ตอนที่ 91 พลีกาย
ฉินเฟิงพยักหน้าพอใจกับคำตอบ..
“เจ้าไม้.. เจ้าบ้า.. เจ้านกนางแอ่น ที่ฉันพาพวกนายสามคนจากบ้านเกิดมาที่นี่ ก็เพื่อความร่ำรวยมั่งคั่ง เพราะฉะนั้น พวกนายห้ามสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นเป็นอันขาดเข้าใจมั๊ย?” ฉินเฟิงกำชับทั้งสามคนอีกครั้ง
“พวกเราเข้าใจ!” ทั้งสามคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน แววตาของพวกเขาทั้งสามคนเป็นประกายไปด้วยความหวัง
“เอาล่ะ.. พวกเราคงต้องหาที่พักก่อน แล้วค่อยๆคิดวางแผนกันต่อไป” ฉินเฟิงเดินนำออกไป พร้อมกับโบกมือมือให้ทั้งสามคนเดินตามมา
เวลานี้สาวน้อยหน้าตาเหมือนตุ๊กตาซึ่งมีฉายาว่า ‘นกนางแอ่น’ ก็ได้แต่สะบัดแขนข้างที่ถูกหลินหนานกดจุดที่ไหล่ไว้ จนทำให้มือข้างนั้นไร้เรี่ยวแรง และเวลานี้แขนของเธอก็เริ่มกลับมามีกำลังวังชาเหมือนเดิมแล้ว จึงได้เอ่ยปากถามฉินเฟิงไปว่า
“ลูกพี่ แล้วนี่พวกเราจะไปที่ไหนกันต่อ?”
“ฉันมองหาสถานที่สำหรับเก็บตัวของพวกเราไว้แล้ว อยู่ที่ถนนหวู่หลง..” ฉินเฟิงตอบกลับไปทันที
“ถนนหวู่หลง?! อยู่ที่ไหนเหรอลูกพี่?” เจ้าบ้าเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองนี้ เป็นที่ที่คนยากจน แล้วก็พวกนักเลงหัวไม้อยู่กันมาก คงไม่มีที่ไหนเหมาะกับพวกเราเท่าที่นั่นอีกแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฉินเฟิงตอบกลับไป
“ชื่อสถานที่ก็ไม่เลวด้วย..”
“ถนนหวู่หลง.. เหมาะกับพวกเราที่เปรียบเสมือนมังกร!” ชายร่างใหญ่ราวกับตึกที่มีฉายาว่าไม้พึมพำออกมา
“ถูกต้อง!” แววตาของฉินเฟิงเป็นประกาย พร้อมกับยิ้มออกมา
“นี่เจ้าไม้! ตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่ได้สองสามวัน นี่เป็นครั้งแรกที่นายพูดได้ดี! ฮ่าๆๆ” เจ้าบ้าหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับยกข้อศอกกระทุ้งท้องของเจ้าไม้เป็นการกระเซ้าเย้าแหย่
“เจ้าบ้า.. นี่นายอย่ามาหาเรื่องเจ็บตัวหน่อยเลย!” ไม้คำรามใส่เจ้าบ้าเสียงดัง
“นี่.. ถ้านายกล้าทำร้ายสามีของฉันล่ะก็ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
ทั้งสามคนเริ่มจะทะเลาะกันอยู่บนสะพานลอย ฉินเฟิงเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย และเวลานี้คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก่อนหน้า ก็ค่อยๆคลายออกทีละนิด
แต่เวลานี้ ความกังวลที่เคยมีกลับเแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าแทน..
เขาถอดหมวกที่สวมใส่ออก เผยให้เห็นผมยาวดำขลับประบ่า จากนั้นก็ได้ถอดผ้าปิดปากสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
และใบหน้าของฉินเฟิงนั้น เกือบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เพราะใบหน้าหล่อเหลานั้นแทบจะไม่มีริ้วรอยเลยแม้แต่น้อย และผิวของเขาก็นวลเนียนราวกับหยกขาว คิ้วทั้งสองข้างโค้งงอดั่งกิ่งหลิว ภายใต้ดวงตาหรี่เล็กนั้นคือลูกนัยน์ตาสีดำชวนมอง และบนใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือ ก็มีริมฝีปากจิ้มลิ้มสวยงามยิ่งประดับอยู่
และเพียงแค่ใบหน้าอันหล่อเหลาของฉินเฟิง ก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวที่พบเห็น ถึงกับเก้อเขินม้วนอายได้ในทันที
หากฉินเฟิงยึดอาชีพนักแสดงแล้วล่ะก็ สาวๆทั้งโลกคงต้องคลั่งไคล้เขาเป็นอย่างมากแน่ และผู้ชายทั้งโลกก็คงจะนึกอิจฉาเขา หรือไม่ก็อาจเกลียดชังเขาไปเลยก็เป็นได้
แต่ถึงแม้ใบหน้าของฉินเฟิงจะขาวนวลเนียนดั่งหยก แต่ก็ดูเย็นชาประหนึ่งปีศาจ หากดูผิวเผินเขาจะเหมือนกับคุณชายรูปงามในโลกที่ชั่วร้าย..
และผู้ชายที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้ หากผู้ใดได้พบเห็น ก็ยากที่แยกแยะว่าหญิงหรือชายได้..
และนี่คือ.. ฉินเฟิง!
……….
“ห๊ะ….”
ระหว่างทางที่เดินข้ามสะพานลอยไปนั้น ได้มีหญิงสาวสองคนเดินผ่านมาพอดี และเมื่อทั้งคู่ได้เห็นใบหน้าของฉินเฟิง พวกเธอทั้งสองถึงกับนิ่งไปด้วยตกตะลึง ราวกับถูกกระชากวิญญาณออกจากร่าง
กระทั่งไอศครีมในมือร่วงหล่นลงพื้นไป พวกเธอก็ยังไม่รู้ตัว..
“พระเจ้า!! คนอะไรสวยได้ขนาดนี้?”
“ต้องหล่อต่างหากล่ะ.. คนอะไรหล่อยิ่งกว่าเทพบุตรซะอีก!”
“เร็วเข้า รีบเอามือถือมาถ่ายรูปเขาไว้!! ฉันจะส่งรูปของเขาไปให้เพื่อนๆในกลุ่มดู โอ๊ย.. ฉันหลงรักเขาเข้าแล้ว!”
ฉินเฟิงไม่มีทีท่าสนใจหญิงสาวทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย และเวลานี้ สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของใครบางคนที่กำลังเดินอยู่ด้านล่างสะพานลอย
และคนผู้นั้นก็คือหลินหนาน!
มองจากแผ่นหลังของผู้ชายคนนี้ เขาเป็นเพียงชายร่างเล็กผอมบาง และดูโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก!
แต่กลับน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด!
หลังจากที่ร่างของหลินหนานเดินลับสายตาไป ฉินเฟิงก็ถึงกับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับพึมพำขึ้นว่า
“หวังว่าพวกเราจะไม่ต้องพบเจอกันอีกนะ..”
……
หลังจากหลินหนานเดินไปได้ครู่ใหญ่ โทรศัพท์มือถือเก่าๆในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น หลินหนานหยิบออกมาดู หลังจากกดรับแล้ว เขาก็พูดกับปลายสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ว่ายังอาไห่.. มีอะไรให้ฉันรับใช้งั้นเหรอ?”
การที่อาไห่โทรมาในครั้งนี้ ไม่ได้เกินความคาดหมายของหลินหนานนัก
“คุณชายหลินพูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ? ว่าแต่คุณชายหลินพอจะมีเวลาบ้างมั๊ยครับ?” อาไห่เอ่ยถามหลินหนานด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเคารพนบนอบ
“ตอนนี้เลยเหรอ? นายบอกฉันมาตรงๆดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรกันแน่?” หลินหนานถามกลับไปตรงๆ
“เถ้าแก่หลิวให้ผมมาเรียนเชิญคุณชายหลินไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วยครับ..” น้ำเสียงของอาไห่ดูลังเล
“งานเลี้ยงงั้นเหรอ?!!” หลินหนานย้อนถาม สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังงุนงงไม่น้อย
นี่หลิวหยิงหยิงกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่?!!
“ครับผม.. งานเลี้ยง! เถ้าแก่หลิวหาชายหนุ่มที่เหมาะสมจะไปงานเลี้ยงกับเธอไม่ได้ จึงได้ให้ผมมาเรียนเชิญคุณชายหลิน ไม่ทราบว่าคุณชายหลินจะตอบรับคำเชิญของเถ้าแก่หลิวมั๊ยครับ?” อาไห่อธิบายยืดยาว
หลินหนานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ในขณะที่เขากำลังจะตอบกลับไปนั้น เสียงอ่อนหวานของใครบางคนก็ดังแทรกปลายสายขึ้นมา
“ทำไมเหรอ?! หรือคุณชายหลินกลัวว่าจะถูกฉันจับกิน?”
“ทำไมผมต้องกลัวด้วย.. ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ยินดี และอยากถูกคุณจับกินทั้งนั้นล่ะ!” หลินหนานถึงกับหัวเราะร่วน
“อย่ามาทำปากหวานหน่อยเลย.. ว่ายังไงคุณชายหลิน ไม่ทราบว่าพอจะให้เกียรติฉันหน่อยจะได้มั๊ย?”
จากนั้น หลิวหยิงหยิงก็แสร้งทำเป็นเสียใจ “หากคุณชายหลินไม่ให้เกียรติ พี่สาวคนนี้คงจะเสียใจไม่น้อยทีเดียว!”
“ฮ่าๆๆๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ตกลง.. ผมจะไป เตรียมชุดไว้ให้ผมด้วยก็แล้วกัน ส่วนคุณก็แต่งตัวให้สวยที่สุดเลยล่ะ!” หลินหนานตอบตกลง
“ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวอะไร นี่เป็นงานเลี้ยงภายในเท่านั้น ไม่มีพิธีรีตรองอะไร..” หลิวหยิงหยิงตอบกลับไป
“จัดที่โกลเดนพาเลซสินะ?” หลินหนานเอ่ยถาม
“ไม่ใช่! ที่โรงแรมมารีออท มีแต่คนรู้จักกันทั้งนั้น คุณชายหลินมาที่นี่ได้เลย ฉันรอออยู่ที่โรงแรมแล้ว !”
“ตกลง!”
หลินหนานกดวางสายพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน..
ผู้หญิงคนนี้มีแผนอะไรกันแน่นะ?
และแน่นอน.. หลินหนานไม่ได้คิดว่าหลิวหยิงหยิงจะตกหลุมรักเขาเพียงแค่แรกเห็น และจงใจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้เขาไปหาแน่..
เรื่องแบบนี้คงจะมีจริงแต่ในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นล่ะ!
และจากการที่ได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้เพียงแค่สั้นๆในครั้งนั้น หลินหนานก็มั่นใจอย่างมากว่า หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนโง่ หรืออ่อนหัด..
หาไม่แล้ว.. เธอคงจะไม่สามารถดูแลกิจการที่ใหญ่โตอย่างโกลเดนพาเลซได้แน่! และคนอย่างอาไห่ก็คงจะไม่เต็มใจทำงานให้กับเธอด้วยเช่นกัน!
“เอาล่ะ.. ลองไปดูหน่อยว่า แม่จิ้งจอกสาวคิดที่จะทำอะไรกันแน่?” หลินหนานบอกกับตัวเอง พร้อมกับโบกมือเรียกแท๊กซี่ตรงไปที่โรงแรมมารีออททันที
……
ชั้นบนสุดของโรงแรมมารีออท ภายในห้องพักที่ใหญ่โต และหรูหราที่สุดของโรงแรม..
หลิวหยิงหยิงยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้กับอาไห่ ก่อนจะลงไปนอนเหยียดกายอย่างเกียจคร้านบนเตียง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ในที่สุดเขาก็ยอมตอบตกลง..”
เรือนร่างงดงามนอนเลื้อยไปมาอยู่บนเตียง และหน้าอกใหญ่โตนั้นก็แทบจะทะลุเสื้อผ้าที่รัดรึงนั้นออกมาด้านนอก
อาไห่เพียงแค่ก้มศรีษะลงเล็กน้อย พร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา..
“เถ้าแก่หลิว.. ทำไมคุณถึงได้เลือกคุณชายหลิน?”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดพักหนึ่ง หลังจากที่อาไห่รวบรวมความกล้าเอ่ยถามหลิวหยิงหยิงไปเช่นนั้น
“เพราะเขาเป็นคนแปลกหน้า และไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อนน่ะสิ! คนแบบนี้ล่ะ ที่ใครก็ยากที่จะคาดเดาได้..” หลิวหยิงหยิงเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“แล้วถ้าคุณชายหลินรู้ว่า.. พวกเรากำลังหลอกใช้เขาอยู่ล่ะ เขาจะไม่..” อาไห่อยากจะถามออกไปตามตรง แต่ก็เลือกที่จะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น
ความจริงแล้ว อาไห่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลิวหยิงหยิงในครั้งนี้เท่าไหร่นัก!
“นี่เธอกลัวเขาขนาดนี้เชียวเหรอ?” หลิวหยิงหยิงจ้องมองอาไห่ด้วยความสนอกสนใจ
“ผมไม่ได้กลัว.. แต่ผมกำลังคิดว่า การทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมนัก!” อาไห่ตอบกลับเสียงเบา
“ไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ”
หลิวหยิงหยิงถึงกับหัวเราะออกมาราวกับคลุ้มคลั่ง หลังจากนั้น น้ำตาก็ไหลพรากออกจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ
“หึ! แล้วเวลาที่คนพวกนั้นจัดการกับเขา ใช้วิธีที่สกปรกเลวทราม พวกมันเคยคิดว่ามันยุติธรรมบ้างมั๊ย?”
น้ำเสียงของหลิวหยิงหยิงสะอึกสะอื้น และราวกับจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด..
“ฉัน.. หลิวหยิงหยิง! ขอสาบานว่า จะทำพวกมันต้องชดใช้หนี้ทั้งหมดคืนให้ได้!”
อาไห่ได้แต่นิ่งอึ้งไป และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เวลานี้ลำคอของเขาตีบตันไปหมด และร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านรุนแรง..
“ส่วนหนี้ที่ฉันติดค้างคุณชายหลินในครั้งนี้ ฉันจะตอบแทนเขาอย่างดีที่สุด!”
จากนั้น หลิวหยิงหยิงก็ลุกขึ้นจากเตียง เธอเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างพร้อมกับเหม่อมองออกไป ปากก็พึมพำเสียงเบา
“ต่อให้ต้องใช้ร่างกายของตัวเองตอบแทน ฉันก็จะทำ!”