ตอนที่ 93 เจตนาร้าย ตอนที่ 94 เทพเจ้าแห่งทรัพย์

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 93 เจตนาร้าย

แขกเหรื่อที่มาเยือนในบ้านวันนี้ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่มายืมจอบก็มายืมเคียว หรือไม่ก็ยืมตะกร้า แต่ปากเอ่ยว่าเป็นการมายืมของ ในความเป็นจริงกลับเป็นการมามองดูบ๊ะจ่างที่พวกนางห่อ บางคนที่หน้าไม่อายหน่อย ก็อยู่ในลานบ้านตระกูลซ่งเป็นเวลาหนึ่งถึงสองชั่วยาม ถามนู่นถามนี่สารพัด

“นี่ไม่ใช่บ๊ะจ่างทองคำนั่นหรอกหรือ อิงยาโถวเข้าอำเภอไปส่งของตั้งแต่เช้าตรู่ รถเกวียนวัวของหมู่บ้านเราต่างก็ให้นางเช่าทั้งนั้น แล้วยังจะไม่เป็นเรื่องจริงอีกหรือ” เถาซื่อมองซ่งอิงแวบหนึ่ง “อิงยาโถวอา ข้าก็เห็นเจ้าเติบใหญ่มาตั้งแต่เล็ก คงไม่เสียดายเกินกว่าจะให้ป้ากินบ๊ะจ่างสักชิ้นกระมัง”

มุมปากซ่งอิงโค้งขึ้น เผยรอยยิ้มเล็กน้อย

ล้วนเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันทั้งนั้น หากแม้แต่บ๊ะจ่างชิ้นเดียวนางก็สละให้ไม่ได้ เช่นนั้นแพร่งพรายออกไป คนอื่นจะพูดว่าซ่งอิงนางตระหนี่ถี่เหนียวเอาได้

ทว่าชื่อเสียงที่ว่านี้ก็ไม่ถือว่าสลักสำคัญอะไร แต่อย่างไรก็ตาม คนชนบทช่างติฉินนินทา ยามที่ว่างงานไร้เรื่องราวใดๆ ต้องทำ ก็ชอบพูดจาให้คนถูกกลายเป็นผิด บอกกล่าวต่อกันไปมากๆ เข้า ก็จะส่งผลกระทบเสียหายได้ไม่น้อยเช่นกัน

“บ๊ะจ่างของบ้านเราแม้ไม่ใช่บ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดนั้น แต่ก็เป็นสินค้าที่ภัตตาคารเย่ว์เฟิงรับซื้อไว้จริง ท่านป้าอยากกินกี่ชิ้นล่ะเจ้าคะ ข้าคิดราคาท่านถูกหน่อย” ซ่งอิงยิ้มกล่าว

“นี่ต้องคิดเงินด้วยหรือ ก็แค่บ๊ะจ่างของถูกๆ มิใช่หรือ…” เถาซื่อไม่ค่อยพึงพอใจ

“ดูท่านพูดเข้าสิ วันนี้หากให้บ๊ะจ่างท่านหนึ่งชิ้นโดยไม่คิดเงิน พรุ่งนี้คนอื่นมา ข้าไม่ให้โดยไม่คิดเงินก็จะไม่เหมาะสม เช่นนั้นของข้านี่ก็ไม่ต้องขายกันแล้วหรือเจ้าคะ อีกอย่าง…” ซ่งอิงเผยแววตาที่ดูจริงใจ “ท่านป้าก็มองดูข้าเติบใหญ่มา ทั้งที่รู้ว่าชีวิตข้ายากจนแร้นแค้น อดมื้อกินมื้อ กว่าจะหางานที่ทำรายได้ได้ไม่ง่ายเอาเสียเลย ก็คงต้องเต็มใจจ่ายเงินซื้อของอยู่แล้ว หากข้าไม่รับเงิน เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ท่านเสียหน้าหรือเจ้าคะ”

เมื่อเอ่ยพูดเช่นนี้ เถาซื่อผู้นั้นสบถฮึ โกรธเคืองหน้าเขียวหน้าแดงขึ้นมาทันที

“ก็แค่บ๊ะจ่างชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง! ไม่ให้ก็ช่างปะไร! อิงยาโถว เจ้าก็ร้ายกาจไม่เบา!” เถาซื่อเอ่ย ก่อนกระทืบเท้าแล้วเดินจากไป

เอ่ยปากก็ขอสิ่งของ อย่างไรเสียก็ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

ซ่งอิงพูดจาถึงขั้นนี้แล้ว ก็บังคับไม่ได้อีกต่อไปแล้วเช่นกัน

“นี่เพิ่งเริ่มต้นเอง เอ้อร์ยา ตำรับเจ้าต้องกุมเอาไว้ให้ดีๆ ล่ะ? ตอนนี้คนในหมู่บ้านล้วนรู้ว่าเจ้าหาเงินได้แล้ว แต่ละคนต่างรอให้เจ้าหลุดปากอยู่ทั้งนั้น!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่อดพูดด้วยเสียงดังลั่นไม่ได้

เถาซื่อก็เป็นอีกคนหนึ่งเท่านั้น ที่มาเยือนกันวันนี้ คนไหนบ้างที่ไม่เอ่ยปากพูดว่าต้องการลองลิ้มชิมรสบ๊ะจ่าง?

ยิ่งไปกว่านั้น…มีสองคนที่ควักเงินซื้อเอาไปด้วย

แต่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก็ขายไม่ได้ดิบดีไปเท่าใดหรอก และบ๊ะจ่างที่ห่อในทุกๆ วันล้วนไม่ใช่จำนวนห้าพันชิ้นพอดิบพอดี ดังนั้นขายออกไปสามถึงห้าชิ้นก็ไม่เป็นไร…

แต่บ๊ะจ่างนี้ทำเงินให้ตระกูลซ่งได้ในตอนนี้ ดังนั้นพวกเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็กังวลใจว่าคนอื่นจะค้นคว้าวิธีทำบ๊ะจ่างที่พิเศษนี้ออกมา

“นอกจากสีสันของบ๊ะจ่าง คุณภาพเนื้อสัมผัสของบ๊ะจ่างและไส้ที่น้องสาวทำก็ค่อนข้างพิเศษด้วยเช่นกัน ภายในระยะเวลาอันสั้นหนึ่งเดือน น่าจะคิดค้นออกมาได้ยากมาก” ซ่งสวินกล่าว

ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “พี่ชายข้าพูดถูก ป้าสะใภ้ใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มแล้วเอ่ยพูด

คิดค้นออกมาได้ก็ไม่กลัวเช่นกัน ตอนนี้สัญญาที่นางลงนามกับภัตตาคารเย่ว์เฟิงมีผลบังคับใช้แล้ว ต่อให้ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยบ๊ะจ่างทองคำสีเหลืองอร่าม นางก็ทำเงินได้อยู่ดี

บ๊ะจ่างทองคำลอกเลียนแบบได้ ทว่าน้ำผ่านจิตทำไม่ได้

เพียงแต่ จะอย่างไรก็ต้องคิดวิธีหยุดยั้งคนอื่นเข้าบ้านซ่งมาแอบมองดู ในเมื่อท้ายที่สุดแล้วเมื่อคนมากๆ เข้า ก็จะง่ายแก่การเกิดปัญหา

ตามจริงชาวบ้านชนบทถือว่าซื่อสัตย์ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนบางส่วนมีเจตนาร้าย เกิดโยนสิ่งใดลงในไส้บ๊ะจ่างของนาง เช่นนั้นก็ยุ่งยากแย่

ซ่งอิงกำลังครุ่นคิด ซ่งเหล่าเกินเดินกลับเข้ามา ได้ยินท่านย่าเอ่ยว่า เหมือนพ่อเฒ่าจะถูกหัวหน้าหมู่บ้านเรียกไปหา

ขอบเขตอำนาจกำกับดูแลของหัวหน้าหมู่บ้านผู้นี้ของหมู่บ้านพวกเขาไม่ใช่น้อยๆ สามหมู่บ้านใหญ่บริเวณรอบหมู่บ้านพวกเขา เขาเป็นผู้ตัดสินใจได้ทั้งหมด เพียงแต่ความที่เป็นหัวหน้าครอบครัวอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาพวกเขา ดังนั้นก็รับหน้าที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านซิ่งฮวาอีกตำแหน่งด้วยเช่นกัน

หัวหน้าหมู่บ้านแซ่ซ่งเช่นกัน สองร้อยปีก่อนคือครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ซื่อตรง มีชื่อเสียงเลืองนามในหมู่บ้าน

ซ่งอิงพลันฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ คล้ายค้นพบทางออกของปัญหาที่สมเหตุสมผลอยู่เบื้องหน้า

ตอนที่ 94 เทพเจ้าแห่งทรัพย์

นางเดินปรี่เข้าไปหาชายชรา “ท่านปู่ ข้าคิดว่า พรุ่งนี้วางโต๊ะสักตัวเอาไว้ปากทางเข้าออกลานบ้านจะดีกว่า แล้วจ้างคนที่เขียนหนังสือได้มาสักคน ให้นั่งอยู่หน้าประตูนี้ หากมีคนเข้ามาดูบ๊ะจ่าง ก็บันทึกไว้ทีละคน แล้วเก็บเงินคนละสิบอีแปะ เป็นเช่นไรเจ้าคะ”

พ่อเฒ่าได้ยินดังกล่าว ขมวดคิ้วทันที “จะทำไปเพื่ออะไร?!”

“ท่านปู่ วันนี้มีคนมาตั้งหลายกลุ่ม จากนี้ยังตั้งอีกเกือบเดือนหนึ่ง หรือว่าจะให้เป็นเช่นนี้ทุกวัน ถึงเวลาไม่ทันระวังทำบ๊ะจ่างสกปรกจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครา

“ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็กระทำเรื่องประเภทนี้มิได้ แพร่งพรายออกไปจะไม่กลายเป็นว่าตระกูลซ่งพวกเราหน้าเงินหรอกหรือ!” ชายชราเดินผ่านหน้านางไป มุ่งตรงเข้าห้องทันที

ซ่งอิงคลี่ยิ้ม

“ข้าก็คิดอย่างนี้เช่นกัน ในเมื่อต้องขวางคน ทั้งยังจะให้คนก่นด่าพวกเราอย่างกำเริบเสิบสานไม่ได้…ดังนั้น…พวกบอกกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้ว่า เงินที่ได้จากการเข้าชมบ๊ะจ่าง ยกมอบให้ทั้งหมดเลย จะได้นำไปใช้ทะนุบำรุงในหมู่บ้าน?” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครา

เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของนาง ชายชรามองนางอย่างประหลาดใจ

“เจ้าไม่ใช่ว่าไม่อยากให้คนเข้ามาหรอกหรือ จากนี้หากไม่มีธุระอันใด ข้าจะอยู่บ้านคอยเฝ้าดูไว้ให้ หากมีคนมา ขับไล่ออกไปเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องเปลืองแรงเพียงนั้นหรอก” ชายชราถอนหายใจแล้วกล่าว

ที่ซ่งอิงรออยู่ก็คือคำพูดนี้ละ

ไม่ว่าเงินที่ได้รับจะยกให้ใคร เพียงแค่เก็บเงินก็ดูไม่ดีทั้งนั้น

นางก็เลยอยากให้พ่อเฒ่าช่วยเหลือ

ในครอบครัว ที่เป็นผู้ขับไล่คนได้ ทั้งไม่ถูกคนนอกชี้หน้าก่นด่า มีเพียงสองคนเท่านั้น ก็คือพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าผู้สูงวัย

หม่าซื่อไม่ชอบเข้าร่วมปัญหาวุ่นวาย นอกเสียจากไฟลนก้นแล้วจริงๆ จะไม่สนใจเรื่องของลูกๆ หลานๆ เลยสักนิด ดังนั้นก็ทำได้เพียงให้ชายชราเป็นผู้ออกโรง

ด้วยวัยวุฒิของชายชราอยู่ในหมู่บ้านก็ถือว่าค่อนข้างสูงวัย ถึงเวลาหากมีคนมา ต่อให้ชายชราเอ่ยวาจาบาดหูไม่น่าฟัง หญิงแก่และป้าๆ เหล่านั้นที่พ้นประตูเข้ามา ล้วนต้องอับอายและเห็นแก่หน้าเขา

“ขอบคุณท่านปู่ พรุ่งนี้ข้าจะซื้อสุราให้ท่านปูเจ้าค่ะ” ซ่งอิงเอ่ยพูดทันควัน

ด้วยความที่เป็นผู้อาวุโสคนในครอบครัวกันเอง นางจึงไม่กลัวว่าพ่อเฒ่าจะตำหนินางว่าหน้าไม่อายเช่นกัน

ชายชราทอดถอนใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้หัวหน้าหมู่บ้านเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใด”

ซ่งอิงขมวดคิ้ว แล้วส่ายหน้า

“ฮั่วหรงมีสหายร่วมงานผู้นี้ส่งเงินมาให้หมู่บ้านอีกแล้ว ครานี้…ส่งมาให้หนึ่งร้อยตำลึงเงินเชียวละ ที่ผ่านมาฮั่วหรงไร้ญาติไร้ศัตรู เงินนี้จึงมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง บัดนี้…อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นภรรยาของฮั่วหรง ดังนั้นเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้จะใช้ทำอย่างไร ก็จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบของเจ้า” ชายชรากล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงมองชายชราอย่างตระหนกตกใจปนประหลาดใจ “หนึ่งร้อยตำลึงเงิน?!”

ช่างใจกว้างจริงๆ!

นี่เป็นสหายร่วมงานหรือ นี่เขาคงเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์กระมัง?

นางเหน็ดเหนื่อยแทบตายทุกวัน นอกจากบ๊ะจ่างน้ำผ่านจิตจึงจะทำเงินได้ประมาณหนึ่งร้อยกว่าตำลึงเงินเท่านั้นเอง…ถุย! ไม่ใช่เท่านั้นเองสิ ตั้งมากมายต่างหากละ!

คนธรรมดาทั่วไป รายได้ตลอดทั้งปีอย่างดีหน่อยก็สามสิบสี่สิบตำลึงเงิน แล้วยังต้องหักรายจ่ายและค่าภาษีอีก หนึ่งปีจะเหลือเก็บได้สักสิบตำลึงเงินก็ไม่เลวแล้ว

สหายเทพเจ้าแห่งทรัพย์ผู้นี้ส่งมาให้ตั้งหนึ่งร้อยตำลึงเงิน?

ชายชราจ้องมองนาง

ซ่งอิงเช็ดปากที่ไม่ได้มีน้ำลายสอไหลลงมา แล้วหัวเราะเล็กน้อย “ที่ผ่านมาจัดการอย่างไร ตอนนี้ก็จัดการเช่นนั้นแล้วกันเจ้าค่ะ? อย่างไรเสีย ข้าก็เพียงแต่อาศัยอยู่ในนามของภรรยาเท่านั้น จะเอาเงินที่คนเขามอบให้ไปทำเรื่องดีงามมาเข้ากระเป๋าตนเองได้ที่ไหนกันเจ้าคะ”

สิ้นคำพูดดังกล่าว ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง

ซ่งอิงคิดว่า ระบบการทำงานของปอดพ่อเฒ่าคงไม่ค่อยดีนัก

ในตระกูลซ่งนี้ มีคนหนึ่งชอบร้องไห้เป็นชีวิตจิตใจ บัดนี้กลายเป็นว่ามีอีกคนที่เอะอะก็ชอบถอนหายใจโผล่ขึ้นมาด้วยแล้ว

“เจ้าเป็นคนที่รู้ประสีประสาคนหนึ่ง” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยพูด “หากมีเงินก้อนนี้แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยขายบ๊ะจ่างเช่นนี้ ซื้อบ้านหรือซ่อมบ้านก็ไม่ต้องกังวลใจแล้ว แต่…คนเราต้องมีจิตใจที่ดีงาม ทรัพย์สินบางส่วนจะละโมบโลภมากมิได้ เจ้าทำถูกแล้ว ข้าตัดสินใจแทนเจ้าไม่ได้ ในเมื่อบัดนี้เจ้ารับปากด้วยตนเองแล้ว พรุ่งนี้ข้าก็จะได้ไปให้คำตอบหัวหน้าหมู่บ้าน”

“จริงสิ สหายผู้นั้นได้ยินว่าฮั่วหรงมีภรรยาแล้ว ตระหนกตกใจอย่างยิ่งเชียวละ ได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยว่า อากัปกิริยาคนเขาค่อนข้างซับซ้อนเกินคาดเดา ไม่รู้เช่นกันว่าหมายความว่าอันใด…”