโง่ ไม่ยอมให้มันเข้าไปเด็ดขาด มีหนึ่งก็มีสอง หากปล่อยให้มันเข้ามาครั้งหนี่ง ก็จะมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม…จนอาจไม่จบไม่สิ้น ถึงตอนนั้นก็จะถูกคนพบความผิดปกติเข้าได้ง่าย