บทที่ 75 คุณสอนอะไร

บทที่ 75 คุณสอนอะไร

“ใช่ครับ วันนี้ผมมีชั้นเรียนต้องเข้าสอน ก็เลยมาก่อนเวลา” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

“หลายวันมานี้ทำไมไม่เห็นคุณเลยล่ะ?” ซุนเยวี่ยนั่งลงที่โต๊ะของตัวเองพลางถาม “เวลาเช่นตอนนี้ การที่คุณหยุดงานไปหลายวัน มันเหมาะสมงั้นหรือ?”

“ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

ซุนเยวี่ยมองว่า อู๋ฝานที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน กลับไม่ปรากฏตัวหลายวัน มันเป็นเรื่องไม่เหมาะสม อธิการบดีจะต้องไม่พอใจ เพียงแต่ อู๋ฝานไม่คิดกลัวแต่อย่างใด เพราะรองอธิการบดีเยวี่ยหลินซานได้รับปากกับเขาเอาไว้แล้ว

“แค่รู้ว่าทำอะไรอยู่ก็พอ” อย่างไรแล้วก็เป็นเรื่องของอู๋ฝาน ซุนเยวี่ยย่อมไม่อาจพูดอะไรมาก ทำได้ก็เพียงเตือนอู๋ฝาน

ถัดจากนั้นไม่นาน อาจารย์คนอื่นก็เริ่มเข้ามายังออฟฟิศกันคนแล้วคนเล่า พวกเขาที่พบเห็นอู๋ฝาน ต่างก็มีท่าทีประหลาดใจ

“อู๋ฝาน สองวันมานี้หายไปไหนกัน?” เกิ่งหย่าเฟยเอ่ยถาม

“มีเรื่องเล็กน้อยครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ไอ้คนจนนี่ ทำเรื่องราววุ่นวายได้ทุกวัน” หลี่ปิงเอ่ยคำเหยียดหยันขณะยกดัมเบล

ในช่วงมื้อค่ำเมื่อสองวันก่อน อู๋ฝานบอกว่ามีเรื่องต้องทำในช่วงเย็น ผลลัพธ์ที่ได้ อีกสองวันถัดมาเขาไม่ปรากฏตัวที่ออฟฟิศ ตอนนี้บอกว่าเพราะมีเรื่องต้องไปทำ ทว่าอู๋ฝานก็มีเรื่องต้องไปทำมากมายจริง

“ผมจะทำอะไร ก็เป็นเรื่องของผมนะ” อู๋ฝานตอบกลับ “ยังมี คุณยังติดเงินผมอยู่ คงไม่ใช่กลับคำพูดหรอกมั้ง?”

“ก็แค่เงินเล็กน้อย มีแต่คนจนอย่างนายที่เอาแต่ทวงอยู่ได้” หลี่ปิงตอบกลับ

แม้เขาโมโห ทว่าก็ยังโอนเงินส่วนของตนเองและผู้จัดการหวงให้อู๋ฝาน เพราะเขาไม่คิดเปิดช่องให้อู๋ฝานว่าร้าย จนทำชื่อเสียงของตัวเขาหม่นหมองไปทั่ว เพียงเพราะเงินจำนวนแค่เล็กน้อย

ภายหลังได้รับเงินสองหมื่นหยวน อารมณ์ของอู๋ฝานจึงดีขึ้นมาทันตา

“อาจารย์อู๋ คุณเพิ่งเริ่มงานนี้ การขอลาหยุดอย่างไรก็มีผลเสีย หากว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทางที่ดีก็มาทำงานทุกวันจะดีกว่าค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยแนะนำ

“ไม่มาทำงานผมก็ไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างผ่อนคลาย

“พูดจาไร้สาระอะไร คิดว่ามหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นธุรกิจครอบครัวหรือยังไง?” หลี่ปิงเอ่ยคำขึ้นด้วยความไม่พอใจ ยิ่งพบเห็นเกิ่งหย่าเฟยพูดคุยกับอู๋ฝาน เขายิ่งไม่ยินดีและหงุดหงิด

“จะเป็นของครอบครัวผมหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่ของคุณแล้วกันครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “แล้วก็ ตอนที่อีกฝ่ายไม่ได้สนทนาด้วย รบกวนอย่าขัดการสนทนาของคนอื่นอย่างกะทันหันด้วยครับ มันเสียมารยาทและดูไม่มีการศึกษา”

“อู๋ฝาน นายอยากตายขนาดนั้น? กล้าดียังไงพูดจาแบบนั้นกับฉัน?” หลี่ปิงโกรธจัด ตั้งแต่โตจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครสั่งสอนเขาแบบนี้มาก่อน กระทั่งพ่อและแม่ของเขาก็ยังไม่เคยสอนด้วยการหักหน้าถึงขนาดนี้

“คนที่เริ่มก่อนจึงผิดต่างหาก!” อู๋ฝานตอบกลับเสียงเบา

“นาย…”

“หลี่ปิง ฉันกำลังคุยกับอาจารย์อู๋ อย่าแทรกการสนทนาคนอื่น” เกิ่งหย่าเฟยเอ่ยคำขึ้น

“ก็ได้ ก็ได้ ไม่พูดแล้วก็ได้!” หลี่ปิงยิ่งเดือดดาล แม้ว่าจะหยุดพูด ทว่าสายตายังจับจ้องอู๋ฝาน ราวกับคาดหวังจะฉีกร่างนั้นออกเป็นชิ้น

“อาจารย์อู๋ มหาวิทยาลัยเจียงโจวของพวกเรานั้นมีชื่อเสียงในจีนเป็นอย่างดี ข้อกำหนดทางวินัยก็ค่อนข้างเข้มงวด คุณเอาแต่หยุดงานแบบนี้ มีแต่จะถูกลงโทษได้ง่ายนะคะ” เกิ่งหย่าเฟยพูดก็เพราะเป็นห่วง

“ขอบคุณที่อาจารย์เกิ่งเป็นห่วงครับ ผมไม่มาเข้าทำงานก็เพราะมีคนอนุญาต ดังนั้นถึงไม่เป็นไรครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

การจะเอ่ยชื่อของเยวี่ยหลินซานออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเทียบเท่าการเผยประตูด้านหลังของตนเองออกไป มันไม่ใช่เรื่องดี อู๋ฝานไม่คิดสร้างความยากลำบากให้เยวี่ยหลินซานเพราะตนเอง หากถึงเวลานั้น เขาเกิดหยุดได้รับสิทธิพิเศษขึ้นมาก็จบกัน

คำของอู๋ฝาน มันทำหลายคนในออฟฟิศเกิดความสับสนและเริ่มคาดเดา

เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานกล้ากระทำอย่างเปิดเผย ก็เพราะมีที่พึ่งพิง หากไม่แล้ว เขาคงไม่กล้าหยุดงานตามใจชอบ

เพียงแต่ที่พึ่งพิงอะไรที่อู๋ฝานได้รับมา? ดังทราบว่าแม้กระทั่งคนร่ำรวยรุ่นที่สองเช่นเกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิง ก็ยังไม่อาจไปมาตามใจชอบ เว้นแต่จะไม่คิดอยากทำงานสอนที่นี่แล้ว แต่ตราบเท่าที่ยังต้องการสอนที่นี่ต่อไป พวกเขาก็ต้องทำตามกฎระเบียบของสถานศึกษา ข้อกำหนดบังคับของมหาวิทยาลัยเจียงโจว มันไม่ใช่ขึ้นอยู่กับท้องถิ่น แม้ว่าเกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงมีอิทธิพลในเจียงโจว แต่ต่อหน้ามหาวิทยาลัยเจียงโจวพวกเขาก็แทบไม่มีสิทธิพิเศษใด

แต่แล้ว อู๋ฝานกลับสามารถทำในเรื่องที่เกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงไม่อาจทำได้ มันเทียบเท่าเป็นการบ่งบอก ว่าเบื้องหลังของอู๋ฝานนั้นแข็งแกร่งกว่าเกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงอย่างนั้นหรือ?

เพียงแต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร อู๋ฝานก็ไม่คล้ายจะมีคนหนุนหลังเช่นนั้นอยู่

“เหอะ อวดดีเสียจริง!” ในเมื่อไม่อาจคาดเดา หลี่ปิงก็ทำได้เพียงฮึมฮัม พร้อมกับเผยท่าทีเหยียดหยันอู๋ฝาน

ส่วนทางด้านเกิ่งหย่าเฟย พบเห็นอู๋ฝานไม่คิดใส่ใจต่อเรื่องราว จึงทราบว่าอู๋ฝานจะไม่เป็นไรดังที่เขาตอบ เธอจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติมอีก แม้แบบนั้น เธอก็ยังมีความสงสัยว่าเบื้องหลังของอู๋ฝานเป็นมาอย่างไร

“ว่าไปแล้ว นายน้อยหวังขอให้คุณติดต่อไปหาหากว่ามีเวลา” เกิ่งหย่าเฟยเกิดนึกขึ้นได้ ว่าหวังจื่อหมิงฝากฝังเรื่องราวมา

“นายน้อยหวังคนไหน?” อู๋ฝานจดจำไม่ได้ไปชั่วครู่ว่า “นายน้อยหวัง” ที่เกิ่งหย่าเฟยพูดถึงคือใคร

“นายน้อยหวังจื่อหมิง” เกิ่งหย่าเฟยถึงกับเหม่อมองอู๋ฝาน “เหมือนว่าเขากำลังหาตัวคุณอยู่ แต่เพราะไม่มีช่องทางติดต่อคุณ ก็เลยขอให้ฉันช่วยมาบอกแทน”

“เขา? ต้องการอะไรจากผมกัน?” อู๋ฝานเอ่ยถามด้วยความสับสน ทั้งเขาและหวังจื่อหมิงต่างก็เพิ่งเคยพบเจอกันเพียงหนึ่งครั้ง ทั้งยังไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรต่อกันแม้แต่น้อย อย่างนั้นหาตัวเขาทำอะไร?

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เขาไม่ได้บอกเอาไว้” เกิ่งหย่าเฟยยักไหล่ตอบกลับ “เพียงโทรหาเขาคุณก็ได้ทราบเอง”

“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ

แม้อู๋ฝานไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับแวดวงคนรวยรุ่นที่สองเหล่านี้ แต่หวังจื่อหมิงต้องการหาตัวเขาก่อน จึงเกิดรู้สึกว่าจำเป็นต้องถามอีกฝ่ายให้แน่ชัดว่ามีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร

เมื่อครั้งที่แข่งขันก่อนหน้านี้ หวังจื่อหมิงที่แม้รู้จักหลิวอี้เตา ก็ยังตัดสินโดยไม่มีความลำเอียง ดังนั้นอู๋ฝานจึงค่อนข้างมีความประทับใจอันดีกับหวังจื่อหมิง

ช่วงเวลาสิบนาฬิกา คาบเรียนที่สามในช่วงเช้า คือคาบเรียนที่อู๋ฝานต้องสอนวิชาพละ ช่วงเวลาเดียวกันนี้ หลายชั้นเรียนต่างก็มีคาบเรียนพละศึกษา ดังนั้นอาจารย์ทั้งหกคนในออฟฟิศจึงมีคาบเรียนต้องเข้าสอนกันทุกคน

แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวจะมีอาจารย์พละศึกษาเพียงแค่หกคน เพียงแต่อาจารย์พละศึกษาคนอื่นนั้นอยู่ที่ออฟฟิศแห่งอื่น

“จะว่าไปแล้ว อาจารย์อู๋ คุณสอนอะไรกัน?” ก่อนจะออกไป อาจารย์ซุนเยวี่ยเอ่ยถามกับอู๋ฝาน

เขาถามคำถามนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นอู๋ฝานเองก็ไม่ทราบ เพียงตอบไปว่าทางสถานศึกษายังไม่ได้กำหนด และอู๋ฝานก็มีคาบเรียนต้องเข้าสอนในวันนี้เป็นครั้งแรก หมายความถึงต้องได้รับการจัดแจงเรียบร้อยแล้ว

“ผมสอนบาสเก็ต…” อู๋ฝานตอบกลับไปพลางมองโทรศัพท์

เพียงแต่ว่า ก่อนเขาจะทันพูดจบก็ต้องชะงักไป สายตาจับจ้องข้อมูลบนหน้าจอโทรศัพท์ อย่างที่แทบไม่คิดเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

ข้อมูลบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาเป็นทางสถานศึกษาส่งมา นอกจากข้อมูลแจ้งเรื่องกำหนดคาบเรียนที่ต้องเข้าสอน ยังมีเนื้อหาที่ต้องใช้สอน เพียงแต่เมื่อคืนนั้นอู๋ฝานตรวจสอบก็เพียงตารางคาบเรียน ไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาที่ต้องใช้สอน เขาจึงคิดว่าคงต้องไปสอนบาสเก็ตบอล เพราะอย่างไรแล้ว เยวี่ยหลินซานก็เลือกเขามาเพราะเห็นฝีมือการเล่นบาสเก็ตบอล อย่างน้อยเขาก็คิดแบบนั้น

เพียงแต่เนื้อหาบนโทรศัพท์มือถือแสดงชัดว่ามันไม่ใช่

เขาต้องไปสอนวิชาว่ายน้ำ!

อีกทั้งยังเป็นวิชาว่ายน้ำของนักศึกษาหญิง!

อู๋ฝานจึงเกิดรู้สึกทั้งกายใจคล้ายปั่นป่วนขึ้นมา