บทที่ 37 ไม่สนใจ

  สวีอีใช้สายตาส่งหยวนชิงหลิงที่เดินจากไปอย่างโมโห แต่ยังคงประหลาดใจ เอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าทำไมนางต้องยั่วให้ท่านอ๋องโมโหด้วย ถูกตีอีกแล้ว”

ทังหยางกลับเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นหัวคิ้วของหยู่เหวินเห้ามีเลือดซิบ ใบหน้าขาวซีดก็มีรอยฝ่ามือเช่นกัน เอ่ยขึ้นด้วยเสียงขรึมอย่างควบคุมไม่ได้ “สวีอี รีบไปเอายาผงมา ”

สวีอีรีบสาวเท้าเข้าไปดู เอ่ยอย่างโมโห “นางกล้าตีท่านอ๋องหรือ”

“รีบไปเอายามาเถอะ”ทังหยางรีบพลักเขาออกไป

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ต้องแล้ว”

ทังหยางยังคงยืนยัน แต่พอสวีอีเอายากลับมาแล้ว หยู่เหวินเห้ากลับพูดว่า “ไม่ต้องใช้ยาหรอก นางใส่ยาให้ตั้งแต่ต้นแล้ว”

สวีอีไม่เข้าใจ อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้น “ท่านอ๋อง นางกล้าตีท่าน ทำไมท่านยังใช้ยาของนางอีก ตอนนี้นางกำเริบใหญ่แล้ว”

หยู่เหวินเห้าไม่สนใจเขา เพียงแต่พูดกับทังหยางว่า “เจ้าส่งยาไปให้นางที น้ำจื่อจินน่าจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครู่ข้าได้ยินนางพูดว่าผีหลอก”

“เกิดภาพหลอนหรือ”ทังหยางเข้าใจทันที “พระชายาเข้าใจท่านอ๋องผิดแล้ว”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเย็น “เข้าใจผิดอะไรกัน ไม่ได้จะทำให้นางรู้สึกตัวเสียหน่อย รอให้ข้าหายดีแล้ว จะตีสั่งสอนนางหนักๆ”

สวีอีพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ “สมควรแล้ว ”ท่านอ๋องช่างน่าเกรงขาม อดใจรอแทบไม่ไหว

ทังหยางมองเขาด้วยสายตาไม่สู้ดีนัก “เจ้าอยู่เฝ้าท่านอ๋องอยู่ที่นี่ ข้าไปประเดี๋ยวก็มา ”

“ได้ ”สวีอีตอบรับ

หยวนชิงหลิงเดินกลับหอเฟิ่งหยีอย่างโมโห

ลู่หยากำลังเช็ดโต๊ะ เห็นนางกลับมา ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ “พระชายาท่านไม่ใช่อยู่ที่ตำหนักของท่านอ๋องหรือ”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า หยู่เหวินเห้าได้รับบาดเจ็บ คนในจวนต่างก็รับรู้ เพียงแต่เรื่องที่เจ็บสาหัสนั้น ไม่ได้บอกให้คนภายนอกรู้ แม้กระทั่ง ไม่กล้าที่จะรายงานให้เสด็จแม่ของหยู่เหวินเห้ารู้ด้วยซ้ำ

ฮ่องเต้ได้มีคำสั่ง ไม่ให้ส่งข่าวคราวแม้แต่น้อยให้วังหลังได้รับรู้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไท่ซ่างหวงกลับรู้เรื่องเข้า

“พระชายา ท่าน”ลู่หยาเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก นึกถึงท่าทีร้องไห้ของนางเมื่อหลายวันก่อน ร่างกายก็สั่นเทาอย่างไม่รู้ตัวชั่วครู่ “บ่าวออกไปเอาน้ำชามาให้นะเพคะ”

“ขอบใจ”หยวนชิงหลิงพูด

ลู่หยาอึ้งไปสักครู่ เดินออกไปอย่างลังเล พูดขอบใจด้วย

ลู่หยาเพิ่งออกไป ทังหยางก็มาถึง

หยวนชิงหลิงเห็นเขาเข้ามา ก็เอ่ยเสียงเย็น “ทำไม เขาให้ท่านมาส่งข่าวความโมโหหรืออย่างไร ไม่จำเป็น ”

ทังหยางส่ายหน้าเบาๆ เอาขวดยาสีขาวที่สลักลายดอกบัวออกมาจากแขนเสื้อ ก“ยานี้ ท่านอ๋องให้ข้าน้อยส่งมาให้พระชายา ”

“ยา”หยวนชิงหลิงมองขวดที่ทำขึ้นอย่างประณีต รับมาเปิดฝาและเทออกมาเม็ดหนึ่ง เป็นยาเม็ดสีแดงเข้ม เม็ดเล็กๆ

“หากพระชายาเห็นภาพหลอน เช่นเห็นผี สามารถกินเม็ดหนึ่งก็จะไม่เป็นไรแล้ว”ทังหยางพูด

“ข้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย จะเห็นภาพหลอน……”นางหยุดคำพูดกะทันหัน มองขวดยาอย่างตะลึง เขาคงไม่ได้คิดว่านางจะเป็นเหมือนคนรับใช้ที่ขโมยของคนนั้นหรอกนะ

หลังจากดื่มน้ำจื่อจินแล้วก็เกิดภาพหลอน

เหมือนนางจะตะโกนคำว่าผีหลอกออกไปคำหนึ่ง

“เขาตีข้า เพราะคิดว่าข้าเกิดภาพหลอนหรือ”หยวนชิงหลิงยืนขึ้นแล้วถามออกไป

ทังหยางพยักหน้า “ใช่แล้ว สำหรับท่านอ๋องที่เจ็บสาหัส ฝ่ามือนี้น่าจะใช้แรงทั้งหมดที่เขามีแล้ว ที่หัวคิ้วมีบาดแผล เลือดซึมด้วย”

คำพูดของทังหยาง ไม่ได้มีแววกล่าวโทษใดๆ แต่มองสายตาของหยวนชิงหลิงแล้วกลับรู้สึกมีความหมายอยู่เล็กน้อย

หยวนชิงหลิงยืนขึ้น “ไปดูแผลของเขาก่อน”

“พระชายากินยาก่อนเถอะ”ทังหยางพูด

หยวนชิงหลิงถามทังหยาง “กินยานี้แล้ว ก็จะสามารถถอนพิษน้ำจื่อจินได้หรือ”

ทังหยางลังเลอยู่สักพัก “อย่างน้อย ก็สามารถชะลอได้”

“จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถถอนพิษทั้งหมดได้”

ทังหยางส่ายหน้า “นี่คงต้องใช้เวลาสักพัก”

หยวนชิงหลิงกลืนยาลงไปเม็ดหนึ่ง พูดว่า “ได้ ไปเถอะ”

ตลอดทาง รู้สึกว่าปอดขยายขึ้น หายใจได้สะดวกมากขึ้น

เห็นที ยานี้คงไปขยายปอดให้ใหญ่ขึ้น

ขยายปอด หายใจสะดวก สมองก็จะไม่ขาดอากาศและไม่ทำให้เกิดภาพหลอน

เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนที่สร้างยาจื่อจินกับยาถอนพิษนั้น เป็นใครกันแน่

กลับมาถึงตำหนักเซียวเยว่อีกครั้ง ทั้งทังหยางกับสวีอีก็เข้าไปพร้อมกับหยวนชิงหลิง ราวกับจะป้องกันนางเต็มที่ ในเมื่อกล้าตบท่านอ๋อง ช่างใจกล้าเสียจริง

หยู่เหวินเห้าเห็นนาง สีหน้ายังคงเรียบเฉย ไม่พูดสักคำ

เป็นหยวนชิงหลิงที่เห็นเลือดซิบบนบาดแผลของเขา ก็รู้สึกผิด แต่คำว่าขอโทษนั้นยังไงก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงนั่งทำแผลให้เขาอยู่ข้างเตียง

“นั่งอย่างนี้ ไม่เจ็บหรือ”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นกะทันหัน ทำให้หยวนชิงหลิงตกใจ

นางมองเขา เขาก็ยังคงมองนางอยู่อย่างนั้น สายตาซับซ้อน

“ไม่เจ็บมาก”หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเรียบ

“ขอโทษ”เขาเอ่ยขึ้นกะทันหัน

หยวนชิงหลิงมุมปากขยับนิดหนึ่ง โบยสามสิบที ขอโทษหนึ่งคำ

นางไม่คิดจะปรองดอง ระหว่างพวกเขา ต้องมีกำแพงชั้นหนึ่งกั้นเอาไว้จึงจะปลอดภัย

ฉะนั้น นางสมควรพูดอย่างสมเหตุสมผลและจริงจังว่า คำขอโทษไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย

“ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว”คำที่พูดออกไป ช่างอ่อนแอประนีประนอม ทำให้หยวนชิงหลิงเองยังดูถูกตัวเอง

สายตาของหยู่เหวินเห้าค่อยๆมีรอยยิ้มเปิดเผยขึ้น

หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างเกลียดชัง เขากลับเผยท่าทีไม่รู้สึกรู้สา “ข้าขอโทษแล้ว”

หยวนชิงหลิงใช้แรงกดที่บาดแผล ทำให้เขาเจ็บแต่ก็กัดฟันทนเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

“ฝีมือของข้าไม่ดีนัก ไม่ได้ตั้งใจ”หยวนชิงหลิงพูด

สวีอีทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว “พระชายาเบามือหน่อยเถอะ”

“ท่านมาทำสิ”หยวนชิงหลิงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วถอยออกไปทันที

สวีอีมองแล้วมองอีก คอค่อยๆหดกลับไป “เรื่องนี้ ยังไงพระชายาทำเองจะดีกว่า”

บาดแผลนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร ราวกับตะขาบตัวหนึ่ง มือเขาหยาบกร้าน คงลงแรงหนัก

หยู่เหวินเห้ามองสวีอีและทังหยาง “พอแล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ คืนนี้ให้พระชายาเฝ้าข้าก็พอ”

“พ่ะย่ะค่ะ ”ทังหยางและสวีอีเห็นหยู่เหวินเห้าออกปากเอง ก็ถอยออกไป

หยวนชิงหลิงรวดเช็ดหน้าให้กับเขา จากนั้นก็เลื่อนตัวลงไปนั่งที่เบาะข้างเตียง “พวกเขาดูจะปกป้องท่านมาก ”

“เป็นเพราะข้าเป็นคนจ่ายเบี้ยเลี้ยงพวกเขาไง”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า ที่จริงแล้ว ลูกน้อง ต่างก็ปกป้องเจ้านายตัวเองทั้งนั้น

แต่นายหญิงอย่างนาง ก็อาศัยเจ้านายของพวกเขา ลูกน้องย่อมต้องไม่เห็นความสำคัญ

“ไม่เกินสามวัน ทุกคนจะรู้ว่าเจ้าเป็นคนให้การรักษาเสด็จปู่ เจ้าต้องระวังตัวเองด้วย”หยู่เหวินเห้าพูด

หยวนชิงหลิงเกยคางไว้ที่ข้างเตียง “เป็นอ๋องจี้ ใช่หรือไม่”

หยู่เหวินเห้าสีหน้าเปลี่ยนไป “ใครบอกเจ้า”

“ข้าเดาเอาเอง”หยวนชิงหลิงนึกถึงวันนั้นที่อ๋องจี้เข้าตำหนักฉินคุน มองแววตาของเขาแปลกไป อีกอย่าง ดูท่าทีของเขาจะผ่อนคลายเป็นอย่างมาก กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ฉะนั้น นางคิดว่าอ๋องจี้น่าสงสัยที่สุด

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเย็น “อย่าคิดว่าตัวเองฉลาด จะทำให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ประโยคนี้ เจ้าพูดต่อหน้าข้าก็พอ อย่าได้เที่ยวพูดเรื่อยเปื่อยข้างนอก โดยเฉพาะในวัง”

“ข้าย่อมรู้ว่าพูดไม่ได้ ”หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “ที่จริงเรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย ทางที่ดีอย่าสนใจจะดีกว่า”

หยู่เหวินเห้าจ้องนาง “ไม่สนใจ เห็นทีจะไม่ได้”