ตอนที่ 95 ท่านมีบุตรชายแล้วละ ตอนที่ 96 ตายอย่างคุ้มค่า

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 95 ท่านมีบุตรชายแล้วละ

ผู้เฒ่าซ่งรู้สึกผิดเล็กน้อย พวกเขาตระกูลซ่ง จะมากจะน้อยก็มีส่วนรังแกคนเขาอยู่ดี โดยอาศัยความที่คนเขาไร้ญาติพี่น้อง หนำซ้ำยังเสียชีวิตไปแล้ว จึงกระทำการเชิงบีบบังคับจับเอ้อร์ยากับฮั่วหรงผู้นั้นผูกมัดอยู่ด้วยกัน

เขายังพอมีความทรงจำเกี่ยวกับฮั่วหรงผู้นั้นอยู่บ้าง เด็กหนุ่มผู้นั้นยามที่แตกหนุ่มก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ชวนให้ผู้คนชื่นชอบ แม้ไม่ช่างพูดและไม่เชื่อมมิตรสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้าน แต่รูปลักษณ์หล่อเหลาอย่างยิ่ง แตกต่างกับชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง เข้าออกขุนเขาซิ่งได้ตั้งแต่เด็ก ความสามารถไม่ธรรมดา

ต่อมาภายหลัง แม้เขาจากหมู่บ้านไปแล้ว แต่จะส่งเงินมาให้ในหมู่บ้านทุกปี

เมื่อก่อนหมู่บ้านซิ่งฮวาเป็นสภาพเช่นไรน่ะหรือ

อย่างไรเสียก็เป็นหมู่บ้านที่เคยประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ จะอู้ฟู่ได้มากสักเพียงใดกัน?

เมื่อก่อนในหมู่บ้านไม่ได้มีน้ำมากมายเช่นตอนนี้ ดังนั้นที่ดินแห้งแล้งจึงมีมากกว่านาข้าว ถนนหนทางในหมู่บ้านก็เป็นดินโคลน โรงเรียนในหมู่บ้านก็ไม่ครบครันเช่นกัน

ปัจจุบันนี้แตกต่างไปแล้ว ในหมู่บ้านมีล้อเกวียนผันน้ำขนาดใหญ่มากมาย และขุดหนองน้ำลำธารขนาดย่อมเอาไว้หลายสาย ทางด้านโรงเรียนนั้นก็เรียนเชิญอาจารย์เก่งๆ มาสองท่าน ทั้งยังปรับปรุงเพิ่มพื้นที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นมาจำนวนไม่น้อย เอาไว้ให้บรรดาเด็กๆ ได้ร่ำเรียนตำรา แม้ว่าการศึกษาเล่าเรียนยังคงเป็นสิ่งที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย แต่สำหรับแต่ละครอบครัว กลับเป็นการเบาแรงไปได้มากทีเดียว

คนที่จิตใจเมตตาใหญ่หลวงเช่นนี้ เสียชีวิตไปแล้วก็ยังถูกครอบครัวเขาเอามาใช้ประโยชน์อีก มันช่าง…

ในใจพ่อเฒ่าซ่งรู้สึกละอายแก่ใจยิ่งนัก

โชคดีหน่อยที่เอ้อร์ยาเก็บเด็กมาได้คนหนึ่ง เด็กผู้นี้อาศัยแซ่ของคนเขา ถือได้ว่าเป็นการสืบทอดวงศ์ตระกูลให้ มิเช่นนั้น ในใจเขาผู้นี้คงละอายใจจนไม่อาจสงบสุขได้ยิ่งกว่านี้เสียอีก

ซ่งอิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “สหายร่วมงานผู้นั้นได้พูดอันใดหรือไม่เจ้าคะ”

“หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยว่า อีกฝ่ายเพียงแต่สอบถามสถานการณ์ของเจ้า แล้วเอ่ยอีกว่า…ฮั่วหรงมีพี่น้องคนหนึ่งอยู่ข้างนอก ต้องกลับไปถามไถ่ท่าทีของพี่น้องฮั่วหรงผู้นั้น” พ่อเฒ่าซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ซ่งอิงยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่

“ท่านปู่ มิใช่บอกว่าฮั่วหรงไร้ญาติไร้ศัตรูหรอกหรือ เหตุใดยังมีพี่น้องอีกด้วย” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“อาจเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ฮั่วหรงเด็กผู้นั้น ตอนนั้นก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกับบิดาเขาเท่านั้น บางทีอาจมีญาติห่างๆ บางส่วนที่พวกเราไม่รู้จัก…ไม่ว่าจะอย่างไร หากมีคนมาหาเจ้า เจ้าจะต้องปฏิบัติต่อคนเขาอย่างนอบน้อมให้ความเกรงใจเข้าไว้ คิดๆ ดูแล้ว คนผู้นั้นเห็นเจ้าพร้อมหลานหลินช่วยเฝ้าหลุมศพฮั่วหรงให้แทน ก็น่าจะไม่สร้างความลำบากใจอันใดให้จึงจะถูก” ซ่งเหล่าเกินกล่าว

ซ่งอิงพยักหน้า “วางใจเถิดท่านปู่ หากมีคนมา ข้าจะต้อนรับขับสู้อย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ”

แม้เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ทว่ายามที่เจ้าของร่างยังเด็ก จริงๆ แล้วก็ไม่เคยเห็นฮั่วหรงมาก่อน

ชายชราเอ่ยว่า ฮั่วหรงเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบสานสัมพันธ์กับผู้ใด เป็นบุตรชายพรานล่าสัตว์คนหนึ่ง ตลอดทั้งวันจะคลุกคลีอยู่กับสัตว์ป่าบนขุนเขา อีกทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ปีนี้ฮั่วหรงก็น่าจะอายุยี่สิบห้าปีแล้ว อายุมากกว่านางตั้งแปดปีเต็มแน่ะ

อีกทั้งฮั่วหรงก็จากบ้านไปเมื่อครั้งยังหนุ่ม ยามที่ฮั่วหรงจากไป เจ้าของร่างน่าจะเพิ่งอายุห้าหกขวบเท่านั้นกระมัง

ไม่มีความทรงจำเลยสักนิดก็เป็นธรรมดา

…ยามนี้ ฮั่วซื่อเซี่ยงควบม้าเร่งความเร็วมาถึงเมืองยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้เป็นนายล่วงหน้ากลับมาจัดการธุระที่เมืองยง ปล่อยให้เขานำเงินส่งมอบแก่หมู่บ้านซิ่งฮวา แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…

จะได้รับข่าวคราวสะเทือนขวัญ!

ฮั่วซื่อเซี่ยงลังเลใจ เดินวกไปวนมาอยู่นอกห้องหนังสือของฮั่วเจ้ายวนด้วยความที่ตัดสินใจไม่ได้และตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก กลางดึกเช่นนี้ หากเป็นคนอื่น ฮั่วเจ้ายวนคงจับคนเขาโยนออกไปนานแล้ว

“ต้าเหริน” ประมาณหนึ่งเค่อ ในที่สุดฮั่วซื่อเซี่ยงก็เอ่ยปาก “ข้าน้อยมีเรื่องกลับมารายงาน เกี่ยวข้องกับหมู่บ้านซิ่งฮวาขอรับ”

“เข้ามาสิ” ฮั่วเจ้ายวนวางตำราในมือ

ในห้อง มีตำราจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นก็มีชั้นวางอาวุธหนึ่งแถว ด้านบนวางเรียงอาวุธที่น่าเกรงขามอยู่แถวหนึ่ง ช่างไม่เข้ากับตำราหนังสือเหล่านั้นเอาเสียเลย

“เรื่องอันใดสามารถทำให้เจ้าตื่นตูมเช่นนี้ได้” ฮั่วเจ้ายวนเลิกคิ้วเล็กน้อย มองดูแล้วก็คือลักษณะที่เคร่งขรึมราวกับไม่ชอบพูดไม่ชอบยิ้ม

ฮั่วซื่อเซี่ยงฉีกยิ้ม “ต้าเหริน ท่านมีภรรยาแล้วละ!”

“…” ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้วทันที

“จริงๆ นะขอรับ เข้าไปอยู่ในทะเบียนครัวเรือนเรียบร้อยแล้วด้วย ไม่เพียงมีภรรยา แต่ยังมีลูกชายด้วยละขอรับ! นามว่าฮั่วหลิน!” ฮั่วซื่อเซี่ยงเอ่ยพูดถึงตรงนี้ พลันเขกศีรษะอย่างเสียอารมณ์ “ไอหย่า! เหตุใดข้าจึงลืมไปดูภรรยาและลูกของท่านว่าหน้าตาเป็นเช่นไรเสียก่อน มัวแต่ฟังทางด้านนั้นบรรยายรูปลักษณ์ไม่กี่ประโยคเท่านั้น น่าทุบจริงๆ!”

ตอนที่ 96 ตายอย่างคุ้มค่า

ฮั่วเจ้ายวนงุนงงสับสนไปหมด “พูดมาให้ละเอียด”

“เป็นตัวตนฮั่วหรงผู้นั้นของท่านถูกคนเขาต้องตาเข้าแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยว่าในหมู่บ้านมีหญิงสาวผู้น่าสงสารคนหนึ่งไม่มีคนต้องการแต่งงานด้วย ทั้งยังไม่ใช่บุตรีที่เกิดจากบิดามารดาผู้เลี้ยงดู อดไม่ได้ที่จะถูกคนเคลือบแคลงใจว่ามีสัมพันธ์ลับกับพี่ชายหรือไม่ จึงอยากพาตัวเองออกเรือนไปเสีย แต่ทำไปทำมา ก็ไม่อยากแต่งให้กับคนไม่เอาไหน คนหน้าตาอัปลักษณ์เกินเยียวยาหรือคนที่เป็นพ่อม่าย จึงแต่งกับท่านพร้อมหอบหิ้วเด็กน้อยติดสอยห้อยตามมาด้วยหนึ่งคนขอรับ!”

“ทว่าหัวหน้าหมู่บ้านก็บอกเช่นกันว่า ยามที่ใบหน้าภรรยาท่านยังไม่เสียโฉมก็งดงามทีเดียวเชียว และก็เป็นหญิงงามคนหนึ่งในหมู่บ้านและบรรดาหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง อุปนิสัยก็ดีงามมาแต่ไหนแต่ไร รูปลักษณ์บุตรชายท่านยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ ได้ยินว่าเหมือนเด็กน้อยตามภาพวาดในเทศกาลปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น ทั่วทั้งหมู่บ้านหาเด็กน้อยที่หน้าตาดีเทียบเท่าเขาไม่ได้ ปีนี้เพิ่งอายุห้าขวบเท่านั้นขอรับ!”

ฮั่วซื่อเซี่ยงบอกกล่าวทั้งหมดที่มีอยู่ในสมองจนจบ ท้ายที่สุดก็อดดีใจไม่ได้ “ต้าเหริน ข้าคิดว่า คนเขาค่อนข้างน่าสงสาร ก็เลยไม่ได้ว่าอะไรขอรับ…”

นายท่านตระกูลเขาอายุปูนนี้แล้วยังไม่แต่งงาน ชายชราที่อยู่ในอารามลัทธิเต๋าเอ่ยไว้ว่า นายท่านตระกูลเขาเป็นเซียนกลับชาติมาเกิด มีโชควาสนาติดตัวมามาก ไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไปจะรับไหว ดังนั้น…

จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องนายท่านแม้แต่ปลายนิ้วมือเดียว

แน่นอน เขาเองก็รับรู้เช่นกันว่า สิ่งติดตัวที่เจ้าสำนักอารามลัทธิเต๋าเอ่ยไว้คือโชควาสนา แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปคือความโชคร้าย

คนที่ปีนป่ายออกมาจากภูเขาที่เต็มไปด้วยเพลิงโหมกระหน่ำ แอบซ่อนชื่อแซ่เอาไว้เนิ่นนานหลายปี หนำซ้ำยังเข่นฆ่าโรมรันปรากฏโลหิตเป็นสายทางในสนามรบ จนถึงตอนนี้ได้รับแต่งตั้งฐานะที่เหมือนไม่ได้รับการแต่งตั้ง แล้วใครจะกล้าแตะต้อง?

“หากเจ้ายังไม่พูดให้กระจ่างชัดเจน ก็ไปวิ่งรอบสนามโรงเรียนห้าสิบรอบ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวเสียงราบเรียบ

ฮั่วซื่อเซี่ยงหุบยิ้มลงทันที “หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าฮั่วหรงเสียชีวิตไปแล้ว จึงหวังดีให้แม่นางผู้น่าสงสารคนนั้นยืมนามท่านในการตั้งครอบครัว แม่นางผู้นั้นยังไม่ได้ออกเรือน เพียงแต่เก็บเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยง ก็เลยให้ใช้แซ่ฮั่วด้วยเสียเลยขอรับ!”

ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้ว

ทางราชสำนักมีกำหนดระเบียบไว้ว่า สตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานจะตั้งครอบครับเองตามลำพังไม่ได้ นอกเสียจากบิดามารดาเสียชีวิตไปแล้ว

หากอาศัยการตั้งครอบครัวโดยอยู่ในนามสตรีที่ออกเรือนแล้ว ก็ต้องเป็นกรณีที่สามีเสียชีวิต และทายาทผู้สืบทอดยังอายุไม่ครบสิบสองปี

“การแต่งงานผูกมัดกับคนตาย จะไม่ทำให้เสียชื่อเสียงไปหน่อยหรือ” ประเด็นที่ฮั่วเจ้ายวนให้ความสนใจค่อนข้างแตกต่างออกไป

“หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยว่าแม่นางผู้นั้นไปอยู่ต่างถิ่นมาสองปี จึงตัดสินใจป่าวประกาศโดยทั่วว่าครั้งอยู่ต่างถิ่นแม่นางท่านนั้นได้หมั้นหมายกับท่านไว้ ตอนนี้ใครๆ ต่างพากันเชยชมแม่นางผู้นั้นว่ารักเดียวใจเดียวอย่างยิ่งอีกด้วยละขอรับ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“เช่นนี้เอง?” ฮั่วหรงพยักหน้า “ก็เป็นอีกวิธีที่ไม่เลวเช่นกัน”

“ต้าเหรินไม่โกรธและไม่แปลกใจเลยหรือขอรับ” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าว

เขายังนึกว่านายท่านจะไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง และอยากว่ากล่าวคนผู้นั้นว่าช่างเป็นการกระทำที่บ้าบอสิ้นดี ก่อนจัดการให้แม่นางผู้นั้นหย่าร้างไปเสีย ในเมื่อท้ายสุดแล้วแม่นางผู้นั้นก็เป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ หนำซ้ำดูเหมือนรูปลักษณ์ยังเสียโฉมไปแล้วอีกด้วย

“ระบุลงสำมะโนครัวเรียบร้อยแล้ว ไยต้องก่อปัญหาวุ่นวายโดยไม่จำเป็นอีกล่ะ และตัวตนนี้ก็ลงหลุมฝังไปแล้ว หากยังกระทำเรื่องดีงามได้อีกสักอย่าง ก็ถือว่าเป็นการตายที่คุ้มค่า” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยพูดจบ หยิบหนังสือที่อยู่ข้างมือขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านไม่อยากไปดูหน่อยหรือขอรับว่า…ภรรยารูปลักษณ์เป็นเช่นไร” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ฮั่วเจ้ายวนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง

ฮั่วซื่อเซี่ยงหุบปากทันทีทันใด ยืนนิ่งอย่างว่านอนสอนง่ายไม่พูดไม่จาอีก

ก็จริง ตอนนี้นายท่านตระกูลเขาไม่ใช่ฮั่วหรงแล้ว นี่คืออ๋องอู่เฉินแห่งราชวงศ์ต้าติ้ง อ๋องท่านแรกในใต้หล้าที่มีแซ่ต่างจากราชวงศ์ แม้ในปกติแต่ละวันจะถ่อมตนให้พวกเขาเรียกขานเพียง ‘ต้าเหริน’ แต่ฐานะตัวตนนี้กลับเป็นที่เคารพและสูงศักดิ์กว่าใต้เท้า[1]คนไหนๆ

ส่วนฮั่วหรง…

ในทะเบียนสำมะโนครัวเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นคนธรรมดาทั่วไปที่มีภูมิหลังเป็นชาวหมู่บ้านซิ่งฮวา อำเภอซิ่ง เมืองยง

“ต้าเหริน…จะต้องให้การดูแลหรือไม่ขอรับ” หลังสงบนิ่งไปพักหนึ่ง ฮั่วซื่อเซี่ยงส่งเสียงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนั้นที่ท่านให้ข้านำไปส่งมอบให้ ไม่รู้เช่นกันว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะจัดสรรอย่างไร หากยึดครองเป็นเงินส่วนตัว เกรงว่าจะไม่เป็นธรรมต่อฮั่วซ่งซื่อผู้นั้นเท่าใดนัก หากไม่ยึดเอาไป ฮั่วซ่งซื่อผู้นี้ก็เท่ากับได้รับผลประโยชน์ของหมู่บ้านไปเปล่าๆ อีก…”

“ไม่จำเป็นต้องดูแลหรอก เงินนี้ในเมื่อให้หัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ก็ปล่อยให้เขาเป็นผู้ตัดสินใจไป ไม่ต้องสนใจมากมาย” ฮั่วเจ้ายวนยังคงกล่าวอย่างสั้นง่ายได้ใจความเช่นเคย

[1] ใต้เท้า (大人) หรือ ต้าเหริน คำเรียกขานที่ใช้สำหรับเรียกขุนนางที่มีศักดิ์สูงส่ง