ตอนที่ 75 มองสาวสวยแล้วเจริญหูเจริญตา
ตอนที่ 75 มองสาวสวยแล้วเจริญหูเจริญตา
หลินเซี่ยมองหน้าอีกฝ่ายราวกับจะถามว่า คนนี้เองเหรอ
หวังซิ่วฟางยืดอกขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันมาส่งอาหารให้เฉินเจียเหอกับหู่จือ ได้ยินมาว่าพวกเขากลับมาแล้ว กลัวว่าเตาแก๊สจะเย็นจนจุดไม่ติด ก่อนหน้านี้พวกเขาก็มากินข้าวที่บ้านของฉันบ่อย ๆ ฉันตั้งใจทำชามพิเศษมาให้”
“ขอบคุณค่ะ เชิญเข้ามาก่อน” หลินเซี่ยหลบไปยืนอยู่ข้าง ๆ ปล่อยให้หวังซิ่วฟางเข้าไป
เมื่อหวังซิ่วฟางเห็นโจ๊กสีขาวชามใหญ่บนโต๊ะ ก็ยิ้มเยาะในใจ แน่ล่ะ การแต่งงานกับสาวสวยนอกจากเจริญหูเจริญตาแล้วยังมีอะไรดี? แม้แต่อาหารการกินยังจืดชืด
เมื่อเห็นหู่จือ เธอก็พูดอย่างอบอุ่นและสนิทสนมคุ้นเคย “หู่จือ กลับมาแล้วเหรอ?”
“คิดถึงฉันกับเสี่ยวฮวาบ้างหรือเปล่า? ฉันทำบะหมี่ผัดมาฝากเธอกับพ่อด้วยล่ะ”
“ป้าซิ่วฟาง ผมคิดถึงกับข้าวฝีมือคุณจริง ๆ” หู่จือถึงกับทิ้งช้อนในมือแล้ววิ่งโผไปหาอีกฝ่าย ทัศนคติของเขาที่มีต่อหวังซิ่วฟางเต็มไปด้วยความรักและไว้ใจอย่างมาก
หลินเซี่ยซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเห็นหู่จือยิ้มแย้มและต้อนรับพี่สาวคนนี้เป็นอย่างดี ก็รู้สึกอิจฉานิดหน่อย
เด็กหนอเด็ก เห็นของอร่อยเป็นไม่ได้เลย
พอคิดดูอีกที เธอก็รู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ
เป็นเพราะเฉินเจียเหอไม่ค่อยได้เข้าครัวเอง ไม่แปลกที่ลูกชายเขาจะโลภมากเมื่อมีคนเอาอาหารอร่อยมาล่อซื้อ
ความคิดของหลินเซี่ยฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นหู่จือก็เข้ามาดึงแขนเธอ แล้วพูดอย่างตื่นเต้นกับหวังซิ่วฟาง
“ป้าซิ่วฟาง ผมลืมแนะนำให้คุณรู้จักไปเลย นี่คือแม่เลี้ยงของผมเอง หล่อนสวยมากเลยใช่ไหม?”
หู่จือเงยหน้าขึ้นราวกับจะโอ้อวด
“หือ?” หวังซิ่วฟางตัวแข็งทื่อไปทันที
หล่อนไม่คิดว่าหู่จือจะภาคภูมิใจในตัวหญิงสาวมากขนาดนี้ ทำให้หล่อนไม่สามารถแสดงสีหน้าไม่พอใจต่อแม่เลี้ยงของเขาได้
แผนการกำจัดคู่แข่งผ่านเด็กน้อยเป็นอันล้มเหลว
เฉินเจียเหอออกมาจากห้องครัวพร้อมกับโจ๊กอีกชามหนึ่ง เมื่อเขาเห็นว่าหวังซิ่วฟางมา ใบหน้าก็หม่นลงเล็กน้อย
เขาจ้องมองไปที่หลินเซี่ย เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยิ้มอย่างสดใส ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันได้สร้างปัญหาแต่อย่างใด
เขาก้าวไปยืนอยู่ข้างหลินเซี่ย แนะนำด้วยน้ำเสียงสงบ “พี่สาวหวัง หล่อนคือภรรยาของผม หลินเซี่ย”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็มองหลินเซี่ยด้วยสายตาอ่อนโยนรักใคร่ แล้วพูดต่อว่า “นี่คือพี่สาวหวังที่คอยดูแลหู่จือและผมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด”
มือหวังซิ่วฟางยังคงถือจานบะหมี่ผัด เมื่อเห็นฉากหวานตรงหน้า ร่างกายก็ยิ่งชะงักงันแข็งกระด้าง จิตใจสั่นไหว
หัวใจจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
หล่อนรู้จักกับเฉินเจียเหอมาสี่ห้าปีได้แล้ว รู้ดีว่าเขาปฏิบัติต่อทุกคนด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชาเสมอ นอกเหนือจากการทำงานในแต่ละวันแล้ว เขายังดูแลลูกชายของตัวเองด้วยกิจวัตรเดิม ๆ เหมือนเครื่องจักรที่ไร้ซึ่งอารมณ์
หล่อนไม่เคยเห็นเขาพูดจาอ่อนหวานกับใครมาก่อนเลย
ไหนจะสายตาของเขาเมื่อมองดูหญิงสาวคนนี้ ดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนมากจนเหมือนจะหยาดเยิ้มออกมาให้ได้
ไม่น่าเชื่อ เครื่องจักรมนุษย์ไร้ความรู้สึกอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้เหมือนกัน
ในเวลานี้หัวใจของหวังซิ่วฟางเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อบราวนี่ออนไลน์
หลินเซี่ยพูดขึ้นมาด้วยความใจกว้าง “ขอบคุณพี่สาวหวังมากนะคะที่คอยดูแลสองหนุ่มมาโดยตลอด วันหลังถ้ามีธุระอะไรสามารถมาคุยกันได้ตลอดนะคะ”
“ไหน ๆ บ้านนี้ก็มีแม่บ้านกับโจ๊กชามโตแล้ว อาหารฝีมือฉันคงไม่จำเป็นอีก ขอตัวเอาออกไปเททิ้งให้หมากินก็แล้วกัน”
หวังซิ่วฟางทึ่งในความสวยของหลินเซี่ยยังไม่พอ ต้องมาตกตะลึงเมื่อเห็นสายตาที่อ่อนโยนและหวานล้ำของเฉินเจียเหอเมื่อมองภรรยาสาวของเขาเมื่อกี้นี้อีก หลังจากพูดด้วยความโกรธ หล่อนก็ยกจานบะหมี่ผัดเดินสะบัดหน้ากลับออกไป
ที่จริงหล่อนตั้งใจมาที่นี่เพื่อส่งอาหารให้หู่จื่อ จุดประสงค์ก็เพราะอยากรู้ว่าผู้หญิงที่เฉินเจียเหอพากลับมาด้วยจะหน้าตาสวยสักแค่ไหนกันเชียว
หลังจากเห็นเต็มตา เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยที่ใบหน้าเต่งตึงในวัยสาวสะพรั่ง ถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ใช่สาว ๆ อีกต่อไป
ถ้าพวกเขาสองพ่อลูกหลงใหลได้ปลื้มแม่สาวคนสวยคนนี้นัก งั้นก็ให้พวกเขากินโจ๊กที่หล่อนทำทุกวันไปแล้วกัน
หลินเซี่ยมองหญิงสาวที่พูดจารุนแรงกระแทกประตูปิดด้วยความฉงนสนเท่ห์
เหวี่ยงใช้ได้เลยนี่
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะรับมือได้ง่ายกว่าคนที่ชื่อถังหลิงมากโข
เมื่อเห็นว่าบะหมี่ผัดแสนอร่อยถูกเอากลับไปเทให้หมากิน หู่จือก็เลียริมฝีปากอย่างตะกละตะกลาม “ทำไมป้าซิ่วฟางถึงเอาบะหมี่ผัดกลับไปด้วยล่ะ? ผมอยากกินบะหมี่ผัด”
หลินเซี่ยปลอบใจ “มื้อนี้กินโจ๊กไปก่อนนะ ไว้เย็นนี้ฉันจะผัดบะหมี่ให้เธอเอง”
“นั่งลงเร็วเข้า” เฉินเจียเหอกดหู่จือให้นั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม คะยั้นคะยอให้เขากินโจ๊กต่อ
เขากระแอมไอเบา ๆ มองดูหลินเซี่ย ต้องการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวังซิ่วฟางเพิ่มให้กระจ่าง
แต่หลินเซี่ยทำเมินเขาเสีย ไม่สนใจฟังเขาและเดินเข้าครัวไปตักโจ๊กเพิ่ม
เฉินเจียเหอรีบหยิบชามของเธอขึ้นมา “ผมไปตักเอง”
เขาตักโจ๊กแล้วก็นำชามมาวางไว้ข้างหน้าเธออย่างระมัดระวัง หลินเซี่ยหิวมาก ก้มหน้าลงเพื่อกินโจ๊กโดยไม่แม้แต่จะมองเฉินเจียเหอ
จนเฉินเจียเหอไม่แน่ใจว่าภรรยาสาวเข้าใจเขากับหวังซิ่วฟางผิดอยู่หรือเปล่า
หลังจากกินข้าวเสร็จ หู่จือก็เข้าไปนอนบนเตียง บอกว่าอยากหลับสักงีบ
หลังจากเดินทางโดยรถไฟมาตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาตื่นเต้นกับทิวทัศน์ข้างทางจนไม่ค่อยได้นอนเต็มอิ่มสักเท่าใด อ้าปากหาววอดได้ไม่นานก็หลับไป
เมื่อเห็นว่ายังมีเวลา หลินเซี่ยจึงวางแผนว่าจะออกไปข้างนอกเพื่อหาบ้านเช่าและดูทำเลร้านค้าใกล้เคียง
เฉินเจียเหอกลัวว่าเธอจะเหนื่อยล้าเกินไป ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ไว้ค่อยออกไปดูพรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้พักผ่อนกันก่อนเถอะ”
“ฉันไม่เหนื่อยค่ะ”
เธอมีเวลาไม่มากพอที่จะปล่อยให้พวกเธออยู่รอความตาย
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉิน หรือเสือและหมาป่าที่จ้องจะลอบกัดเธออยู่ตลอดเวลา คนเหล่านั้นอาจพยายามทำลายชีวิตเธอทีละก้าว เธอจำเป็นต้องลงหลักปักฐานและเริ่มต้นอาชีพโดยเร็วที่สุด
หลินเซี่ยยืนกรานว่าจะออกไปข้างนอก เฉินเจียเหอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดตามเธอไป
เขาสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้าย ตั้งท่าจะออกไปเป็นเพื่อนเธอ “ผมไปด้วย”
หลินเซี่ยถาม “แล้วหู่จือล่ะคะ?”
“เดี๋ยวผมจะล็อกประตูไว้”
หลินเซี่ยไม่เห็นด้วย จะล็อกประตูแล้วขังเด็กไว้ในบ้านคนเดียวได้ยังไง?
“พ่อขังผมไว้ในบ้านคนเดียวบ่อยจะตายไป ผมอยากนอนจริง ๆ”
หู่จือคุ้นเคยกับกิจวัตรนี้มาก ประกอบกับเหนื่อยอ่อนเกินไป พอล้มตัวลงนอนบนเตียงก็ผล็อยหลับไปทันที
หลังจากล็อกประตูแล้ว เฉินเจียเหอก็พาหลินเซี่ยออกไปหาบ้านเช่าให้หลิวกุ้ยอิง
หลินเซี่ยค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่หลายแห่งในไห่เฉิง แต่ความทรงจำของเธอที่มีเกี่ยวกับสถานที่ใกล้เคียงแถวโรงงานยานยนต์ค่อนข้างคลุมเครือ
“ฉันอยากได้บ้านเช่าที่เงียบสงบสำหรับแม่และน้อง จะต้องเป็นที่ที่เสิ่นอวี้อิ๋งไม่สามารถตามหาจนเจอในเร็ว ๆ นี้ และควรตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานยานยนต์ จะได้แวะมาดูแลพวกหล่อนได้ง่าย”
เฉินเจียเหอเสนอว่า “ผมจำได้ว่ามีบนถนนโฮ่วฉ่างมีตรอกซอกซอยมากมาย บ้านในซอยส่วนใหญ่มีลานด้านหน้า ถ้าคุณอยากทำอาหารขายจริง ๆ ควรเลือกบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางหน่อย จะได้สะดวกต่อการอยู่อาศัย”
“ค่ะ งั้นเราไปดูกัน”
บ้านในตรอกซอกซอยบนถนนโฮ่วฉ่างเต็มไปด้วยแรงงานต่างถิ่น ที่นี่จึงค่อนข้างสงบเงียบมากในช่วงปีใหม่แบบนี้ ทั้งสองเดินไปดูประกาศตามเสาโทรศัพท์เพื่อหาข้อมูลติดต่อของผู้ให้เช่า
จนกระทั่งพวกเขาเดินเข้าไปในตรอกหนึ่ง และเจอคุณป้าระหว่างทาง หลินเซี่ยจึงเข้าไปสอบถามหล่อน “สวัสดีค่ะ คุณพอรู้ไหมคะว่าในตรอกนี้มีบ้านให้เช่าหรือเปล่า?”
“เช่าลานบ้านเหรอ เช่าไว้ทำอะไร?” คุณป้าพินิจพิจารณาหนุ่มสาวทั้งสอง ราวกับสแกนหาทุ่นระเบิดในตัวอีกฝ่าย
หลินเซี่ยตอบกลับ “เราแค่หาบ้านเช่าสำหรับอยู่เองค่ะ แค่อยากได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางหน่อย ยิ่งมีห้องครัวใหญ่ที่สามารถประกอบอาหารในปริมาณมากได้จะดีมาก ”
“อยู่กี่คนล่ะ?” คุณป้าถามอีกครั้ง
“ผู้หญิงสองคนค่ะ”
“โอ้…”
เมื่อได้ยินว่าคนที่จะมาเช่าบ้านเป็นผู้หญิงทั้งสองคน ใบหน้าของคุณป้าก็ฉายความโล่งใจ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าหลินเซี่ยอีกครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารหรือขำพี่เหอดีน้า ท่าทางเสียอาการแบบไม่เหลือความคูลก่อนหน้านี้เลย
ไหหม่า(海馬)