ตอนที่ 60 ปัญหาของเพื่อนบ้าน
อาหมานเห็นด้วยอย่างยิ่ง “จริงเจ้าค่ะ ได้ยินว่าไส้นี่ไหลออกมากองทั่วพื้นเลยเจ้าค่ะ พอป้าจากจวนหย่งชังปั๋วไปพบเข้าถึงขั้นตกใจกลัวจนปัสสาวะราดรดกางเกง บ่าวว่านี่คงเป็นการชดใช้กรรมกระมังเจ้าคะ…”
ทันทีที่สิ้นประโยคนั้น จู่ๆ อาหมานก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“มีอะไรงั้นหรือ” เจียงซื่อขมวดคิ้ว
อาหมานปริปากเอ่ยว่า “คุณ…คุณหนู วันนั้นที่คุณหนูพูดว่าคนชั่วย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ หรือว่า…”
“หืม?”
อาหมานถอนหายใจอย่างโล่งอก “หรือว่าคุณหนูสังหรณ์ใจแต่แรกว่าชะตาของนางจะถึงฆาตในไม่ช้า”
แค่กๆ เจียงซื่อกลั้นเสียงไอเอาไว้ไม่อยู่
อาเฉี่ยวรีบเข้ามาลูบหลังให้เจียงซื่อพลางถลึงตาใส่อาหมาน “พูดซี้ซั้วอะไรน่ะ คุณหนูไม่ใช่หมอดูเสียหน่อย”
เจียงซื่อไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้จึงหัวเราะพลางเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เห็นต้องทำนาย มีใครที่เดินอยู่ริมน้ำแล้วพื้นรองเท้าไม่เปียกบ้างล่ะ ทำเรื่องชั่วไว้มาก ต่อให้สวรรค์ไม่ลงโทษก็ถูกคนลงโทษอยู่ดี”
อาหมานนั่งเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก “ถ้าเช่นนั้นจอมยุทธท่านไหนกันที่ทำเรื่องดีๆ เช่นนี้”
“พอเถอะ รีบไปทำงานได้แล้ว จะมาชวนคุณหนูคุยเรื่องน่าสยดสยองเช่นนี้ทำไมกัน” อาเฉี่ยวลากอาหมานออกไปนอกห้อง
ผ่านไปไม่นานอาเฉี่ยวก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับเทียบขอพบในมือ “คุณหนู เทียบจากคุณหนูใหญ่จวนหย่งชังปั๋วเจ้าค่ะ”
เซี่ยชิงเหยามาเยี่ยมเจียงซื่อถึงสองครั้งติดกัน คือช่วงหนึ่งเดือนกว่าก่อนตอนที่เจียงซื่อจะล้มป่วยในงานเลี้ยง และอีกครั้งคือหลังจากที่เจียงซื่อถอนหมั้นกับคนที่จวนอันกั๋วกง นับว่านางเป็นสหายที่คอยรับฟังความในใจของเจียงซื่อก็ว่าได้
เจียงซื่อยิ้มแย้มขณะที่ถือเทียบขอพบขึ้นมาดู
เนื่องด้วยนิสัยชอบใส่ใจเรื่องชาวบ้านของเซี่ยชิงเหยา นางจึงตั้งใจมาหาเจียงซื่อด้วยเหตุผลนี้
เจียงซื่อหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนตอบรับจดหมายและสั่งให้อาเฉี่ยวนำไปส่ง
เนื่องจากจวนหย่งชังปั๋วอยู่ติดกับจวนตงผิงปั๋ว เซี่ยชิงเหยาจึงมาถึงในเวลาเพียงไม่นาน
อายุของเซี่ยชิงเหยาไล่เลี่ยกับเจียงซื่อ ใบหน้าทรงผลผิงกั่ว[1]ของนางมีลักยิ้มอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง เซี่ยชิงเหยายิ้มแย้มก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “อาซื่อ ข้ามาแล้ว”
เจียงซื่อนั่งรออยู่ที่โต๊ะน้ำชา เบื้องหน้ามีกาน้ำชาและขนมที่ถูกเตรียมไว้พร้อม
เซี่ยชิงเหยาถือวิสาสะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเจียงซื่อ
แก้มสีแดงระเรื่อกับแววตาเป็นประกายของหญิงสาวตรงหน้าทำให้เจียงซื่อพอจะมองออกว่าเพื่อนของนางต้องการจะพูดบางอย่าง
“ดื่มชาให้ชุ่มคอเสียก่อนเถิด” แก้วชาใสถูกเลื่อนไปตรงหน้าของเซี่ยชิงเหยา
เซี่ยชิงเหยายกชาขึ้นมาดื่มสองอึกก่อนจะกระซิบเสียงเบาอย่างมีลับลมคมในว่า “วันนี้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
คิกคิก อาหมานที่ยืนอยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะออกมา
เซี่ยชิงเหยาเหลือบมองอาหมานด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
อาหมานรีบก้มหน้าปรับท่าทีสำรวมทันที
เซี่ยชิงเหยารู้ว่าสาวใช้ของเจียงซื่อคนนี้ไม่ค่อยมีไหวพริบจึงไม่ได้ถือสา นางวางสองมือไว้บนโต๊ะเบื้องหน้าพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้เอ่ยว่า “หลิวเซียนกูที่มาทำพิธีขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่จวนของเจ้าถูกฆ่าตายเมื่อคืนนี้!”
เมื่อเห็นว่าเจียงซื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เซี่ยชิงเหยาจึงเขย่าตัวนางเอ่ยถามว่า “คาดไม่ถึงหรือรู้สึกกลัวเจ้าก็ช่วยตอบให้หน่อยเถอะ”
“คาดไม่ถึง แล้วก็น่ากลัวด้วย!” เจียงซื่อแสร้งพยักหน้าอย่างจริงจัง
ดวงตากลมโตของเซี่ยชิงเหยาจ้องมองมาที่เจียงซื่อครู่หนึ่งก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดออกมา “เจ้าก็เป็นซะอย่างนี้ ต่อให้รู้สึกว่าน่ากลัวมากแค่ไหนก็ยังเก็บงำความรู้สึกเอาไว้”
สมัยยังเด็กนางรู้สึกไม่ค่อยถูกใจในตัวเจียงซื่อนัก เนื่องจากนางรู้สึกว่าเด็กสาวแต่งตัวงามพริ้งกับรอยยิ้มเพียงแค่มุมปากอย่างเจียงซื่อไม่ใช่คนพวกเดียวกับนาง
จนกระทั่งวันหนึ่ง นางรบเร้าให้พี่ชายพานางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก แต่เมื่อออกไปได้แล้ว นางกลับถูกพี่ชายที่อยู่ในวัยจงเกลียดจงชังน้องตัวเองทิ้งให้อยู่คนเดียว
นางที่ถือถังหูลู่[2]อยู่ในมือยืนงงอยู่เพียงลำพังกลางถนน ซ้ำยังถูกพวกเด็กนรกแกล้งดึงผมดึงกระโปรง คราวนั้นเจียงซื่อสั่งให้อาหมานซึ่งโตกว่าเข้ามาช่วยนางเอาไว้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานางก็เกาะติดเจียงซื่อไม่ไปไหน
เจียงซื่อที่ทั้งสวยและใจดีกับนาง ถึงแม้จะชอบแสดงท่าทีเย็นชา ทว่าหากยกนิ้วขึ้นมานับข้อดีของเจียงซื่อก็มีมากกว่าไอพี่ชายบ้าที่นางพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
เจียงซื่อไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
เมื่อก่อนนางเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไรทั้งปวง
เนื่องจากมารดาของนางเสียไปตั้งแต่นางยังเล็ก หนำซ้ำตำแหน่งของบิดาก็ไม่อาจส่งต่อให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ ทำให้ตั้งแต่นั้นมานางจึงถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ มาตลอด ไม่ใช่สายตาที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ แต่เป็นสายตาดูแคลนแกมสมเพชเสียมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการเลยสักนิด
นางจึงแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้แยแสหรือใส่ใจเพื่อที่คนอื่นจะไม่สามารถดูถูกนางได้
แต่หลังจากนางผ่านความเป็นความตายคราวนั้นกลับทำให้นางโตขึ้นและเข้าใจอะไรมากขึ้น
“อย่างไรเสียก็ไม่ได้เห็นเองกับตา ครั้นจะพูดว่าน่ากลัวก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก” เจียงซื่อหยิบขนมเหมยกุยซู[3]ชิ้นหนึ่งส่งให้เซี่ยชิงเหยา
เซี่ยชิงเหยากัดชิมขนมรูปทรงดอกกุหลาบที่ถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถันพลางร้องขึ้นว่า “อาเฉี่ยวนี่เป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ ทำขนมนี้ออกมาได้อร่อยยิ่งนัก”
หลังจากที่กินขนมเหมยกุยซูไปชิ้นหนึ่งแล้ว เซี่ยชิงเหยาก็บรรจงเช็ดมุมปากและคร่ำครวญต่อว่า “หลิวเซียนกูเก่งกาจเสียขนาดนั้น ขนาดท่านแม่ของข้ายังมองว่านางเป็นเทพในแดนมนุษย์ ใครจะไปคาดคิดว่าจะมาตายง่ายๆ เช่นนี้”
“คนที่ให้ไปเชิญหลิวเซียนกูมาคือท่านป้า?”
เซี่ยชิงเหยาคุยกับเจียงซื่อได้ทุกเรื่อง นางไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง “ใช่สิ แต่เชิญหลิวเซียนกูมาด้วยเหตุอันใด ท่านแม่กลับไม่เคยเอ่ยสักคำ พอวันนี้ได้ยินว่าหลิวเซียนกูถูกฆ่าตาย ท่านแม่ของข้าก็นั่งน้ำตานองอยู่นานสองนาน ข้าเองก็อดรนทนไม่ไหวจึงต้องมาหาเจ้านี่แหละ ข้าอยากรู้ว่าหลิวเซียนกูเก่งกาจถึงขั้นนั้นเชียวหรือ”
“ในเมื่อรักษาดวงตาของท่านย่าได้ก็ต้องนับว่าเก่งกาจอยู่พอตัวจริงไหม” เจียงซื่อตอบเสียงเรียบ
คำสัญญาที่นางเคยให้ไว้กับหลิวเซียนกูว่าจะให้ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง นางก็ไม่เคยผิดสัญญา เพียงแต่หลิวเซียนกูไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่เสวยสุขเท่านั้นเอง
สิ่งที่หลิวเซียนกูทำไว้กับผู้บริสุทธิ์เลวร้ายเกินกว่าที่เจียงซื่อจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับการตายของนาง หรือแม้แต่จะให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจด้วยก็คงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากหลิวเซียนกูที่มีชื่อเสียงโด่งดังคิดจะทำเรื่องเลวร้ายก็คงสามารถทำได้มากกว่าแต่ก่อน ฉะนั้นผลกรรมที่จะนำพานางมาสู่จุดนี้ก็คงจะร้ายแรงมากกว่าเดิม
อาจกล่าวได้ว่าการส่งอาหมานไปเชิญหลิวเซียนกูมาไม่ต่างอะไรกับการผลักนางให้เข้าไปใกล้ปรโลกมากขึ้น
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่” เซี่ยชิงเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวด “แค่ท่านแม่ทราบเรื่องการตายของหลิวเซียนกูก็ถึงกับน้ำตาตก นั่นแสดงว่าท่านคงตั้งความหวังไว้ไม่น้อยว่าหลิวเซียนกูจะช่วยท่านได้ ว่าแต่ท่านแม่กำลังทุกข์ใจเรื่องใดกันนะ”
จวนหยงชังปั๋วกำลังประสบเรื่องร้ายใดอยู่นะ
เจียงซื่อครุ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อชาติภพที่แล้ว การแต่งงานของนางถูกเร่งรัดให้เร็วกว่ากำหนด นางจึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น แต่หากนึกถึงเรื่องที่ชาวบ้านพูดถึงจวนหยงชังปั๋วแล้วก็คงมีอยู่เรื่องเดียว
เพราะจู่ๆ หยงชังปั๋วก็เข้าไปนอนอยู่ในเล้าหมูของชาวบ้าน เมื่อถึงตอนเช้าเจ้าของบ้านได้ยินเสียงหมูร้องเสียงดังอื้ออึงจึงเข้าไปดูและบังเอิญพบเข้า
แน่นอนว่าเรื่องหยงชังปั๋วเข้าไปนอนอยู่ในเล้าหมูกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วทั้งเมืองหลวง เรื่องนี้กลายเป็นการสร้างความสุขให้พวกชอบนินทาชาวบ้านทันที
นอกจากเรื่องนี้จะสร้างความอับอายแล้วยังส่งผลให้ฝ่ายหญิงที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเซี่ยอินโหลว ซื่อจื่อแห่งหยงชังปั๋วก็ถอนตัวไปเสียดื้อๆ
ในเมื่อบิดาจิตไม่ปกติ ก็ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าลูกชายจะเข้าไปนอนในเล้าหมูเหมือนผู้เป็นพ่อหรือไม่
เจียงซื่อจำได้ว่าเซี่ยซื่อจื่อที่นางไม่อยากจะนับว่าเป็นคนรักในวัยเด็กของนางจะถือครองความโสดไปจนกระทั่งถึงปีที่เจียงซื่อจบชีวิตลง
“โดยปกติแล้ว ปัญหาที่ผู้หญิงกลุ้มใจก็มักจะเกี่ยวข้องกับสามีของพวกนางนั่นแหละ” เจียงซื่อเอ่ยเตือนสติ
อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นบุพการีของสหายคนสนิท ไม่ควรพูดโพล่งออกไปว่าเป็นเรื่องที่บิดาของนางเข้าไปนอนในเล้าหมูและเรื่องงานแต่งของพี่ชายที่ดูจะล่มไม่เป็นท่า
เซี่ยชิงเหยาขึงขังตบโต๊ะพลางพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านพ่อแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยนี่เอง!”
[1] ผิงกั่ว ผลแอปเปิล
[2] ถังหูลู่ คือ ผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้
[3] เหมยกุยซู คือ ขนมที่ทำจากแป้งมีดอกกุหลาบเป็นส่วนผสม