ตอนที่ 26 แค้นเคืองอันใดนักหนา

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 26 แค้นเคืองอันใดนักหนา

ตัวของหลินเว่ยเว่ยว่องไวกว่าสมอง นางเปิดปลายเท้าเผ่นแนบนำหน้าลุงหวัง แต่หลังจากวิ่งไปได้สิบกว่าก้าว นางถึงได้สงบสติอารมณ์แล้วคิดย้อนไปว่าเหตุใดข้าต้องวิ่งหนีด้วย ? สิ่งใดที่ทำให้ลุงหวังตกใจกลัวได้ถึงเพียงนี้ กลัวถึงขั้นโยนพลั่วในมือทิ้ง

ด้านหลังของนางมีเสียงหายใจแรงฟึดฟัดดังขึ้น นางจึงอดหันไปมองมิได้และทันใดนั้นเอง ! โอ้ สวรรค์ ! ข้างหลังก็คือหมีควายตัวดำเมื่อม ! หมีควายอยู่ห่างจากนางเพียงสองก้าวพร้อมเลือดเต็มปากและมุมปากของมันก็เผยให้เห็นเขี้ยวที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายและเลือด

หลินเว่ยเว่ยตัวเกร็งด้วยความตื่นกลัว ฝ่าเท้าของนางจึงวิ่งด้วยความเร็วสุดแรงเกิดราวกับล้อของรถยนต์ นางก้มหน้าลงแล้ววิ่งตะบึงไปด้านหน้า เพียงชั่วพริบตาก็วิ่งนำหน้าพรานหวังไปแล้ว ทั้งคู่วิ่งหนีโดยคิดชีวิต ! ทั้งที่บนภูเขามีพุ่มไม้และก้อนหินขวางทางระเกะระกะก็ไม่อาจบั่นทอนความเร็วของพวกเขาได้

ป่าบนภูเขาเป็นที่อยู่ของหมีควาย ดังนั้นเท้าทั้งสี่ของมันจึงวิ่งตะกุยได้อย่างคล่องแคล่ว มันสามารถทะยานไปได้ไกล ต่อให้มีก้อนหินและกิ่งไม้ใหญ่ขวางทางก็มิอาจขวางมันไว้ได้ มนุษย์ทั้งสองวิ่งหนี ส่วนเจ้าหมีควายก็ทำหน้าที่ไล่ล่า !

หลินเว่ยเว่ยมีพละกำลังสูงมาก ทั้งยังวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหมีควายจึงวิ่งตามนางไม่ทัน ส่วนพรานหวังที่กลายเป็นผู้วิ่งตามหลังถูกไล่ตามชนิดที่พร้อมเกิดอันตรายกับเขาได้ทุกเมื่อ พอวิ่งไปได้สักพัก เขาเริ่มหมดแรงจนวิ่งช้าลง หมีควายเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกราวกับโดนกระตุ้น รู้สึกว่ายิ่งวิ่งไล่ก็ยิ่งตื่นเต้น !

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พรานหวังก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นลมหายใจอันร้อนแรงของหมีควายที่เป่ารดต้นคออยู่

เดิมทีในใจของพรานหวังรู้สึกสิ้นหวังไปแล้ว ยิ่งเขาเคยได้เห็นศพของพรานหยางพรานล่าสัตว์ที่อยู่ในหมู่บ้านถัดไป ตรงหน้าอกของพรานหยางโดนอุ้งตีนหมีควายตะปบแล้วลากครูดลงมาจนเนื้อเปิด ขนาดตายยังตายตาไม่หลับ ราวกับว่าไม่อยากตายเช่นนี้ !

หากจะโทษคงต้องโทษที่ตนละโมบโลภมาก อยากขึ้นเขามากับเด็กน้อยตระกูลหลินเพื่อเสี่ยงโชค

“ลุงหวัง พวกเราแยกกันไปคนละทาง ! ” หลินเว่ยเว่ยชะลอฝีเท้าลง กลายเป็นว่าตอนนี้นางวิ่งอยู่ข้างพรานหวังแทน นางตอบรับไปแล้วว่าจะคุ้มกันความปลอดภัยให้เขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ได้อย่างที่เคยกล่าว ขอเพียงนางสามารถดึงความสนใจของหมีควายได้ก็ย่อมมีวิธีสลัดมันให้พ้นได้อยู่แล้ว !

พรานหวังชำเลืองมองนางอย่างซาบซึ้ง จากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งแยกกันไปซ้ายคนขวาคน หลังจากที่ทั้งสองแยกย้ายกันวิ่งหนีไปสองฝั่งหมีควายก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้ววิ่งไล่ไปทางเดียว

ปรากฏว่าพรานหวังคือผู้เคราะห์ร้ายที่โดนหมีควายไล่ล่า…

หลินเว่ยเว่ยก็วิ่งไปได้สักพัก เมื่อผ่านไประยะหนึ่งนางจึงหันกลับไปมอง…

นางหยุดฝีเท้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันกายแล้ววิ่งตะบึงไปทางพรานหวัง พอหมีควายเห็นร่างอ้วนท้วนวิ่งแซงหน้ามันไปจึงรู้สึกราวกับว่าโดนท้าทายพละกำลัง มันจึงส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธแล้ววิ่งไล่ตามด้วยความเร็วที่ยิ่งยวดกว่าเดิม

พรานหวังยิ่งวิ่งก็ยิ่งรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนล้า เขาเริ่มหายใจถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่หายใจเอาอากาศเข้าไม่ทันจึงทำให้เขารู้สึกว่าหน้าอกใกล้ระเบิดเต็มทน หางตาของเขาพลันชำเลืองไปเห็นหลินเว่ยเว่ยที่เดิมทีรอดพ้นจากอันตรายไปแล้ว ทว่านางไม่ห่วงชีวิตและวิ่งกลับมาช่วยเขาจึงทำให้เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างรันทด

“ข้า…ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว ! เจ้าไม่ต้อง…ห่วงข้า เจ้าน่ะ…วิ่งหนีไปเถิด…ฟู่ว…ฟู่ว”

หลินเว่ยเว่ยวิ่งไปพลางสังเกตสภาพของป่าโดยรอบไปด้วย จากนั้นนางจึงชี้ไปที่ต้นไม้ข้างหน้าแล้วตะโกนบอกพรานหวัง “ลุงหวัง ท่านปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ! ข้าจะล่อมันไปเอง ! ”

ตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว ความหวังที่จะทำให้เขาดึงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างเต็มที่ พรานหวังเริ่มวิ่งช้าลงจากนั้นก็เริ่มสะสมแรงไว้ปีนต้นไม้

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงต้นไม้ต้นนั้น พรานหวังก็ใช้ทั้งมือและเท้าตะกุยอย่างเต็มที่เพื่อหมายจะปีนขึ้นต้นไม้สูง ทว่าเพราะเขาตื่นเต้นเกินไปจึงทำให้มือและเท้าไม่ยอมฟังคำสั่งของสมอง เพราะไม่ว่าพยายามปีนเท่าไรก็ปีนไม่ขึ้น !

พรานหวังกำลังจะร้องไห้โฮ ! ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวของเขาทะยานขึ้นไปบนอากาศและ ‘บิน’ ไปยังกิ่งไม้ลำหนาที่ยื่นออกมาในแนวทแยง เขาอ้าแขนและกอดกิ่งไม้แน่นพร้อมเตะเท้าตวัดขึ้นรัดกิ่งไม้เอาไว้ ในที่สุดก็ค่อย ๆ ปีนป่ายจนเกาะกิ่งไม้ในท่า ‘ขี่’ ได้ !

แต่ยังมิทันที่เขาจะนั่งได้อย่างมั่นคง ทันใดนั้นต้นไม้ที่เขาปีนขึ้นมาก็ถูกเขย่าจากด้านล่างจนสั่นเทา เขาจึงรีบปีนลงมาจากกิ่งไม้ที่นั่งอยู่ในตอนแรก เขาได้กอดกิ่งไม้ที่หนากว่าด้วยมือ ส่วนขาก็หนีบเอาไว้แน่น ทว่าต้นไม้ก็ยังสั่น !

พรานหวังที่อยู่บนต้นไม้ได้แต่คร่ำครวญในใจว่า ‘หมีควายเอ๋ย เหตุใดเจ้าไม่วิ่งไล่ตามผู้อื่นบ้างเล่า เหตุใดต้องมาเขย่าต้นไม้เช่นนี้ ? ตัวข้าเหล่าหวังไปมีความแค้นอันใดต่อเจ้า ? เจ้าแค้นเคืองอันใดกันนักหนา ? ’

หลินเว่ยเว่ยวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านหลัง นางจึงรีบหันไป เมื่อเห็นภาพด้านหลังก็หมดคำที่จะกล่าวในทันที ‘ลุงหวัง ท่านเคยไปขุดหลุมบรรพบุรุษของเจ้าหมีควายตัวนี้หรือไร หรือเคยไปสังหารพ่อแม่ของมันมาก่อน มันถึงได้จ้องตามราวีท่านมิเลิกเช่นนี้ ? ’

หลินเว่ยเว่ยหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วขว้างใส่ตัวของเจ้าหมีควายจากในระยะไกลเพื่อลองยั่วโทสะมัน เผื่อมันจะได้หันมาไล่ล่านางเอง แต่ดูเหมือนว่าหมีควายจับจ้องพรานหวังเป็นเหยื่อไปแล้ว ดังนั้นมันจึงระบายความโกรธทั้งหมดที่มีไปยังต้นไม้ต้นนั้นโดยใช้ร่างกายอันใหญ่โตมหึมาพุ่งชนต้นไม้อยู่หลายครั้ง จากนั้นก็ใช้อุ้งเท้าเขย่าต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง มันแทบไม่ให้โอกาสพรานหวังได้หยุดพักหายใจเลย !

พรานหวังที่โดนเขย่าอยู่บนต้นไม้แทบขย้อนเอาของที่เพิ่งทานเมื่อเช้าออกมาจนหมด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเท้าเริ่มลื่น สองขาห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้ เวลานี้หมีควายอยู่ใต้ต้นไม้ด้านล่างตัวเขาพอดี อุ้งเท้าขนาดใหญ่ของมันไล่ตะปบเท้าของเขา พรานหวังจึงรีบหดเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้มมองคอยระวังมันทุกระยะ

เมื่อเหยื่ออยู่ตรงหน้าแล้วหมีควายก็รู้สึกดีใจยิ่งกว่าเดิม มันใช้อุ้งเท้าหน้าตะปบขึ้นไปกลางอากาศเพื่อหมายจะคว้าตัวเหยื่อลงมา

พรานหวังพยายามวางขากลับไปบนต้นไม้ใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จเสียทีและเวลานี้ดูเหมือนว่าหมีควายจะจู่โจมเขาเป็นครั้งที่สองด้วยการเขย่าต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง ทำให้พรานหวังตัวแกว่งไปตามแรงสั่นราวกับผีที่ผูกคอตายอยู่ใต้ต้นไม้

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องแย่แน่ ๆ เพราะตอนนี้แขนทั้งสองข้างล้าและเจ็บระบมไปหมด อีกไม่นานเขาก็จะฝืนไม่ไหวแล้ว ! พรานหวังรู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน หรือวันนี้เขาต้องกลายเป็นอาหารของเจ้าหมีควาย ?

หลินเว่ยเว่ยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็กัดฟันแน่น นางจึงหลับตาแล้ววิ่งเข้าปะทะเจ้าหมีควายทันที

ภาพที่พรานหวังเห็นคือหมีควายตัวใหญ่มหึมาถูกบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินวิ่งชนจนกระเด็นออกไปไกลถึง 3 จั้ง จากนั้นมันก็ล้มลงกับพื้นถึงขั้นที่ต้นไม้ใต้ตัวเขายังต้องสั่นตามแรงสะเทือน พรานหวังที่อยู่ในที่สูงย่อมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน

หมีควายดูเหมือนตะลึงจากการถูกชนจนกระเด็น มันชะงักไปพักใหญ่จึงได้สติกลับมา จากนั้นมันก็คำรามด้วยความโมโหแล้ววิ่งกระโจนเข้าใส่หลินเว่ยเว่ยทันที

หลินเว่ยเว่ยเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างจนรอดพ้นการโจมตี จากนั้นนางก็เหวี่ยงหมัดซ้ายเข้าโจมตีหมีควายจนมันกระเด็นออกไปอีกครั้งและมันก็ล้มลงกับพื้นในระยะไกลกว่าเดิม

พรานหวังตกตะลึงจนทำอันใดไม่ถูก เขาตะลึงถึงขั้นที่ลืมปีนขึ้นไปบนต้นไม้ให้สูงกว่าเดิมและค้างอยู่ในท่าใช้มือทั้งสองโหนกิ่งไม้ไว้ด้วยสีหน้าที่กำลังตะลึงอ้าปากค้าง

“ลุงหวัง กางเกงของท่านกำลังจะหลุดแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยยังมีแก่ใจมาเตือนอีกฝ่ายถึงเรื่องนี้

เมื่อพรานหวังได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงก็เห็นว่าเป็นอย่างที่เด็กสาวกล่าวไว้จริง ตอนนี้กางเกงของเขากำลังค่อย ๆ ลื่นหลุดลงมาจนแทบปิดสะโพกไว้ไม่มิด แท้จริงในตอนที่หลินเว่ยเว่ยเพิ่งโยนเขาขึ้นไปนางไม่ทันได้ระวังจึงเผลอทำเข็มขัดของเขาขาด

มิรู้ว่าคราวนี้เขาไปเอาแรงมาจากที่ใด พรานหวังใช้สองแขนออกแรงดันกายจากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งกอดกิ่งไม้ไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นไปดึงกางเกงขึ้นมา หากต้องให้เขามาเปลือยก้นต่อหน้าบุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ต่อไปนี้เขาจะมีหน้าพบนางได้เช่นไร ?

มันช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน ! กับการที่บางคนเห็นกางเกงสำคัญกว่าชีวิตของตน เมื่อครู่นี้หมีควายเกือบจับขาเขาไว้ได้แล้ว แถมตอนนั้นเขายังมิได้กระฉับกระเฉงเช่นนี้เลย ภาพนี้ทำเอาหลินเว่ยเว่ยถึงขั้นไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ !

“ระวังหมี ! หมีมาแล้ว ! ! ” ทางด้านพรานหวังรู้สึกนับถือบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินเหลือเกิน หมีควายอยู่ตรงหน้านางแท้ ๆ แต่นางก็ยังมีแก่ใจมาเตือนเขา เพราะนางโง่เขลาหรือ ? รึว่านางกล้าหาญเกินบุรุษกันแน่ ?

หลินเว่ยเว่ยได้สติกลับมาอีกครั้งก็พบว่าหมีควายกำลังกระโจนเข้าใส่ตนพร้อมลมหายใจเหม็นเน่าของมันที่คละคลุ้งเต็มใบหน้านาง

ตอนต่อไป