บทที่ 53 นักพรตเต๋าจิ่วติ่ง คำสาปตถาคต

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 53 นักพรตเต๋าจิ่วติ่ง คำสาปตถาคต
วันนี้

หยางเทียนตงกลับมาจากการออกไปทำภารกิจข้างนอก เขาค่อนข้างตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านอาจารย์ อาจารย์ปู่กลับมาแล้ว” หยางเทียนตงกล่าวกับหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้

เขารีบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนักหยกพิสุทธิ์ในทันที

[นักพรตเต๋าจิ่วติ่ง: ระดับสุญตาขั้นแปด ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักหยกพิสุทธิ์]

ระดับสุญตาขั้นแปด!

ใช้ได้เลยนะเนี่ย!

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที

มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์ สำนักหยกพิสุทธิ์คงไม่ต้องเผชิญหน้ากับความลำบากดังเช่นที่ผ่านมาแล้วสินะ

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา “ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ”

เอ่ยจบ หานเจวี๋ยก็รีบเปิดฟังก์ชันจำลองการทดสอบ ต่อสู้กับนักพรตเต๋าจิ่วติ่ง

หยางเทียนตงถูจมูก รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง เดิมทีเขามีสิ่งที่อยากจะพูดมากมาย เมื่อเห็นท่าทีของอาจารย์แล้วคาดว่าเขาคงไม่อยากฟัง เขาจึงทำได้เพียงเดินไปด้านข้างเริ่มฝึกบำเพ็ญแต่โดยดี

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นจ้องมองทเขา กล่าวเสียงต่ำ “พี่ไก่ กลิ่นอายบนกายเขาน่ารังเกียจยิ่งนัก”

ไก่คุกรัตติกาลหรี่ตาลงกล่าว “อืม ข้าเองก็มีความรู้สึกเช่นนั้น”

แม้เสียงของพวกมันจะเบายิ่งนัก แต่หยางเทียนตงกลับได้ยินอย่างชัดเจน

เขาจนวาจาเป็นอย่างมาก

สำหรับปีศาจแล้ว สายเลือดครึ่งปีศาจของตน ขัดแย้งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

หยางเทียนตงรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ลอบเอ่ยว่า “นี่ก็คือระดับสุญตาหรือ ใช้ได้นี่!”

เขาแพ้แล้ว!

อาศัยวิชาเทพวายุ เมฆตีลังกา เขาฝืนทนอยู่ได้ไม่กี่นาที

ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสามปะทะกับระดับสุญตาขั้นแปดก็อาศัยพลังมากนัก

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก

ต่อไปนี้เขามีเป้าหมายแล้ว!

เอาชนะนักพรตเต๋าจิ่วติ่งให้ได้ในเร็ววัน!

หลังจากนั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ก็คึกคักยิ่งนัก ประการแรกคืองานเฉลิมฉลองใหญ่ครบรอบหนึ่งพันปี ประการที่สองอาจารย์ปู่กลับมาแล้ว!

ด้วยการกล่าวขวัญของผู้อาวุโสทั้งสิบแปดสำนัก เรื่องราวเล่าขานตำนานของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งจึงถูกแพร่กระจายออกไป

ผู้บำเพ็ญผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชีวิตอยู่นับพันปี กวาดตามองไปทั่วทั้งแดนบำเพ็ญพรตก็หายากมากยิ่งนัก

หานเจวี๋ยยังคงปิดด่านเช่นเดิม ไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นด้านนอก

ไม่กี่วันหลังจากนั้น

หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยือน

ทั้งยังมีนักพรตเต๋าจิ่วติ่งตามมาด้วย

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งศีรษะขาวโพลน ท่าทางไม่ธรรมดา มีกลิ่นอายของเทพเซียนยิ่งนัก

หานเจวี๋ยลุกขึ้นคารวะ

หยางเทียนตงก็คุกเข่าลงคำนับเจ้าสำนักเช่นกัน

ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นหมอบอยู่กับพื้น มองไปทางนักพรตเต๋าจิ่วติ่งเงียบๆ

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งเข้ามาในถ้ำเทวาฟ้าประทานแล้ว เขามองไปที่ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเป็นอันดับแรก กล่าวอย่างประหลาดใจ “สัตว์ปีศาจสองตัวนี้ไม่ธรรมดานี่ สหายน้อย เจ้าได้มาจากที่ใดหรือ”

คนอื่นๆ ในสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างมองไม่เห็นแก่นรากของสัตว์ปีศาจทั้งสอง แต่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกลับสัมผัสได้ว่าพวกมันไม่ธรรมดา อย่างไรเสียเขาก็เดินทางไปทั่วหล้า พบเจอสิ่งต่างๆ มามากมาย

หลี่ชิงจื่ออดหันไปมองไม่ได้ มีสุนัขเพิ่มขึ้นมาอีกตัวตั้งแต่เมื่อไรกัน?

หานเจวี๋ยยิ้มกล่าว “บังเอิญได้มา”

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เดินไปนั่งลงบนม้านั่งตัวหนึ่ง มองหานเจวี๋ยแล้วกล่าวว่า “สหายน้อย สำนักหยกพิสุทธิ์โชคดียิ่งนักที่มีเจ้าอยู่ ไม่อย่างนั้นระบบเต๋าคงถูกทำลายหมดแล้ว ครั้งนี้ข้าตั้งใจมาขอบใจเจ้าด้วยต้นเอง และนำโอกาสมาให้เจ้าหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่”

โอกาส?

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วขึ้นทันที

ตามความเข้าใจของเขา โอกาสที่มาส่งถึงมือล้วนเป็นภัย

อันตราย!

สร้างปัญหาได้ง่าย!

“เมื่อพันปีก่อนข้าออกจากแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน ตามหาเซียนพื้นพสุธา ไปถึงต่างแดน ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างเมืองมนุษย์ ยามนี้ได้กลายเป็นรองเจ้าสำนัก กลับมาครั้งนี้จะนำเหล่าผู้มีพรสวรรค์ไปฝึกบำเพ็ญ เมื่อตบะแกร่งกล้าค่อยกลับมาที่สำนักหยกพิสุทธิ์ เจ้าเต็มใจหรือไม่” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งลูบเครากล่าวด้วยรอยยิ้ม

รองเจ้าสำนักต่างแดน?

หานเจวี๋ยหมดคำพูด

บ้านเของท่านจะมอดไหม้แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ท่านกลับไปเข้าร่วมกับผู้อื่น ปะปนอาศัยความรุ่งเรือง

หานเจวี๋ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “สำนักที่ต่างแดนของพวกท่านนับว่าไร้ศัตรูเลยหรือ”

“ไร้ศัตรูนั้นยากนัก แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในเจ้ายุทธจักร”

“เจ้ายุทธจักร? ก็คือมีศัตรูน่ะหรือ”

“นั่นย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว คิดอยากสั่นคลอนสำนักของพวกเรานั้นยากมาก ในสำนักของพวกเราผู้แข็งแกร่งระดับสุญตาก็มีไม่น้อย”

“อ๋อ ขอบคุณความปรารถนาดีของอาจารย์ปู่ ข้าก็ไม่ไปแล้ว”

หานเจวี๋ยสายหน้ากล่าวปฏิเสธ

ต่างแดนอันตรายเพียงนั้น ไม่ใช่สำนักที่ไร้ศัตรู ไปแล้วแน่นอนต้องอันตราย

ที่ต้าเยี่ยน ดีร้ายอย่างไรที่สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ไม่มีศัตรูอีกต่อไป

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณที่แข็งแกร่งที่สุดก็ใกล้จะล่มสลายแล้ว!

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยิ้มเอ่ย “พวกเขาต่างก็กล่าวกันว่าเจ้าระมัดระวังตัวมาก ดูเหมือนเจ้าจะกลัวอันตรายที่ต่างแดนยิ่งนัก? นั่นก็จริง เมื่อคิดถึงปีนั้นข้าก็…”

เขาเริ่มคุยโวถึงประสบกาณ์เสี่ยงอันตรายของตน เป็นอย่างที่คิด ไม่ว่าที่ใดผู้เฒ่าผู้อาวุโสก็มักจะพูดมาก ชอบคุยโม้เกี่ยวกับอดีต

หานเจวี๋ยฟังอย่างเงียบๆ

รอกระทั่งนักพรตเต๋าจิ่วติ่งพูดไปสักครู่ หลี่ชิงจื่อถึงได้มีโอกาสพูดขึ้นมาบ้าง

“ผู้อาวุโสหาน ท่านไม่อยากไปก็ย่อมได้ อยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ดีเช่นกัน หลังจากนี้อาจารย์ปู่จะช่วยพัฒนาสำนักหยกพิสุทธิ์ของเรา ถึงเวลานั้นสำนักหยกพิสุทธิ์จะต้องเป็นเจ้ายุทธจักรแห่งแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน ท่านอยากฝึกบำเพ็ญให้หนักใช่หรือไม่ ไม่มีปัญหา ข้าจะช่วยท่านตามหาของล้ำค่าฟ้าดินอย่างสุดความสามารถ ตั้งแต่นี้ไปทั้งเขาลูกนี้เป็นของท่าน ข้าสามารถขับไล่ศิษย์ของถ้ำเทวาอื่นๆ บนเขาออกไปได้ หลังจากนั้นจะมอบมันให้กับท่านและศิษย์ของท่านในอนาคต” หลี่ชิงจื่อยิ้มกล่าว

เขาเป็นเจ้าสำนัก ย่อมไม่หวังให้หานเจวี๋ยจากไป

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพูดจาน่าฟัง หากเหล่าผู้มีพรสวรรค์ได้ไปสำนักที่ดีกว่า จะอยากกลับมาได้อย่างไร

นอกเสียจากว่าจะเข้ากันไม่ได้ และถูกกดขี่อยู่เป็นนิจ

หากหานเจวี๋ยตามนักพรตเต๋าจิ่วติ่งไป เช่นนั้นจะทำอย่างไรหากสำนักหยกพิสุทธิ์เจอกับภัยอันตรายในครั้งหน้า

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยิ้มบอก “ใช่แล้ว ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่อย่างน้อยห้าสิบปีแล้วค่อยไป ปฏิรูปสำนักหยกพิสุทธิ์เสียก่อน ทำให้สำนักหยกพิสุทธิ์กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน ภายในระยะเวลานี้ เจ้ายังสามารถไตร่ตรองได้”

ตัวอักษรสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

[ท่านได้รับการเชื้อเชิญของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ติดตามนักพรตเต๋าจิ่วติ่งไปยังต่างแดน จะได้รับโอสถฝึกบำเพ็ญหนึ่งขวด อาวุทเวทหนึ่งชิ้น สมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง อยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ต่อไป ฝึกบำเพ็ญอย่างเงียบๆ มุ่งมั่นเพื่อความสงบมั่นคง จะได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

หานเจวี๋ยยิ้มกล่าว “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอาจารย์ปู่และเจ้าสำนักยิ่งนัก ข้ายังคงอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อน”

หานเจวี๋ยเลือกข้อสองอย่างเงียบๆ

ดูจากตัวเลือกแล้ว ตัวเลือกที่หนึ่งอาจจะมีเงื่อนไขที่ดีเลิศ ต่างจากเมื่อก่อน

แต่ว่าเขาไตร่ตรองแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปต่างแดนเลยแม้แต่น้อย

บางทีพลังวิญญาณของที่นี่อาจจะไม่เท่ากับข้างนอก แต่เขาก็ไม่มีศัตรูที่ไหน สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างปลอดภัย

หากไปต่างแดน ไม่แน่ว่าอาจจะพบเจอเรื่องยุ่งยากมากมาย

อีกทั้งหานเจวี๋ยไม่มีความบาดหมางหนี้เลือดก้อนโต หรือศัตรูที่เก่งกล้าน่าสะพรึงกลัว คุ้มค่าที่จะจากบ้านจากเมือง?

นอกจากนี้ ข้อเสนอของหลี่ชิงจื่อก็ไม่เลว ถ้ำเทวานี้เล็กเกินไปจริงๆ ยกให้เขาทั้งลูกก็เหมาะยิ่งนัก

ส่วนศิษย์อื่นๆ บนเขา หานเจวี๋ยได้เพียงแต่กล่าวขอโทษด้วย

เขาเชื่อว่าหลี่ชิงจื่อจะสามารถใช้ดุลพินิจรักษาน้ำใจกันได้

[ท่านเลือกอยู่สำนักหยกพิสุทธิ์ต่อไป ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–คำสาปตถาคต]

[คำสาปตถาคต: พลังวิเศษพุทธศาสนา สามารถช่วยโปรดดวงวิญญาณ ปราบสิ่งชั่วร้ายที่คอยกระทำชั่ว]

พลังวิเศษพุทธศาสนา?

น่าสนใจดีนี่!

หานเจวี๋ยคิดในใจ

ทั้งสามสนทนากันต่ออีกครู่หนึ่ง

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งและหลี่ชิงจื่อจากไป ไม่ถึงสามวัน ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ บนเขาลูกนี้ต่างก็ย้ายออกไปจนหมด

ด้วยการจัดการของหลี่ชิงจื่อ ข้ารับใช้ที่เป็นมนุษย์ธรรมดาก็เข้ามาเพาะปลูกของล้ำค่าฟ้าดิน

ของล้ำค่าฟ้าดินชุดนี้คาดว่าเป็นนักพรตเต๋าจิ่วติ่งที่นำกลับมา เห็นได้ชัดว่าคุณภาพเหนือกว่าของล้ำค่าฟ้าดินที่เคยส่งมาก่อนหน้านี้

ไม่เพียงเท่านั้น หลี่ชิงจื่อยังมาแผ่ค่ายกลที่ด้านล่างเขาให้หานเจวี๋ยด้วยตัวเอง

บริการอย่างเต็มที่!

เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายไปถึงสำนักฝ่ายใน เหล่าศิษย์ทั้งหลายยังหลงคิดว่าเจ้าสำนักจะสร้างภูเขาให้เป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์ ต่างคนต่างเริ่มตั้งตารอ

หารู้ไม่ว่า เขาทั้งลูกนี้จัดไว้เพื่อสำหรับคนคนเดียว

หานเจวี๋ยไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องภายนอกถ้ำเทวา เขาสงบใจฝึกบำเพ็ญ

ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเองก็ฝึกฝนอย่างหนัก

หยางเทียนตงกลับออกจากถ้ำเทวา

หลี่ชิงจื่อมีความตั้งใจที่จะฝึกเขา เตรียมให้เขาเข้ามามีอำนาจในสำนักหยกพิสุทธิ์ ประการแรกก็เพราะเห็นถึงคุณสมบัติของเขา ประการที่สองเพื่อที่จะดึงหานเจวี๋ยเข้ามาเป็นพวก

เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้ สิงหงเสวียนเดินทางมาหาหานเจวี๋ย

ศิษย์แต่ละยอดเขาได้รับคำสั่ง ห้ามไม่ให้มายังเขาลูกนี้ แต่สิงหงเสวียนมีนักพรตเต๋าจิ้งซวีหนุนหลัง เช่นนั้นจึงกล้าเข้ามาที่นี่

หานเจวี๋ยให้นางเข้ามาในถ้ำ

“สามี ระยะนี้ข้าก็เก็บของล้ำค่ามาได้ ตั้งใจนำมาให้ท่านโดยเฉพาะ” สิงหงเสวียนเดินมานั่งลงตรงข้างหานเจวี๋ยอย่างเบิกบาน จากนั้นจึงหยิบไข่มุกหยกขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารกออกมาราวกับมอบของขวัญอันล้ำค่า

หานเจวี๋ยรับไข่มุกชิ้นนี้มา เขาใช้พลังจิตสำรวจดูเล็กน้อย สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

สิงหงเสวียนกล่าวอย่างตื่นเต้น “ไข่มุกนี้สามารถรวบรวมพลังวิญญาณฟ้าดินได้ด้วยตนเอง และสามารถกระตุ้นให้เกิดโอสถผสานวิญญาณ นับเป็นของล้ำค่ายิ่งนัก!”

………………………………………………………