ตอนที่ 128 กลับมาทําไม
หลี่หนานเกาหัวของเขา
“เท่าไหร่เหรอ?”
“ประมาณการคร่าว ๆ ก็มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนใช่ไหม?”
เหอต้าไม่มีเวลาตรวจสอบข้อมูลเฉพาะ แต่การประเมินมูลค่าปัจจุบันของ Pinfeng Investment อยู่ที่ประมาณสี่หรือห้าพันล้าน
เจียงตูบาร์บีคิวก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง
คํานวณจากอัตราส่วนการถือหุ้นของซูฟ่าน เขาก็น่าจะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้าน
“บ้าเอ๊ย! ใช่มั้ย เพื่อนของฉันกลายเป็นเศรษฐี?”
“แม่เจ้า! ซูฟ่าน ฉันไม่ขออะไรทั้งนั้นขอแค่นายสามารถเลี้ยงฉันด้วยหม้อไฟนี้ได้ ให้ฉันได้ตระหนักถึงอิสระของหม้อไฟ!”
ดวงตาของหลีหนานเป็นประกาย
ในเวลานี้เหอต้ามองไปที่หลี่หนานด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงการดูถูกอย่างมาก
แม้ว่าการแสดงออกนี้จะถูกแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ยังถูกซูฟ่านจับได้
สําหรับเหอต้านั้นซูฟ่านได้ใช้ความสามารถพิเศษเพื่อรีเซ็ตเวลาไป เหตุผลก็คือเหอต้าแอบค้นของ ๆ เขาเพื่อซื้อลอตเตอรีตาม
และการแสดงออกของเหอต้าที่มีต่อเขาในเวลานั้นก็ไม่ถูกต้องนัก
แม้ว่าสีหน้าจะสงบแต่ซูฟ่านก็รู้สึกเสมอว่าเหอต้ากําลังแอบแข่งขันกับตัวเอง
“นายค่อนข้างรวยเชียวนะ”
เหอต้าแซว
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของซูฟ่านก็ดังขึ้น
ผู้โทรคือชูหยุนซี
“คุณกําลังทําอะไรอยู่?”
ชูหยุนซีฟังดูกระตือรือร้นมาก
“กินข้าวกับเพื่อนน่ะ”
“เพื่อนคนไหน เพื่อนผู้หญิง?”
เสียงของชูหยุนซีดูอ่อนลง
ซูฟ่านยิ้ม
“จะเป็นไปได้ยังไง เพื่อนในหอพักของผมน่ะ”
“เอ่อ…ฉันเข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร ฉันแค่โทรหาคุณในช่วงพักกอง”
“กินให้อร่อยนะ!”
หลังจากที่ชูหยุนซีพูดจบเธอก็วางสายไป
ได้ยินมาว่าการถ่ายทําเป็นไปด้วยดีในวันนี้นั่นคงทําให้ชูหยุนซีอารมณ์ดี
ซูฟ่านถือโทรศัพท์ไว้และสายหัวอย่างอดไม่ได้
เหอต้าและหลี่หนานซุบซิบกัน
“อะไรนะ กําลังอินเลิฟเหรอ”
หลี่หนานถาม
“เห็นด้วย”
ซูฟ่านไม่รู้จะตอบอย่างไร
“โอ้ เมื่อไหร่นายจะพามาให้พวกเราเจอล่ะ”
หลี่หนานถามต่อไป
ซูฟ่านรีบพูดเปลี่ยนเรื่องและบอกว่าเขาจะพาพวกเขาไปเจอถ้ามีโอกาส
แม้ว่าซูฟ่านอยากจะบอกพวกเขาว่าทั้งคู่เคยเห็นแฟนสาวของเขาแล้ว
แต่แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับชูหยุนซีแต่คนส่วนใหญ่ก็คงไม่เชื่อในตอนนี้
นอกจากนี้ เขาและชูหยุนซียังไม่ได้เดทกันจริง ๆ
มื้ออาหารนี้สนุกสนานมาก ค่าอาหารก็เกือบ 3,000 หยวน แต่ซูฟ่านไม่ได้จ่ายอะไรเลย
ก่อนออกเดินทาง เขาได้ทิ้งนามบัตรไว้และขอให้พนักงานส่งต่อให้ชิวหมิงหยุน
เนื่องจากชิวหมิงหยุนเป็นคนริเริ่มแสวงหามิตรภาพซูฟ่านก็จะไม่ปฏิเสธ
เดิมทีเขาและชิวหมิงหยุนก็ไม่มีความเกลียดชังอะไรขนาดนั้นเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะชูเทียนฉีที่จะทดสอบตัวเขาและชิวหมิงหยุนที่โกรธเขา มันคงไม่มีโศกนาฏกรรมแบบนั้นเกิดขึ้น
บางทีถ้าแบบนั้นชิวหมิงหยุนอาจยังคงทํางานเป็นผู้คุ้มกันอยู่ข้างตัวชูเทียนฉี
ซูฟ่านพาหลี่หนานและเหอต้าไปที่รถ และเมื่อเขากําลังจะสตาร์ทรถ ซูฟานก็ต้องตกตะลึง
เขาเห็นคนข้างหน้าเขามีแผ่นหลังที่ดูเหมือนแม่ของเขา
แต่ในตอนนี้ แม่ของเขาควรจะทํางานที่อื่นซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร
เธอจะมาปรากฏตัวในเมืองหลวงได้อย่างไร?
ในวันเกิดของซูฟ่านแม่ของเขาได้โทรมาหาเขา แล้วยังบอกด้วยว่าเขาอยู่ในเมืองเจียง
“นายเป็นอะไรไหม?”
เหอต้าสะกิดซูฟ่านแล้วถาม
ซูฟ่านจึงฟื้นสติ
“ไม่เป็นไร”
พูดจบเขาก็สตาร์ทรถ
ซูฟ่านรู้สึกว่าเขาตื่นตระหนกมากไปแต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะจําแผ่นหลังของแม่ผิด
เมื่อกลับมาที่มหาลัยซูฟ่านก็คิดเกี่ยวกับมันและยังรู้สึกสงสัย
จากนั้นเขาก็โทรหาฉินเสี่ยวหยุน
หลังจากอธิบายสถานการณ์แล้วฉินเสี่ยวหยุนก็ช่วยซูฟ่านตรวจสอบทันที
ในเวลาเพียงสิบนาทีฉินเสี่ยวหยุนก็ตอบกลับมา
แม่ของเขา หลี่หงลี่ กลับมายังเมืองหลวงจากเจียงตูเมื่อสามวันก่อน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวดูเหมือนว่าจะเกิดจากการถูกไล่ออกจากหัวหน้าบริษัทเดิม
ปัจจุบันอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ทรุดโทรมในเมืองหลวง
หลังจากทราบข่าว ซูฟ่านก็รู้สึกเหมือนมีพายุกระหน่ำอยู่ในหัว
แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่ค่อยติดต่อกันหลังจากออกไปทํางาน แต่แม่ของเขาจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองตอนที่เธอกลับมาที่เมืองหลวงได้อย่างไร?
ซูฟ่านรู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซูฟ่านก็ออกจากหอพักไป
ซูฟ่านมาถึงโรงแรมที่ฉินเสี่ยวหยุนตรวจสอบด้วยความเร็วตลอดทาง
โรงแรมขนาดเล็กประเภทนี้มีการจัดการที่แย่มาก และซูฟ่านก็ก้าวเข้ามาโดยไม่มีใครสนใจเลย
เขาเดินไปที่ประตูห้อง 216 ซูฟ่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเคาะประตู
“ใคร?”
นั่นเสียงแม่!
ซูฟ่านตกใจแล้วก็เคาะสองครั้ง
“ฉันกําลังไปแล้ว!”
แม่เปิดประตูตามที่เธอบอก
หลังจากเห็นซูฟ่านที่ประตูหลี่หงลี่ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
ตาของเธอสั่นเทาและเธออยากจะปิดประตูด้วยซ้ำ แต่ซูฟ่านก็จับที่ประตูและถามออกไป
“แม่ ทําไมไม่บอกว่ากลับมาแล้ว”
“แม่”
แม่สะอื้นและพูดอะไรไม่ออก
ซูฟ่านดันแม่ของเขาเข้าไปในห้องและบิดประตู
“แม่ถูกไล่ออกจากบริษัทเดิมเหรอ แม่ไม่ได้บอกว่าได้เลื่อนตําแหน่งและ เพิ่มเงินเดือนเมื่อเดือนที่แล้วหรอกเหรอ?”
“แล้วพ่อรู้เรื่องรึยัง?”
คําถามมากมายในใจของซูฟ่านทําให้เขาไม่สามารถสงบลงได้
น้ำเสียงที่คุยกับแม่ของเขาก็ดูไม่สุภาพนัก
แต่หลี่หงส์ไม่สนใจเรื่องนั้น
เธอก้มหน้าลงและถอนหายใจ
“ลูกรู้ได้ยังไง?”
“ผมมีวิธีของผม บอกผมมาว่ามีปัญหาอะไร”
หลี่หงลี่รู้สึกว่าน้ำเสียงของซูฟ่านนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมากและยังแปลกอีกด้วย
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วสังเกตเห็นเสื้อผ้าของซูฟ่านก่อนจะขมวดคิ้ว
ในฐานะผู้หญิงวัยทํางานหลี่หงลี่ยังรู้จักเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่บ้าง
เสื้อแจ็กเก็ตของกุชชี่ กางเกงของหลุยส์วิตตอง และแม้แต่นาฬิกาบนข้อมือของซูฟ่านก็ยังมีหยกที่ดูล้ำค่า…
แม้ว่าเธอจะไม่ทราบราคาเฉพาะ แต่นาฬิกาเรือนนี้เพียงอย่างเดียวก็มีราคาอย่างน้อยหลายแสน
หลี่หงลี่ขมวดคิ้ว
“ลูกทําอะไรลงไป?”
“หืม?”
ซูฟ่านตกตะลึงกับคําถาม
“เสื้อผ้าและนาฬิกาของลูกจะซื้อไม่ได้ถ้าลูกไม่มีเงินเป็นแสน”
“ลูกทําอะไรไม่ดีหรือเปล่า”
“บอกความจริงกับแม่มาเถอะ แม่ไม่ได้จะโทษลูก”
หลี่หงลี่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทําให้น้ำเสียงของเธอสงบลง
เธอทรุดโทรมมาก เธอกําลังเผชิญกับการว่างงานและทําอะไรไม่ถูก แถมตอนนี้ลูกชายของเธอก็น่ากังวลและอาจทําเงินจากสิ่งผิดกฎหมาย
ซูฟ่านรู้สึกตลกนิดหน่อย
“แม่ แม่กําลังพูดเรื่องอะไร ผมซื้อลอตเตอรีและถูกรางวัล จากนั้นผมก็โชคดีและได้กําไรจากหุ้นมาบ้าง”
“จริงเหรอ เด็กแบบลูกยังเทรดหุ้นได้อยู่เหรอ”
หลี่หงลี่เชื่อในเรื่องถูกลอตเตอรี แต่เธอไม่เชื่อเรื่องหุ้น
การศึกษาของหลี่หงลี่ไม่ได้สูงหรือต่ำ แต่เธอก็สูญเสียทรัพย์สมบัติของเธอไปในหุ้นอยู่บ้าง
หลี่หงลี่ไม่เคยเห็นใครที่สามารถสร้างโชคลาภได้จากหุ้น
และซูฟ่านที่มีอายุเพียง 19 ปี ถ้าเขาโชคดีพอที่จะถูกลอตเตอรี หลี่หงลี่ยังสามารถเชื่อได้
และพูดได้เลยว่าหุ้นทําเงินได้และสามารถซื้อเสื้อผ้าราคาแพงได้แน่
แต่เธอไม่เชื่อว่าซูฟ่านจะทําได้ เธอมองไปที่ซูฟ่านด้วยสายตาสงสัย
“ลูกถูกลอตเตอรีได้เท่าไหร่”
“หลายแสน…”
ซูฟ่านตอบด้วยความรู้สึกผิด