บทที่ 54 ดาวตัวซวยแดนสวรรค์ พรสวรรค์ไร้เทียมทาน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 54 ดาวตัวซวยแดนสวรรค์ พรสวรรค์ไร้เทียมทาน
เมื่อได้ฟังคำพูดของสิงหงเสวียน สีหน้าของหานเจวี๋ยยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก เป็นเพราะพลังจิตของเขาพบว่าภายในไข่มุกมีวิญญาณซุกซ่อนอยู่

วิญญาณนี้ยังเป็นวิญญาณร้าย เต็มไปความอาฆาตแค้น

แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของดี!

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ไข่มุกนี้เจ้าเก็บมาได้จากที่ใด”

เขาบอกเรื่องวิญญาณร้ายในไข่มุกออกไป เมื่อสิงหงเสวียนได้ฟังถึงกับเบิกตาโต สีหน้ายากที่จะเชื่อ

ไม่นาน นางขมวดคิ้วขึ้นแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าได้มันมาจากตลาดแห่งแดนบำเพ็ญพรต ข้าเข้าร่วมการประมูลและได้รับสมบัติมาหนึ่งชิ้น แต่มีคนจับตามองข้า ถึงได้ตามข้ามาและพยายามแย่งชิงสมบัติของข้า แต่กลับถูกข้าชิงสังหารเสียก่อน ข้าจึงได้ของชิ้นนี้มาจากแหวนเก็บสมบัติของเขา สหายเต๋าที่ติดตามไปด้วยกันบอกข้าว่าของสิ่งนี้คือหยกรวมวิญญาณฟ้าประทาน หาได้ยากยิ่งนัก เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกบำเพ็ญ เมื่อข้าได้ยินว่าร้ายกาจเช่นนี้ จึงได้นำมาให้ท่าน”

หานเจวี๋ยมักจะรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ผิดแปลกไป

แต่เขากลับคิดไม่ออก

เขาสำแดงพลังดูดวิญญาณหกสายออกมาในทันที กำจัดวิญญาณร้ายที่อยู่ในนั้น จากนั้นจึงนำหยกผสานวิญญาณฟ้าประทานคืนให้กับสิงหงเสวียน

“เจ้าก็เก็บไว้เถอะ วิญญาณร้ายที่อยู่ในนั้นถูกข้ากำจัดไปแล้ว สำหรับข้าสมบัติสิ่งนี้ช่วยได้ไม่มาก กลับกันกับเจ้าที่ใกล้จะทะลวงระดับรวมแก่นปราณ ก็ต้องการใช้สมบัติสิ่งนี้” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง

สิงหงเสวียนอยากจะปฏิเสธในทันใด แต่หานเจวี๋ยพูดต่อว่า “ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของเจ้าเชื่องช้าเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ความเป็นไปได้ที่ข้าจะกลายเป็นสามีของเจ้านับวันยิ่งน้อยลง สิ่งที่เจ้าควรคิดตอนนี้คือพยายามเร่งการฝึกบำเพ็ญตนเองให้เร็วขึ้น”

ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของสิงหงเสวียนก็ดูขมขื่นขึ้นมา

หานเจวี๋ยทนมองต่อไปไม่ได้ ถึงอย่างไรสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้ก็มีค่าความประทับใจต่อเขาสูงที่สุด

หานเจวี๋ยพลิกหงายฝ่ามือขวา ส่งโอสถวิญญาณชั้นยอดที่ตนเองยึดมาได้จากครั้งก่อนให้กับสิงหงเสวียน

โอสถเหล่านี้สามารถช่วยสิงหงเสวียนทะลวงระดับรวมแก่นปราณได้ และยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งตบะระดับรวมแก่นปราณของนาง

“ก่อนหน้านี้มีแต่เจ้าที่มอบสมบัติให้กับข้า ตอนนี้ข้ามอบให้เจ้าบ้าง อีกอย่างเจ้าสามารถเปิดใช้ถ้ำเทวาหลังเขาเพื่อฝึกบำเพ็ญได้” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างจริงจัง

สิงหงเสวียนพลันประหลาดใจในทันใด ในใจเต็มไปด้วยความหวานซึ้ง

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ในใจพลันรู้สึกตื่นตระหนก กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม “เจ้าและข้ายังไม่ใช่สามีภรรยา หวังว่าเจ้าจะพยายามฝึกบำเพ็ญอย่างเต็มที่ อีกอย่าง อย่าได้ประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเรา ข้าสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์ เจ้าอย่าได้กลายเป็นจุดอ่อนให้ศัตรูขู่ข้า เข้าใจหรือไม่”

สิงหงเสวียนพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง

‘ฮึ เจ้าเด็กบ้า

ที่แท้เจ้าก็เป็นห่วงเป็นใยข้าจริงๆ ด้วย

บอกว่ากลัวข้าเป็นจุดอ่อนอะไรกัน จริงๆ แล้วก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของข้า’

สิงหงเสวียนยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งหวานซึ้ง

นึกย้อนไปเมื่อปีนั้น ในสายตาของนางหานเจวี๋ยยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว

คุณสมบัติเช่นนี้กวาดสายตามองหาทั่วทั้งแดนบำเพ็ญพรตล้วนยากที่จะพบได้

นางเองก็ควรพยายามจริงๆ บ้างแล้ว

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางอาจจะไม่คู่ควรกับหานเจวี๋ย

สิงหงเสวียนก็ไม่ได้รั้งอยู่นานนัก เพียงไม่นานก็จากไป

เดิมทีนางคิดจะใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับหานเจวี๋ยสักหน่อย แต่ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นกลับจ้องมาที่พวกเขาตลอด ดวงตาที่จ้องมองมานั่นเบิกกว้าง ทำเอานางรู้สึกเคอะเขิน

……

หนึ่งปีครึ่งหลังจากนั้น

รัศมีพลังวิญญาณของขุนเขาที่หานเจวี๋ยอาศัยอยู่ได้ยกระดับขึ้น นอกจากค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว หลี่ชิงจื่อยังวางกลคุ้มกันขนาดใหญ่

ด้วยการแนะนำของหานเจวี๋ย สิงหงเสวียนจึงย้ายไปยังภูเขาด้านหลังอย่างเงียบๆ เพลิดเพลินไปกับพลังวิญญาณที่มีพลังมหาศาลของที่นี่

วันนี้เอง

การเฉลิมฉลองใหญ่หนึ่งพันปีของสำนักหยกพิสุทธิ์กำลังจะเปิดฉากขึ้น สำนักสายหลักในแดนบำเพ็ญพรตต่างก็ส่งคนมาแสดงความยินดี สำนักหยกพิสุทธิ์จึงครึกครื้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

กล่าวกันว่าเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณหายสาบสูญหลังจากที่มายังสำนักหยกพิสุทธิ์ หรือจะกล่าวว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณจะสิ้นชีวิตที่สำนักหยกพิสุทธิ์แห่งนี้

การคาดเดาเช่นนี้ทำให้สถานะของสำนักหยกพิสุทธิ์ในแดนบำเพ็ญพรตสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีผู้ใดที่จะกล้าไม่ไว้หน้า

หลังจากที่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกลับมา เขาเริ่มปฏิรูปสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยตนเอง พลังวิญญาณทั้งสิบแปดยอดเขาและเมืองสำนักฝ่ายในก็เพิ่มรัศมีขึ้นอย่างกว้างขวาง ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าภูเขาของหานเจวี๋ย แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัว

ไม่เพียงเท่านี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งยังจับปีศาจขนาดใหญ่ที่เทียบเท่ากับระดับปราณก่อกำเนิดหลายตัว กักขังมันไว้ในแดนหมื่นปีศาจ

สำนักหยกพิสุทธิ์กำลังแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน

หานเจวี๋ยไม่สนใจการเฉลิมฉลองใหญ่หนึ่งพันปี จึงไม่ได้ออกไป ฝึกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ควรจะกล่าวถึงก็คือ ในขณะที่ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้ำเทวาก็ไม่สามารถรองรับพวกมันได้อีก หานเจวี๋ยไล่พวกมันออกไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อน

ให้พวกมันหาที่อยู่บนเขาด้วยตนเอง ในขณะเดียวก็กำชับพวกมันห้ามลงจากเขา และอวดตัวgv’อย่างเด็ดขาด

ไก่คุกรัตติกาลถูกหานเจวี๋ยปลูกฝังค่านิยมมาตั้งแต่มันยังเล็ก จนถึงตอนนี้มันได้กลายเป็นไก่ที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างมาก อ้อ ไม่สิ เป็นไก่ที่ระมัดระวังและรอบคอบยิ่งนัก มันมักจะพร่ำสอนสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น และต้องการให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นมีนิสัยเหมือนกันกับมัน

จนใจก็แต่สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนั้นเย่อหยิ่งโดยกำเนิด และสำหรับมันถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยาม

ถึงแม้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นจะไม่เคารพตัวเองอย่างมาก แต่ไก่คุกรัตติกาลยังคงควบคุมมันด้วยพลังแข็งแกร่งของตัวเอง

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เจ้าสุนัขตัวนี้ก็เป็นมันที่ฟักออกมา

หรือหากอิงตามคำพูดของหานเจวี๋ย นี่ก็คือลูกสุนัขของมัน

วันนี้เอง

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

พบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดอีกแล้ว!

ยามนี้หานเจวี๋ยก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดแล้ว ก็คือคนที่มีชะตาไม่ธรรมดา

บ้างก็อาจจะมีดวงชะตาโดดเดี่ยว บ้างก็อาจจะเป็นบุตรแห่งโชคชะตา

ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิดไม่ได้หมายความว่าจะเก่งกาจเสมอไป

หานเจวี๋ยรีบเลือกเปิดดูที่มาทันที

[ซูฉี: ดาวตัวซวยแห่งวังสวรรค์กลับชาติมาเกิด เกิดมาพร้อมกับโชคร้าย และจะนำหายนะมาสู่ผู้คนรอบข้าง ชะตากรรมของเขาแข็งแกร่งเป็นที่สุด มักจะนำเคราะห์มาสู่คนรอบกาย เขามักจะสามารถพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี เมื่อได้ยินว่าสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นสำนักที่แกร่งที่สุดในแดนบำเพ็ญพรต จึงคิดอยากเข้าร่วมสำนักหยกพิสุทธิ์ เรียนรู้ลัทธิเต๋า คำเตือนพิเศษ เพราะท่านมีดวงชะตาของทายาทจักรพรรดิเซียน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความโชคร้ายของดาวตัวซวย นอกจากนี้ ไม่สามารถสังหารดาวตัวซวยได้ มิฉะนั้นแม้แต่ดวงชะตาของทายาทจักรพรรดิเซียนก็ไม่อาจหยุดยั้งความโชคร้ายมหาศาลนี้ได้]

อะไรกันเนี่ย

ดาวตัวซวยกลับชาติมาเกิด?

หานเจวี๋ยมองจนหมดคำพูดอยู่พักหนึ่ง

แม้ดวงชะตาทายาทจักรพรรดิเซียนของเขาจะสามารถป้องกันอิทธิพลจากดาวตัวซวยได้ แต่สำนักหยกพิสุทธิ์ไม่สามารถป้องกันได้!

หานเจวี๋ยรีบใช้พลังจิตตามหาในทันที

ซูฉีกำลังมุ่งหน้ามายังยอดเขาที่เขาอยู่

นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่!

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจไปพบกับดาวตัวซวยผู้นี้

ณ เชิงเขาด้านล่าง

เด็กหนุ่มวัยเยาว์ผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ หอบหายใจถี่พลางปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก

แม้หน้าตาของเขาจะไม่หล่อเหลา ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

เขาหันหน้ามองไปยังยอดเขาทั้งสิบแปดอันไกลโพ้น แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น

“เหตุใดมนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าถึงได้มาที่นี่” ทันใดนั้นเสียงของหานเจวี๋ยพลันลอยมา

เห็นเพียงเขาปรากฏตัวในอากาศข้างหน้าซูฉี

ซูฉีตกใจจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงด้านหน้าของหานเจวี๋ยทันใด

เขาฝืนเก็บความตื่นเต้นดีใจ กล่าวขึ้นว่า “ข้ามีนามว่าซูฉี อยากบำเพ็ญเซียน ข้าทราบกฎของสำนักบำเพ็ญพรตดี แต่ข้าอยากข้ามสำนักฝ่ายนอกไป ใช้พรสวรรค์ของข้าเข้าไปยังสำนักฝ่ายใน!”

วาจานี้ช่างอวดดียิ่งนัก!

หานเจวี๋ยจนวาจา

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าประโยคนี้คุ้นหูอยู่บ้าง ราวกับว่าเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน

หานเจวี๋ยส่ายหน้ากล่าว “อายุของเจ้ามากเกินไป พลาดช่วงเวลาในการฝึกช่วงที่ดีที่สุดไปแล้ว”

เพื่อความปลอดภัยในภายภาคหน้า เพื่อความสงบสุขของสำนักหยกพิสุทธิ์ หานเจวี๋ยทำได้เพียงขับไล่เขาออกไป

“เป็นไปไม่ได้ พรสวรรค์ของข้าไร้เทียมทาน”

“เอาเช่นนี้ ข้าถ่ายทอดวิธีดูดซับปราณให้เจ้า เจ้าก็ไปหาที่อื่นฝึกบำเพ็ญ อย่าได้เข้าร่วมสำนักหยกพิสุทธิ์เลย”

“ไม่ได้ ข้าจะต้องเข้าร่วมสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ได้ หรือท่านจะไม่ได้คนของสำนักหยกพิสุทธิ์? ข้าได้ยินมาว่าสำนักหยกพิสุทธิ์กำลังจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่หนึ่งพันปี ประกาศเชิญชวนสำนักต่างๆ ในแดนบำเพ็ญพรต”

ซูฉีมองหานเจวี๋ยเป็นการกล่าวเตือน

หานเจวี๋ยสงสัย เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไยจึงรู้มากเพียงนี้?

“จะไม่ไปจริงๆ หรือ”

“ไม่ไป!”

“ดี!”

หานเจวี๋ยจับตัวซูฉีไว้ พาเขาไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ซูฉีถูกโยนลงบนพื้น ล้มกระแทกจนก้นระบม

หานเจวี๋ยนั่งลงบนตั่งไม้เตี้ยใหม่อีกครั้ง พลางกล่าว “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็สามารถอยู่ได้เพียงที่นี่เท่านั้น ตลอดชีวิตนี้ อย่าได้คิดจะออกไปอีก!”

อย่างไรเสียเขาก็สามารถสยบความโชคร้ายของซูฉีได้ เช่นนั้นจึงไม่กลัว

ส่วนเหตุผลที่เขาไม่กำจัดซูฉีทิ้งไปนั้น…

ความโชคร้ายมหาศาล เขาก็รับมันไม่ไหว!

หานเจวี๋ยยังกังวลว่าหลังจากฆ่าซูฉีแล้ว เจ้านี่จะฟื้นคืนตัวตนของเทพเซียนวังสวรรค์ เมื่อถึงเวลานั้นจะสร้างปัญหาให้กับเขาอีก

ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า!

……………………………………………………….