บทที่ 72 เหลือไว้แค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็พอ

คิงดราก้อน

หวงหย่งกางกล่าวด้วยใบหน้าท่าทางที่แทบดูไม่ได้:

“ผบช.วางครับ เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ค่อยจะทราบเหมือนกัน ผมแค่ให้พวกเขามาสืบคดีเท่านั้นเอง ผมไม่รู้เลยครับว่าพวกเขาจะทำเรื่องที่มากเกินควรแบบนี้”

“ท่านวางใจเถอะ ผมจะลงโทษพวกเขาอย่างเด็ดขาดตอนนี้เลย ให้พวกเขารับผิดและลาออกไป มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”

คนคนนี้กล่าวอย่างเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม แสดงออกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย อีกทั้งรู้สึกผิดหวังกับตำรวจทั้งสี่นายนี้มาก!

พอถึงเวลาเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงแสดงบทสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตแล้ว ไม่อย่างนั้นละก็แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องได้รับเคราะห์ไปด้วย

“ผบช.วางคะ เซียวหยางนั้นถูกเข้าใจผิด เขามีหลักฐานว่าไม่อยู่ที่เกิดเหตุ อีกอย่างเขาไม่เพียงถูกใช้ศาลเตี้ยทารุณ เขายังเป็นพลเมืองดีของเมืองหยินโจวของพวกเราอีกด้วย ท่านจะต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขานะคะ!”

“หือ? เรื่องเป็นมายังไง?” วางเชี่ยวฉู่เอ่ยถามด้วยความสนใจ

“คืออย่างนี้ค่ะ……”

เจียงเซิ่งหนานเล่าเหตุการณ์คดีโจรกรรมรวมทั้งแก๊งอาชญากรกว่าห้าสิบคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังนั้นออกมา

“ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวหยางกล้ายืนหยัดออกมาเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ก็คงไม่สามารถจับแก๊งอาชญากรพวกนี้ได้”

เมื่อวางเชี่ยวฉู่ฟังมาถึงตรงนี้ ก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าว“ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย ผบช.หม่า ทำไมคุณไม่รายงานไปด้านบนล่ะ เรื่องแบบนี้ เพียงพอที่จะได้รับสมญานามท็อปสิบพลเมืองดีแห่งเมืองหยินโจวแล้ว”

หม่าเจียเฉิงทอดถอนใจ โถคุณท่านครับ ทำไมถึงได้ดึงผมเข้ามาเข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะเนี่ย แต่ก็ดีเหมือนกัน ตีเหล็กเมื่อยังร้อน ถือโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเซียวหยาง

“คืออย่างนี้ครับ คดีนี้พึ่งปิดไป พวกเรากำลังคิดใช้เรื่องยืนหยัดออกมาเพื่อสิ่งที่ถูกต้องในครั้งนี้ยกเป็นแบบอย่างที่ดี เพียงแต่ว่าจะต้องเตรียมการสักหน่อย ไม่งั้นก็คงให้รางวัลกับเซียวหยางไปนานแล้ว”

วางเชี่ยวฉู่พยักหน้า และกลับไปที่ข้างกายเซียวหยางอีกครั้ง

“ผบช.หม่า คนของสถานีตำรวจประจำเมืองมารับช่วงต่อคดีนี้ ได้แจ้งคุณก่อนหรือยัง?”

เรื่องบางเรื่อง ทำให้ชัดเจนหน่อยจะดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นวันนี้ถูกทำให้ผ่านไปลวก ๆ แบบนี้ วันหน้ายังต้องมีคนเผชิญกับเรื่องที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้อีกแน่

หวงหย่งกางได้ยินดังนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมดบนกระทะร้อนขึ้นมา เขารีบกล่าวอย่างกระวนกระวาย:

“ท่านผู้บัญชาการครับ ล้วนเป็นความผิดของผม ผมผิดที่เชื่อคำของถังหมิ่น เขาบอกว่าจะต้องเป็นเซียวหยางที่ฆ่าลูกชายเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นผมถึงได้ให้คนมาสอบปากคำเซียวหยาง นี่……นี่มันไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของผมนะครับ”

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่เปิดโปงตระกูลถังออกมาก็คงไม่แล้ว

ไม่แน่ว่าวางเชี่ยวฉู่อาจจะไว้หน้าตระกูลถังอยู่บ้าง ไม่ให้ตัวเองจบไม่สวยนัก ถ้าไม่อย่างนั้น ตำแหน่งรองผู้บัญชาการของตัวเอง ก็คงต้องถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

“เหอะ ผมว่าแล้วว่าพวกคุณเป็นพวกฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกัน!”

“ลูกชายของตาย เลยโมโหจนเลอะเลือน หรือว่าคุณเองก็เลอะเลือนไปกับเขาด้วยงั้นเหรอ หรือว่าคุณไม่รู้ว่าก่อนอื่นควรที่จะตรวจสอบว่าเซียวหยางอยู่ที่ไหน มีหลักฐานว่าได้อยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่งั้นเหรอ?”

“เรื่องที่แม้แต่นายตำรวจตำแหน่งเล็ก ๆ ยังรู้ รองผู้บัญชาการอย่างคุณกลับไม่รู้ ช่างน่าตลกจริง ๆ”

กล่าวไป พลางรับเอาหลักฐานที่เจียงเซิ่งหนานนำมาด้วยมา แล้วโยนเข้าใส่หวงหย่งกาง

หวงหย่งกางกลัวจนหัวหด ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ถ้าหากวางเชี่ยวฉู่เป็นเพียงผู้บัญชาการธรรมดา ๆ เขาก็คงไม่เกรงกลัววางเชี่ยวฉู่แบบนี้ แต่วางเชี่ยวฉู่คนนี้ว่ากันว่าเป็นคนตระกูลวางแห่งเมืองหลวง ล่วงเกินวางเชี่ยวฉู่ ผลลัพธ์จะต้องสลดหดหู่อย่างมากแน่

วางเชี่ยวฉู่กล่าวด้วยสีหน้าท่าทางอย่างเย็นชา“ผบช.หม่า เรื่องนี้มอบให้คุณจัดการแล้วกัน จำไว้ จะต้องจัดการอย่างเป็นธรรม!”

“สำหรับใครที่ฝ่าฝืนวินัย จะต้องลงโทษอย่างร้ายแรง ถ้าหากมีใครเล่นตุกติกอะไร นั่นก็หมายความว่าเป็นปรปักษ์กับฉัน!”

ทำอย่างเด็ดขาด มีความยุติธรรม ไม่ถือหางให้ท้ายใคร

ก่อนที่วางเชี่ยวฉู่จะจากไปนั้นได้เอ่ยกับหวงหย่งกาง“เรื่องนี้ผมจะยกให้เป็นแบบอย่างข้อผิดพลาดด้านลบบนที่ประชุมในอาทิตย์หน้า กลับไปเตรียมเอกสารให้ผมชุดหนึ่ง ยังมีอีกอย่าง คดีนี้คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งอีก!”

หวงหยงกางออกจากสถานีตำรวจเขตเมืองไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง เขารู้ ถึงแม้วางเชี่ยวฉู่จะไม่ได้ลงโทษเขาอย่างจริงเป็นทางการ แต่นับจากนี้ไป เส้นทางอาชีพของเขาคงต้องมืดมน คิดจะเลื่อนตำแหน่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป

เขานำเรื่องนี้ไปบอกกับถังหมิ่น อีกทั้งยังได้พูดใส่ความเพิ่มไปอีก เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองนั้นได้เสียสละไปมากมายเพียงใด

หลังจากที่ถังหมิ่นทราบเรื่อง ถังหมิ่นยิ่งรู้สึกว่าการตายลูกชายของตัวเองนั้น จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียวหยางแน่นอน!

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่าโทษฉันที่โหดเหี้ยมแล้วกัน!”

ภายในห้องสอบปากคำ เซี่ยวหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ เฝ้ามองคนทั้งสี่ด้วยความสนออกสนใจ

ทั้งสี่คนเหงื่อไหลโทรมกาย มองเซียวหยางด้วยท่าทางประจบสอพลอ ทั้งสี่คนพูดประโลมจนหมดคำพูด พูดจนริมฝีปากแห้งไปหมด เพียงแค่หวังว่าเซียวหยางจะปรานี

ถ้าหากรู้ว่าเซียวหยางยังมีเบื้องหลังเช่นนี้ ต่อให้พวกเขากล้ากว่านี้เป็นสิบเท่าก็ไม่กล้ามาหาเรื่องเซี่ยวหยาง

เซียวหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก มาขอความปรานีกับผมก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อทำไปแล้ว ก็รอบทลงโทษตามกฎหมายแล้วกัน”

จากนั้น เซียวหยางก็หันไปมองเจียงเซิ่งหนานด้วยรอยยิ้ม และกล่าว“เจ้าหน้าที่เจียง เมื่อกี้ต้องขอบคุณคุณมากที่ช่วยพูดให้กับผม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยืนออกมา ไม่แน่ว่าผมอาจต้องถูกเข้าใจผิดก็ได้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรจะทำ หลังจากที่พวกเราได้ตรวจสอบก็พบว่าคุณไม่มีเวลาก่อเหตุจริง ๆ”

“อ้อใช่ ผบช.หม่ามีเรื่องต้องการพบคุณ คุณไปหาเขาหน่อยนะคะ”

เซียวหยางพยักหน้า แล้วได้มาถึงห้องทำงานของหม่าเจียเฉิง

ทันทีที่หม่าเจียเฉิงเห็นเซียวหยาง ก็ดีดตัวลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที

“เซียวหยาง รีบนั่งเร็ว เมื่อกี้ให้คุณได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วนะ ผมรู้สึกแล้วว่าจะต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ จึงรีบโทรไปที่สถานีตำรวจประจำเมือง แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว บาดแผลบนร่างกายของคุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”

เซียวหยางมองหม่าเจียเฉิงอย่างไม่น่าเชื่อ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาที่โทรหาวางเชี่ยวฉู่ ดูแล้วหม่าเจียเฉิงก็ฉลาดไม่เบานี่

“บาดแผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอีก ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

“คืออย่างนี้นะ ที่คุณและเจียงเซิ่งหนานร่วมมือจัดการคนร้ายด้วยกันเมื่อครั้งที่แล้ว ทั้งยังขึ้นการค้นหายอดนิยมบนเวย์ปั๋ว เรื่องนี้มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นพวกเราจึงอยากจัดงานแถลงข่าว มอบรางวัลให้คุณ คุณคิดวายังไง?”

เซียวหยางโบกมือปฏิเสธทันที“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมไม่ชอบปรากฏตัวในวงสังคมน่ะ”

“ฮ่า ๆ ผมว่าแล้วว่าคุณจะไม่เห็นด้วย งั้นเอาอย่างนี้ ผมขอเป็นตัวแทนของสถานีตำรวจเขตเมือง มอบประกาศนียบัตรเกียรติคุณและเงินรางวัลให้คุณเป็นการส่วนตัว คุณห้ามปฏิเสธล่ะ”

หม่าเจียเฉิงได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นจึงได้มอบประกาศนียบัตรเกียรติคุณและเงินรางวัลให้กับเซียวหยาง

เซียวหยางรับประกาศนียบัตรเกียรติคุณและเงินรางวัลให้เอาไว้ และลุกขึ้นมา

“ผบช.หม่า งั้นก็ขอบคุณมากนะครับ บริษัทยังรอผมกลับไปทำงานอยู่ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

เซียวหยางเป็นห่วงว่าถังหมิ่นจะมาก่อความวุ่นวายให้กับบริษัทหยุนซู ดังนั้นจึงต้องการรีบกลับไปที่บริษัทหยุนซูเพื่อรับมือด้วยตัวเอง

เซียวหยางออกมาจากสถานีตำรวจ เดินข้ามถนนสายหนึ่ง และเรียกแท็กซี่ไปที่บริษัทหยุนซู

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ รถToyota Highlander สองคันและรถออฟโรดสามคันก็จอดลงที่ด้านหน้าของเซียวหยาง

คนประมาณยี่สิบสามสิบคนลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว ในมือถือมีดซาบาต้าและท่อนเหล็กชุบสังกะสี แล้วปิดล้อมเซียวหยางเอาไว้

เซียวหยางลูบคางตัวเองเบา ๆ เขารู้สึกหมดคำจะพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

พึ่งจะออกมาจากสถานีตำรวจ ก็ต้องเผชิญหน้ากับไอ้สารเลวพวกนี้ ใช้ส้นเท้าคิดยังรู้เลยว่าเป็นฝีมือถังหมิ่น

ลอบกัดไม่สำเร็จก็มาซึ่ง ๆ หน้า ตระกูลถังนี่จะเป็นปรปักษ์กับตัวเองให้ได้จริง ๆ สินะ!

“แกก็คือเซียวหยาง?” ชายที่นำหน้าตวาดถามอย่างเยือกเย็น

“ตระกูลถังส่งพวกแกมาสินะ?”

“แม่ง กูแค่ถามมึงว่ามึงใช่เซียวหยางไหม?”

“ใช่!”

“ใช่ก็ถูกแล้ว พี่น้อง ลงมือ! เหลือไว้แค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็พอ!”