หลังจากที่เหล่าเด็กนักเรียนห้องสามหรือก็คือห้องที่มีอาจารย์เอริซาเบธเป็นครูประจำชั้นได้รับรู้ว่าสิ่งแรกที่พวกเขาจะต้องทำกันในวันเปิดภาคเรียนนั้นก็คือการสอบวัดระดับก็ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่นักเรียนขึ้นมาในทันที แต่ถึงอย่างนั้นอลิซก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจพวกเด็กนักเรียนที่กำลังร้องโวยวายกันอยู่เลยแม้แต่น้อย
 

“ถ้าได้ยินแล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจกันซะ! อีกอย่างหนึ่งที่พวกเธอจะต้องรู้ไว้ก็คือจะมีการทดสอบแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ และคะแนนของการสอบพวกนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนของพวกเธอ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็รบกวนช่วยตั้งใจทำการสอบในทุกๆ ครั้งที่มีการทดสอบด้วย!”

 

คำพูดของอลิซนั้นถึงกับทำให้เหล่าเด็กนักเรียนเงียบเสียงลงในทันที เพราะว่าเมื่อดูจากตอนพิธีเปิดภาคเรียนเมื่อเช้านี้แล้วเด็กสาวคนนี้ที่เป็นอาจารย์บรรจุใหม่เหมือนจะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างมาจากท่านผู้อำนวยการดังนั้นคำพูดของเธออาจจะไม่ใช่แค่คำขู่เฉยๆ ก็เป็นได้

 

และเมื่อเหล่าเด็กนักเรียนคิดได้แบบนั้นพวกเขาก็เริ่มที่จะหยิบเอาตำราเรียนขึ้นมาลองอ่านดูเผื่อว่าเนื้อหาในตำราพวกนี้จะไปโผล่ในการสอบที่อลิซได้พูดขึ้นมา ในขณะที่อลิซที่เห็นว่าเหล่าเด็กนักเรียนได้เงียบเสียงลงไปแล้วก็ได้หันไปกวักมือเรียกเอริซาเบธให้เข้ามาใกล้ๆ แทน

 

“อาจารย์เอริซาเบธ มาตรงนี้หน่อยค่ะ”

 

เอริซาเบธที่ถูกเรียกตัวมานั้นได้รีบยัดขนมอัดแท่งในมือของเธอเข้าไปในปากทั้งชิ้นและกลืนมันลงไปในทันทีก่อนจะแอบปัดๆ เศษขนมที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าแล้วจึงเดินส่ายหางไปมาตรงเข้ามาหาอลิซ

 

“ว่าไงจ๊ะอาจารย์อลิซ~?”

 

“เดี๋ยวเธอช่วยเลือกคนที่ฝีมือพอๆ กันมาสักสองคนแล้วก็บอกให้พวกเขามาหาฉันที่ด้านนอกห้องตอนใกล้ๆ จะถึงคาบของฉันหน่อยสิ”

 

“หืม? ได้สิ~ แต่เอาจริงๆ เด็กนักเรียนที่ฉันรู้ฝีมือก็มีแค่เด็กที่เป็นนักเรียนเก่ามาตั้งแต่ปีการศึกษาชั้นต้นนะ… อ้ะ แต่ถึงยังไงอาจารย์เก่งๆ อย่างชั้นก็น่าจะดูออกได้ว่าเด็กคนไหนน่าจะพอมีฝีมืออยู่บ้างไม่มีเหมือนอาจารย์ใหม่แกะกล่องอย่างอาจารย์อลิซใช่มั้ยละคะ~”

 

“พูดมากน่า…”

 

อลิซพูดตัดบทเอริซาเบธที่กำลังพูดจายียวนกวนประสาทพร้อมกับส่ายหางไปมาอย่างอารมณ์ดีกลับไปแล้วจึงรีบเดินตรงออกจากห้องไป ซึ่งเอริซาเบธที่ยืนอยู่ใกล้ประตูกว่านั้นก็ได้ถือโอกาสแอบกระซิบใส่อลิซที่กำลังจะเดินผ่านไปด้วยความเป็นห่วง

 

“ถ้ายังไงก็อย่าฝืนตัวเองมากนักล่ะอลิซ ตอนนี้หน้าที่ของเธอจัดว่าเป็นส่วนสำคัญในแผนการของคุณเอริกะเขาเลยนะ”

 

“ฉันสั่งงานไปแล้วก็ไปทำซะสิ!”

 

“ค่า~ เข้าใจแล้วค่า~”

 

เอริซาเบธพูดตอบอลิซที่รีบเดินหนีออกไปจากห้องด้วยน้ำเสียงยียวนก่อนที่เธอจะเดินไปหยุดอยู่ที่หน้ากระดานดำแล้วจึงหันมามองเหล่าเด็กนักเรียนในห้องแล้วจึงพูดขึ้นมา

 

“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าอาจารย์อลิซจะโยนคาบโฮมรูมกลับมาให้อาจารย์เอริซะแล้วล่ะ ถ้าอย่างงั้นขอฝากมายะจังมาเอาเอกสารนี่ไปแจกจ่ายให้ทุกคนหน่อยสิจ๊ะ”

 

“อ…อ่ะ…ด…ได้ค่ะ…”

 

มายะที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องใกล้ๆ กันกับอัลเบิร์ตนั้นได้รีบร้อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินไปรับเอกสารมาจากเอริซาเบธด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่นากานั้นก็ได้ชะโงกหน้าไปถามคอนแนลที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยความแปลกใจ

 

“อ้าว… จะว่าไปมายะเขาเข้าห้องมาตอนไหนเนี่ย เมื่อกี้นี้ฉันไม่เห็นเธอตอนที่ตั้งแถวกันอยู่ที่ด้านล่างเลยนะ”

 

“คุณมายะเขาน่าจะอยู่ในอาคารเรียนตอนที่พวกเราเข้าร่วมพิธีล่ะมั้งครับ เพราะว่ายังไงเธอก็เป็นสมาชิกของสภานักเรียนนี่ครับ”

 

“เออเนอะ…มันก็จริงแฮะ…”

 

นากาพูดตอบคอนแนลกลับไปพลางมองดูมายะที่กำลังเดินก้มหน้าแจกจ่ายเอกสารด้วยความรวดเร็วโดยไม่ได้หยุดเพื่อเงยหน้ามองใครเลยแม้แต่สักคนเดียว อย่างน้อยก็จนกระทั่งเธอได้เดินมาถึงโต๊ะของนากาที่อยู่ท้ายห้องนั่นเอง

 

“น…นี่ค่ะ…น…นากา…”

 

“โอ้ ขอบใจนะมายะ ไหนดูสิ…”

 

นากาพูดขอบคุณมายะไปก่อนที่เขาจะลองมองดูกระดาษที่เพิ่งจะรับมาและพบว่ามันไม่ใช่ข้อสอบข้อเขียนแบบที่เขาคิดเอาไว้ในทีแรก แต่ว่ากลับเป็นเอกสารสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องวิธีการต่อสู้ของแต่ละคนนั่นเอง ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะมีถามถึงอาวุธประจำตัวและรูปแบบการต่อสู้ที่ถนัดอยู่บ้างแต่ว่ามันก็มีอยู่เพียงไม่กี่ข้อเท่านั้นในขณะที่เกือบทั้งหน้ากระดาษที่เหลือเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับวิธีการใช้วิซไปแทบจะทุกข้อ

 

“อ้ะจริงด้วยสิ~ ถ้าเกิดว่ามีตรงไหนที่ไม่มั่นใจว่าจะเขียนตอบยังไงดีก็ใส่ไปให้หมดเท่าที่จะคิดออกเลยนะจ๊ะ ส่วนตรงไหนที่ไม่มีหรือว่ากรอกไม่ได้ก็เว้นว่างไปได้เลยจ้ะ~”

 

ในขณะที่นากากำลังกลุ้มใจอยู่กับคำถามจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับวิซอยู่นั้นเอริซาเบธก็ได้พูดขึ้นมาก่อนจะแอบขยิบตาให้กับนากาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอตั้งใจที่จะพูดกับเขาโดยตรงนั่นเอง

 

ซึ่งนากาที่ได้ยินแบบนั้นก็พอจะโล่งใจขึ้นมาได้บ้างว่าเขาคงจะไม่โดนลงโทษอะไรถ้าเกิดว่าเขาเว้นว่างคำถามที่เกี่ยวกับวิซพวกนั้นไปจริงๆ จนกล้าที่จะเขียนตอบไปตรงๆ และหลังจากนั้นอีกไม่นานนักมายะก็ถูกเอริซาเบธสั่งให้เป็นคนเก็บรวบรวมเอกสารกลับไปให้เธอก่อนที่เอริซาเบธจะหอบกองเอกสารขึ้นมาและเดินออกจากห้องไป

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเธอนั่งคุยเล่นทำความรู้จักกันไปก่อนละกันเนอะ เดี๋ยวเอาไว้อาจารย์ตรวจดูเอกสารพวกนี้เสร็จแล้วจะมาเรียกอีกทีนะจ๊ะ~”

 

คำพูดทิ้งท้ายของเอริซาเบธที่บอกว่าให้เหล่าเด็กนักเรียนพูดคุยกันได้ตามสบายนั้นทำให้เกิดเสียงพูดคุยดังกระหึ่มขึ้นมาในทันที ซึ่งเสียงของคนที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกซะจากอัลเบิร์ตที่ปากเสียที่สุดนั่นเอง

 

“ให้ตายสิ! เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่ห้านาทีแถมยังไม่ทันได้สอนอะไรเลยก็บอกว่าจะมีสอบสำคัญกันแล้วเนี่ยนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?”

 

“นั่นสิคะ ทำไมพวกเราถึงต้องมาสอบกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียนแบบนี้กันด้วยคะเนี่ย”

 

“แต่เห็นคุณผู้อำนวยการบอกว่าวิชาของอาจารย์อลิซเป็นวิชาใหม่นี่ครับ อาจารย์อลิซเขาก็เลยอาจจะอยากลองทดสอบพวกเราดูก่อนว่าจะสอนยังไงดีก็ได้นะครับ”

 

“แล้วนี่วิชาของอาจารย์อลิซเป็นวิชาอะไรกันแน่เนี่ย มีใครรู้บ้างหรือเปล่าว่าไอ้คำว่ายูนิตนี่มันหมายถึงอะไรน่ะ?”

 

ในระหว่างที่เหล่าเด็กนักเรียนในห้องต่างหันไปบ่นไม่ก็สอบถามกันเกี่ยวกับเรื่องของวิชาเรียนใหม่และตัวอาจารย์ผู้สอนกันอยู่นั้นทางด้านพวกนากาเองก็ได้พูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงด้วยเช่นเดียวกัน

 

“มาเริ่มสอนแค่วันแรกก็โดนพวกนักเรียนบ่นใส่ขนาดนี้แล้วอลิซเขาจะไหวมั้ยเนี่ย”

 

“เรียกว่าอาจารย์อลิซสิครับนากา… แต่ผมว่าอย่างอาจารย์อลิซคงจะไม่สนใจคำบ่นพวกนี้หรอกมั้งครับ เดี๋ยวก็คงจะพูดราวๆ ว่าถ้าใครมีปัญหานักก็ให้ลองมาสู้กับเธอดูสิอะไรประมาณนั้นนั่นแหล่ะครับ”

 

“นี่ๆ พริมจัง คิดเหมือนกันหรือเปล่าว่าวันนี้อาจารย์อลิซเขาดูหน้าบึ้งท่าทางใจร้ายมากเลยอ้ะ”

 

“เอ๋? ซิลจังคิดไปเองแล้วล่ะมั้ง พี่อลิซเขาก็หน้าบึ้งเป็นปกติอยู่แล้วนะ”

 

นากาที่ได้ยินบทสนทนาของซิลเวสและพรีมูล่านั้นได้เผยรอยยิ้มออกมาเพราะดูท่าทางว่าพรีมูล่าจะหาเพื่อนคนแรกในโรงเรียนของเธอได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ค่อนข้างจะรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะว่าซิลเวสนั้นมีนิสัยที่คล้ายกับพรีมูล่าอย่างไม่มีผิดเพี้ยนจนเขาไม่อยากจะคิดสภาพว่าถ้าสาวน้อยทั้งสองคนนี้เกิดงอแงขึ้นมาพร้อมกันจะเกิดหายนะอะไรขึ้นมาบ้าง

 

“หืม? จะว่าไปแล้วแบบนี้คาร์เทียร์อยู่ห้องเดียวกับพวกเราด้วยหรือเปล่าน่ะ”

 

นากาที่เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมายะ อัลเบิร์ต เซซิล ซิลเวส หรือแม้แต่กระทั่งซึบากิได้มาอยู่ในห้องเรียนเดียวกันแบบนี้นั้นก็ได้นึกถึงคนรู้จักอีกคนหนึ่งของเขาหรือก็คือคาร์เทียร์ที่เคยบอกว่ากับพวกเขาว่าเธอจะได้เข้าเรียนด้วยเหมือนกันขึ้นมาได้ แต่ว่าเมื่อเขาลองนึกดูดีๆ แล้วตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาในโรงเรียนนั้นเขาก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเธอเลยแม้แต่น้อย

 

“เอ๋…? จะว่าไปเมื่อตอนที่เข้าแถวกันอยู่ผมก็ไม่เห็นคาร์เทียร์เขาเหมือนกันนะครับ แบบนี้ถ้าเกิดว่าไม่ได้อยู่ห้องอื่นก็น่าจะอยู่ที่ห้องพยาบาลกับคุณอารอนแล้วล่ะมั้งครับ”

 

“ไหนนายบอกว่าอยู่ที่โรงเรียนต้องเรียกว่าอาจารย์ไง… แต่ฉันได้ยินมาว่าคาร์เทียร์เขามีปัญหาเรื่องควบคุมวิซนี่นา นี่อาการหนักถึงขั้นต้องประจำอยู่ที่ห้องพยาบาลเลยหรอ”

 

โมโกะที่นอนยืดแขนลงไปกับโต๊ะนักเรียนนั้นได้เอ่ยปากแซวคอนแนลที่เผลอหลุดปากเรียกอารอนว่าคุณขึ้นมา ก่อนที่เธอจะลองสอบถามเกี่ยวกับอาการของคาร์เทียร๋ที่เธอไม่ได้รู้จักด้วยมากนักขึ้นมา ซึ่งคอนแนลนั้นก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กลับไปเมื่อภาพสายฟ้าขนาดยักษ์ที่เป่าพวกเขากระเด็นไปไกลได้ผุดกลับขึ้นมาในหัวอีกครั้งและรีบพูดเปลี่ยนเรื่องไปเพราะว่าไม่อยากจะนึกถึงมันสักเท่าไหร่นัก

 

“ฮะฮะ… เชื่อผมเถอะครับโมโกะว่าไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้ๆ กับคาร์เทียร์ตอนที่เธอระเบิดพลังออกมาทั้งนั้นแหล่ะครับ… ว่าแต่อาจารย์อลิซเล่นประกาศออกมาว่าจะมีสอบกันตั้งแต่วันแรกนี่ก็ทำเอาวุ่นวายอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย”

 

“ก็เล่นไม่มีเวลาให้เตรียมตัวอะไรกันเลยนี่นะ…”

 

นากาที่ถูกสายฟ้าของคาร์เทียร์เล่นงานมาพร้อมกับคอนแนลนั้นได้ตอบคอนแนลกลับไปด้วยความรู้ทันว่าอัศวินหนุ่มพยายามที่จะพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา และทันใดนั้นเองซิลเวสที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่ที่ข้างๆ พรีมูล่าก็ได้พูดสนับสนุนขึ้นมาในทันที

 

“ก็จู่ๆ อาจารย์อลิซเขาเล่นประกาศว่าจะมีสอบสำคัญตั้งแต่วันแรกแบบนี้ใครเขาจะไม่โวยวายกันบ้างล่ะคะ อาจารย์อลิซทำแบบนี้นี่ไม่ยุติธรรมเลยเนอะพริมจัง!”

 

“ช่ายๆ! ไม่ยุติธรรมเลยเนอะซิลจัง!”

 

คำพูดของสองสาวที่ดูท่าทางจะเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยยิ่งกว่าที่พวกนากาคิดเอาไว้นั้นถึงกับทำให้สองหนุ่มแอบหน้าซีดไปเล็กน้อย เพราะดูท่าทางแล้วว่าหลังจากนี้ไปพวกเขาจะได้ปวดหัวขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน

 

ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่พวกเขากังวลขึ้นมาจริงๆ เพราะว่าทันใดนั้นเองซิลเวสที่แอบเหลือบไปมองทางประตูสักพักหนึ่งแล้วก็ได้พูดชวนเพื่อนใหม่ของเธออย่างพรีมูล่าไปหาเรื่องใส่ตัวขึ้นมาในทันที

 

“จะว่าไปอาจารย์อลิซกับอาจารย์เอริเขาออกไปข้างนอกกันได้สักพักนึงแล้วนี่นา… พวกเราลองออกไปดูกันหน่อยมั้ยพริมจัง?”

 

“เอ๋~? ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนดุเอาหรอกนะซิลจัง”

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่า~ แค่แอบดูนิดเดียวเอง~”

 

“นั่นสิเนอะ~ ไปกันเถอะซิลจัง~”

 

“เดี๋—-”

 

นากาที่ได้ยินว่าสองสาวกำลังวางแผนจะเล่นซนนั้นได้รีบหันไปหาพวกเธอและพยายามที่จะพูดห้ามขึ้นมาในทันที แต่ว่าเขาก็ตัดสินใจได้ช้าเกินไปเล็กน้อยเพราะว่าสาวๆ ทั้งสองคนได้เดินไปถึงที่หน้าประตูห้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่ายังไม่ทันที่พวกเธอจะได้เอื้อมมือไปที่ประตูห้องนั้นตัวประตูก็ได้ถูกผลักให้เปิดออกมาเองจากด้านนอกห้องซะก่อน

 

แกร๊ก…

 

“อ้ะ…”

 

“…..”

 

ผู้ที่ผลักประตูให้เปิดออกนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกซะจากอลิซที่สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางประตูห้องนั่นเอง ซึ่งอลิซนั้นก็ได้จ้องมองซิลเวสที่มีความสูงใกล้เคียงกับตัวเองอยู่เงียบๆ สักพักหนึ่งก่อนจะพูดถามขึ้นมา

 

“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนแล้วนี่นะ… ถ้าจำไม่ผิดเธอน่าจะชื่อว่าซิลเวสงั้นสินะ…?”

 

“ค—ค่ะ! ซิลเวสเองค่ะ! ส่วนคนข้างๆ หนูนี่ชื่—–”

 

ซิลเวสที่พยายามจะลากให้พรีมูล่ามาร่วมรับกรรมไปด้วยนั้นถึงกับชะงักไปในทันที เพราะว่าข้างๆ ตัวเธอนั้นไม่มีเพื่อนสาวผมชมพูที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดยืนอยู่ด้วยกันแล้วเนื่องจากว่าพรีมูล่าได้ฉวยจังหวะที่อลิซกำลังจ้องมองดูซิลเวสอยู่พุ่งกลับมานั่งประจำที่อย่างเรียบร้อยในชั่วพริบตา ซึ่งอลิซนั้นก็ได้ตวัดสายตาไปมองพรีมูล่าอยู่ชั่วขณะแล้วจึงพูดถามซิลเวสขึ้นมาอีกครั้ง

 

“แล้วเมื่อกี้นี้เธอคิดจะเปิดประตูห้องทำไมล่ะ? มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า?”

 

“เปล่าค่ะ! ม…ไม่มีอะไรค่ะ…”

 

“หืม…? ไม่มีอะไรงั้นหรอ? ถ้างั้นแล้วเธอมายืนอยู่ที่หน้าประตูนี่ทำไมล่ะ?”

 

“อ—เอ่อ…ก็แบบว่า…”

 

อลิซที่เคยพบซิลเวสมาก่อนหน้านี้เแล้วนั้นพอจะดูออกอยู่บ้างว่าเด็กสาวหูแมวผมสีฟ้าตรงหน้าเธอนั้นน่าจะมีระดับมันสมองไม่ได้ต่างจากพรีมูล่าที่อาศัยอยู่ด้วยกันมากสักเท่าไหร่นักจึงได้พูดหยอกเล่นขึ้นมาตามแบบฉบับของเธอ

 

แต่ว่าเมื่อดูจากสายตาของคนที่ไม่ได้รู้จักกับอลิซมาก่อนแล้วนั้นกลับดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดคาดคั้นเพื่อกดดันซิลเวสซะมากกว่า จนทำให้อัลเบิร์ตที่เห็นว่าซิลเวสผู้ร่าเริงถึงกับหูและหางตกนั้นอดไม่ได้ที่จะหันไปถามรีซาน่าที่นั่งอยู่ข้างๆ กันขึ้นมา

 

“นี่ยัยยักษ์ เธอไม่คิดจะเข้าไปช่วยซิลเวสสักหน่อยหรอ ไม่ใช่ว่าพวกเธอสองคนสนิทกันหรือไง?”

 

“เอ่อ… ไม่ไหวมั้งคะ ถึงฉันจะสนิทกับซิลจังเขาก็เถอะแต่ดูท่าทางว่าอาจารย์อลิซเขาจะโกรธจริงๆ จังๆ อยู่นะคะนั่น ฉันยังไม่อยากซวยไปด้วยนะคะ… แล้วก็ช่วยหยุดเรียกฉันว่ายักษ์ด้วยค่ะ”

 

“นี่จ่ะอลิซ~ ถ้าเป็นสองคนนี้น่าจะพร้อมที่สุดสำหรับวันนี้แล้วล่ะมั้ง~”

 

ในขณะที่รีซาน่ากำลังพูดตอบอัลเบิร์ตกลับไปนั้นเอริซาเบธก็ได้โผล่มาจากนอกห้องและเกยคางของเธอไว้บนหัวของอลิซที่ตัวเตี้ยกว่าเธอมากก่อนจะยื่นกระดาษแบบสอบถามสองแผ่นมาขวางหน้าของอลิซเอาไว้ ซึ่งอลิซนั้นก็ได้มองดูเอกสารทั้งสองแผ่นก่อนที่เธอจะคว้ามาเพียงแค่แผ่นเดียวและหันไปพูดบอกกับซิลเวสที่ยืนหูตกอยู่ตรงหน้า

 

“งั้นก็พอดีเลย… ไหนไปหยิบอาวุธของเธอมานี่หน่อยซิ”

 

“เอ๋ะ? อาวุธของหนูหรอ? ขอเวลาแป๊บนึงนะคะ”

 

ซิลเวสที่ได้ยินอลิซสั่งมาแบบนั้นได้ตอบกลับไปอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะเดินไปทางด้านหลังห้องและเปิดประตูตู้เก็บของส่วนตัวของเธอที่ขนาดใหญ่กว่าของคนอื่นสักเท่าหนึ่งได้ออกมาเผยให้เห็นค้อนเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกเก็บเอาไว้ภายใน ซึ่งเมื่อพรีมูล่าได้เห็นแบบนั้นเธอก็ได้พูดถามออกไปด้วยความเป็นห่วงในทันทีเพราะว่าแค่ตัวหัวค้อนมันก็แทบจะใหญ่เกินกว่าครึ่งหนึ่งของตัวซิลเวสเองไปแล้วซะด้วยซ้ำ

 

“ถือไหวมั้ยอ่ะซิลจัง? ให้ช่วยยกมั้ย?”

 

“หนูถือไหวน่าพริมจัง~ ไม่งั้นหนูจะเอามันมาเก็บในตู้นี่ตั้งแต่แรกได้ยังไงใช่มั้ยล่ะ~”

 

“นั่นมันอาวุธของซิลเวสหรอน่ะคอนแนล…? ตอนที่ตั้งแถวกันอยู่ซิลเวสเขาไม่ได้พกอะไรแบบนั้นมาด้วยไม่ใช่หรือไงน่ะ?”

 

“อ๋อ ซิลเวสเขาน่าจะเอามาเก็บไว้ในห้องเรียนตั้งแต่เช้าแล้วล่ะมั้งครับ เพราะถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าเธอจะพักอยู่ที่หอพักของทางโรงเรียนน่ะครับ”

 

“อ้ะ…”

 

ในขณะที่นากากำลังหันไปคุยกับคอนแนลอยู่นั้นก็ได้มีเสียงของพรีมูล่าดังขึ้นมาเบาๆ ด้วยความตกใจจนทำให้พวกเขาต้องหันกลับไปมอง ซึ่งพวกเขาก็ได้พบว่าทันทีที่ซิลเวสเอื้อมมือไปจับอาวุธประจำตัวเธอนั้นตัวด้ามของค้อนขนาดใหญ่ก็ได้เรืองแสงสีเหลืองจางๆ ออกมาก่อนที่เธอจะหยิบมันมาถือพาดไหล่เอาไว้ด้วยท่าทีสบายๆ จนทำให้พรีมูล่าถึงกับตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

 

ซึ่งซิลเวสนั้นก็ได้หันกลับมายิ้มแฉ่งให้พรีมูล่าแบบที่ใครเห็นแล้วก็รู้สึกว่าอยากดึงแก้มนิ่มๆ ของเธอเข้าไปสักทีหนึ่งแล้วจึงเดินออกไปทางประตูหลังห้องเพื่อไปพบกับอลิซที่ปิดประตูกลับไปรออยู่ข้างนอกตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่รู้

 

และเมื่อซิลเวสได้เดินออกมาจากห้องแล้วนั้นเอริซาเบธที่ถือคริสตัลสีใสนั่งรออยู่ข้างๆ อลิซที่กำลังวุ่นวายอ่านเอกสารแบบสอบถามอยู่ก็ได้กวักมือเรียกเธอให้เดินไปหาในทันที

 

“มาทางนี้ได้เลยจ้าซิลเวส~”

 

“ค่าาาา~”

 

ซิลเวสขานตอบเอริซาเบธกลับไปก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปใกล้ๆ กับเอริซาเบธและค่อยๆ วางค้อนขนาดใหญ่ลงไปบนพื้นเบาๆ เพื่อไม่ให้พื้นทางเดินเกิดความเสียหายขึ้นมาเพราะน้ำหนักของมัน

 

“อื้ม… ดูแล้วไม่มีส่วนไหนที่มีคม ถ้างั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรล่ะมั้ง แต่ถึงยังไงตอนเธอใช้มันก็ระวังๆ หน่อยละกันเนอะ~”

 

“รับทราบแล้วค่ะ~ ว่าแต่สรุปว่าการสอบที่ว่านี่เป็นการสอบวิชาการต่อสู้หรอคะ?”

 

“เรื่องนั้นเดี๋ยวเอาไว้ให้อาจารย์อลิซเขาเป็นคนอธิบายเองดีกว่าจ้ะ แต่ตอนนี้ถอยออกมาห่างๆ ก่อนดีกว่าเพราะท่าทางว่าอาจารย์อลิซเขาจะหัวหมุนกับกองเอกสารเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้วล่ะ~”

 

“ให้ตายสิ ยิ่งดูก็ยิ่งเลือกยากแฮะ… ใกล้ได้เวลาแล้วซะด้วยสิ… งั้นเอาเป็นเจ้าหมอนั่นไปก่อนละกัน…”

 

อลิซที่นั่งเทียบเอกสารของคนอื่นๆ กับของซิลเวสเพื่อหาคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมให้ซิลเวสอยู่นั้นได้บ่นพึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนที่เธอจะตัดสินใจที่วางเอกสารในมือลงและเดินไปเรียกคนใกล้ตัวที่น่าจะรับมือค้อนยักษ์ของซิลเวสได้ขึ้นมาแทน

 

“คอนแนล! หยิบอาวุธแล้วออกมาข้างนอกนี่หน่อย!”

 

“อ—เอ๋ะ? ครับ!?”

 

คอนแนลที่กำลังพูดคุยเล่นกับนากาอยู่นั้นได้เดินไปหยิบดาบและโล่ของเขาออกมาจากตู้เก็บของก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไปด้านนอกห้องเรียนท่ามกลางความสงสัยของเหล่าเด็กนักเรียนห้องสามว่าอาจารย์ใหม่อย่างอลิซจะเรียกตัวเด็กนักเรียนติดอาวุธทั้งสองคนออกไปทำไมกัน

 

ซึ่งคอนแนลที่เพิ่งจะปิดประตูห้องกลับไปตามเดิมนั้นก็ได้ถูกเอริซาเบธยึดดาบและโล่ของเขาไปสักพักเพื่อทำการเคลือบคมด้วยคริสตัลสีใสก่อนจะส่งมันกลับคืนไปให้เขา

 

“เสร็จแล้วจ้า~ เดี๋ยวหลังจากนี้พวกเธอก็เอาไปฟาดกันได้ตามสบายเลย~”

 

“เอาไปฟาดกันงั้นหรอครับ…? นี่กะจะให้พวกผมทำอะไรกันแน่ครับเนี่ย?”

 

“เรื่องนั้นเดี๋ยวเอาไว้พวกเธอเดินตามอลิซไปก็จะได้รู้เองแหล่ะจ๊ะ เนอะอาจารย์อลิซ~”

 

เอริซาเบธผู้ที่ชอบโยนงานเล็กๆ น้อยๆ ไปให้คนอื่นนั้นได้บอกปัดภาระไปให้อลิซที่เป็นเจ้าของวิชาเรียนตอบเองในทันที แต่ว่าก่อนที่อลิซจะได้พูดตอบอะไรกลับไปนั้นก็ได้มีเสียงโวยวายของอัลเบิร์ตดังแว่วๆ ออกมาจากห้องเรียนเข้าซะก่อน

 

‘เฮ้ย พวกนายจะคุยกันก็ไม่มีใครว่าแต่ว่าอย่าลุกขึ้นจากที่นั่งสิโว้ย!!’

 

“ให้ตายสิ… ถ้างั้นฉันฝากเธอเข้าไปคุมพวกนักเรียนในห้องให้หน่อยสิเพราะยังไงคาบต่อไปเธอก็ว่างอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”

 

“จุ๊ๆ อาจารย์อลิซจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ เพราะถ้าเกิดว่าอาจารย์ประจำวิชาที่เป็นอาจารย์ใหม่หายตัวไปตั้งแต่คาบเรียนแรกแบบนี้เดี๋ยวพวกนักเรียนก็ไม่เคารพกันหรอกค่ะ”

 

“เฮ้อ… ถ้างั้นเดี๋ยวเธอบอกให้พวกที่เหลือตามออกมาดูการสอบที่หน้าระเบียงก็แล้วกัน”

 

อลิซที่ได้รับคำแนะนำในรูปแบบคำพูดกวนๆ มาจากเอริซาเบธนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายและพูดตอบกลับไปแบบส่งๆ ก่อนที่เธอจะหันไปบอกกับเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่ถูกเรียกตัวมาให้เดินตามเธอไป

 

“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวพอไปถึงข้างล่างนั่นแล้วฉันจะอธิบายให้ฟังอีกทีนึงเอง”

 

“ครับ / ค่าาา~”

 

คอนแนลและซิลเวสได้ขานตอบอลิซก่อนจะออกเดินตามเธอไป ซึ่งเอริซาเบธที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างนั้นก็ได้รอเวลาอีกสักพักหนึ่งเพื่อให้สาวน้อยผมขาวอารมณ์ร้อนเดินลงบันไดไปก่อนแล้วจึงค่อยหันกลับไปทางด้านห้องเรียนและโคลงหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจ เพราะว่าเหล่าเด็กนักเรียนในห้องเรียนนั้นกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของอาจารย์อลิซกันอย่างอย่างเมามัน

 

‘ตอนที่เห็นบนเวทีฉันก็นึกว่าอยู่ไกลไปเลยเห็นว่าตัวแค่นั้น ที่ไหนได้ยัยนั่นดันตัวเตี้ยจริงๆ ต่างหากล่ะ’

‘นี่พวกนายอย่าไปล้อเลียนเรื่องส่วนสูงของคนอื่นสิ!’

‘เอาจริงๆ ฉันก็เคยได้ยินมาว่าอาจารย์อายะเองก็เริ่มมาสอนหนังสือตอนที่ขนาดตัวพอๆ กันเนี่ยแหล่ะ’

‘ถึงจะตัวแค่นั้นแต่ว่าถึงขั้นมาเป็นอาจารย์ได้นี่ก็น่าจะมีฝีมืออยู่พอสมควรเหมือนกันนะ’

 

“อะแฮ่ม!”

 

‘เฮ้ย— ยัยจิ้งจอกกลับมาแล้ว!’

‘พวกเรากลับที่นั่งเร็ว!’

 

เสียงกระแอมของเอริซาเบธที่ยื่นหน้าผ่านประตูมานั้นทำให้เหล่าเด็กนักเรียนที่ลุกขึ้นไปจับกลุ่มคุยกันอย่างเมามันสะดุ้งเฮือกและแตกฮือกลับไปยังที่นั่งของตัวเองกันในพริบตาก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ท่ามกลางความเงียบราวกับว่าไม่เคยมีการจับกลุ่มคุยกันเสียงดังเกินขึ้นมาก่อน ซึ่งเอริซาเบธที่เห็นแบบนั้นก็ได้ทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา

 

“ที่คอนแนลกับซิลเวสถูกเรียกออกไปแบบนั้นเพราะว่าพวกเขาจะเป็นคู่แรกที่เริ่มทำการสอบน่ะ พวกเธอสนใจจะออกไปดูกันมั้ยเอ่ย~?”

 

“หนูอยากดู~”

 

“ต…แต่ว่า พ…พวกเรา… อยู่ใน ค..คาบเรียนนะคะ…”

 

ในขณะที่พรีมูล่าตอบคำถามของเอริซาเบธไปอย่างร่าเริงนั้นทางด้านมายะที่เป็นผู้ช่วยประธานนักเรียนกลับพูดท้วงขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนทำให้อัลเบิร์ตที่ได้ยินคำพูดตะกุกตะกักแบบนั้นได้ช่วยพูดถามขึ้นมาให้ชัดๆ แทนเธอเอง

 

“ถึงเจ้าของวิชาจะพาสองคนนั้นออกไปสอบกันแล้วก็เถอะแต่ว่าถ้าคนอื่นๆ ออกไปข้างนอกห้องกันตอนนี้จะไม่โดนอาจารย์คนอื่นเขาว่าเอาหรือไง?”

 

“จุ๊ๆ ถ้าเกิดว่าพวกเราแค่ออกไปที่ระเบียงหน้าห้องแล้วไม่ส่งเสียงดังอาจารย์ท่านอื่นก็ไม่รู้หรอกใช่มั้ยล่ะ~”

 

“เย้~!”

 

“นี่! อาจารย์เอริซาเบธเพิ่งจะบอกว่าอย่าส่งเสียงดังไม่ใช่หรอพรีมูล่า!”

 

นากาที่ได้ยินพรีมูล่าส่งเสียงร้องออกมาเสียงดังด้วยความดีใจที่จะได้เห็นคนสู้กันนั้นได้เอ่ยปากเตือนน้องสาวของเขาไปในทันที แต่ว่าเสียงเตือนของเขานั้นก็กลับดังไม่แพ้เสียงของพรีมูล่าเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เซซิลที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา

 

“พวกนายก็เสียงดังกันทั้งคู่นั่นแหล่ะ…”

 

“อ่ะ– แหะๆ โทษทีๆ”

 

นากาที่ถูกเซซิลพูดว่าใส่นั้นเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงที่เขาพูดเตือนพรีมูล่านั้นคงจะดังไม่ใช่น้อยเพราะมันถึงขั้นทำให้เซซิลถึงกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาได้ ซึ่งพรีมูล่าที่เห็นพี่ชายของตัวเองถูกดุนั้นก็ได้รีบพูดขึ้นมาเพื่อปกป้องเขาในทันที

 

“หน่าๆ นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอกเนอะพี่เซซิล~”

 

“เฮ้อ….”

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นใครอยากจะดูก็ออกไปที่ด้านนอกระเบียงกันได้เลย แต่ยังไงก็อย่าส่งเสียงดังมากจนรบกวนห้องอื่นละกันนะจ๊ะ~”

 

ในขณะที่เซซิลกำลังถอนหายใจอยู่นั้นเอริซาเบธก็ได้พูดขึ้นมาอย่างร่าเริงก่อนที่เธอจะหดหัวกลับออกไปด้านนอกห้อง ซึ่งทางด้านพวกเด็กนักเรียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ต่างพากันลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปดูการต่อสู้ของซิลเวสและคอนแนลกัน

 

แต่ถึงแม้ว่าเหล่าเด็กนักเรียนส่วนมากจะพากันเดินออกไปรับชมเรื่องสนุกๆ กันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีเด็กนักเรียนบางส่วนที่เหมือนจะไม่สนใจจะออกไปดูอยู่บ้างเหมือนกันอย่างเช่นเซซิลที่ได้เดินไปหยิบดาบคาตานะของเธอออกมาทำความสะอาด มายะที่หยิบหนังสือออกมาอ่านอยู่เงียบๆ พิเน๊ะที่กำลังหันไปหันมาเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดความสนใจเธออยู่ แล้วก็ซึบากิที่กำลังพูดพึมพำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว

 

ส่วนทางด้านนากานั้นก็ถูกพรีมูล่าที่กำลังตื่นเต้นลากตัวออกไปยังระเบียงทางเดินและได้มองลงไปยังด้านล่างก่อนจะพบว่าอลิซที่พาตัวเด็กนักเรียนทั้งสองคนลงไปที่สนามหญ้านั้นกำลังเดินตรงไปทางอารอนกับคาร์เทียร์ที่กำลังอุ้มกระเป๋าพยาบาลของอารอนเอาไว้ในอ้อมกอดอยู่

 

“อ้ะ นั่นพี่อารอนนี่นา”

 

“อยู่ในโรงเรียนต้องเรียกว่าอาจารย์อารอนสิพรีมูล่า”

 

“หืมมม”

 

หูแมวบนศีรษะของซึบากิที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับประตูนั้นถึงกับกระดิกไปมาในทันทีที่เธอได้ยินชื่อของอารอนดังขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเงียบลงไปสักพักหนึ่งแล้วจึงจับดาบสีม่วงในมือของเธอเขย่าอย่างรุนแรงและหลังจากนั้นซึบากิก็ได้หันไปมามองดูเหล่าเด็กนักเรียนที่เหลืออยู่ในห้องก่อนจะแอบลุกขึ้นอย่างเงียบๆ โดยพยายามไม่ให้เป็นจุดสังเกตเพื่อออกไปแอบดูด้านล่างสนามหญ้าเหมือนกับคนอื่นๆ ในทันที

 

ซึ่งที่ด้านล่างสนามหญ้านั้นอารอนก็ได้เลิกคิ้วมองดูเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่อลิซเลือกมาอยู่สักพักแล้วจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ แบบทุกที

 

“เลือกผู้โชคร้ายของวันนี้ได้แล้วหรออลิซ…?”

 

“เสียมารยาทน่า!”

 

“แค่ล้อเล่นเฉยๆ น่า… งั้นถ้าเกิดว่าพร้อมกันเมื่อไหร่ก็เริ่มสู้กันให้เต็มที่ได้เลย…”

 

“สวัสดีค่ะพี่คอนแนล ล…แล้วก็ซิลเวส…จัง…สินะคะ”

 

ในขณะที่อารอนกำลังพูดหยอกล้ออลิซเล่นอยู่นั้นทางด้านคาร์เทียร์ก็ได้เอ่ยปากทักทายคอนแนลที่เธอไม่ได้พบหน้ามาสักพักหนึ่งแล้วขึ้นมาก่อนที่เธอจะหันไปพูดทักทายซิลเวสต่อด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ราวกับกลัวว่าจะเรียกชื่อสาวน้อยหูแมวผมสีฟ้าคนนี้ผิดไป ซึ่งซิลเวสที่ถูกเอ่ยปากทักทายนั้นก็ยิ้มแป้นและส่ายหางไปมาด้วยความตื่นเต้นราวกับว่ากำลังดีใจที่จะได้เพื่อนใหม่อีกคนหนึ่ง

 

“อื้อ หนูชื่อซิลเวสถูกแล้วล่ะค่ะ พี่คงจะเป็นพี่คาร์เทียร์ที่อาจารย์อลิซพูดถึงเมื่อกี้นี้สินะคะ~? ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ~”

 

“อ–อื้อ! ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันนะซิลเวสจัง!”

 

ท่าทางเป็นมิตรของซิลเวสนั้นทำให้คาร์เทียร์รู้สึกผ่อนคลายลงไปมากจนทำให้เธอได้รีบพยักหน้าและยิ้มตอบแมวน้อยสีฟ้าที่น่ารักน่าชังกลับไปในทันที

 

ซึ่งทางด้านคอนแนลที่เห็นว่าคาร์เทียร์เริ่มที่จะรู้จักเข้าหาคนอื่นแล้วนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเพราะเขารู้ดีว่าเด็กสาวผมสีเทาได้ผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจมาหลายๆ อย่างก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง

 

“สวัสดีครับคาร์เทียร์ ไม่ได้เจอกันสักพักนึงแล้วยังสบายดีอยู่มั้ยครับ?”

 

“ค…ค่ะ เอาจริงๆ หนูก็อยากจะไปนั่งเรียนด้วยกันกับพวกพี่ๆ นะคะ แต่ว่าอาจารย์พี่อารอนไม่อนุญาตแล้วก็บอกให้มาอยู่ที่ห้องพยาบาลแทนน่ะค่ะ…”

 

“อาจารย์พี่อารอนหรอ? เรียกได้แปลกดีจัง~ แล้วนี่คาร์เทียร์จังป่วยอะไรถึงต้องอยู่ประจำที่ห้องพยาบาลหรอ?”

 

“ก…ก็นิดหน่อยแหล่ะค่ะ… แต่ว่าได้พี่อารอนคอยช่วยดูแลให้ก็เลยดีขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้ไปเรียนในห้องเรียนกับทุกคนแล้วล่ะมั้งคะ… อ่ะ–เอาเป็นว่าเดี๋ยวหนูไปยืนรออยู่กับอาจารย์อารอนตรงนั้นก่อนละกันนะคะ พวกพี่ๆ จะได้เริ่มสอบกันสักที”

 

คาร์เทียร์ที่ถูกถามขึ้นมาแบบนั้นได้พยายามที่จะพูดเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะรีบเดินหนีไปในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้หูแมวของซิลเวสถึงกับพับตกลงมาเล็กน้อยเพราะคิดว่าตัวเองเผลอถามอะไรที่ไม่ควรเข้าไปจนทำให้คอนแนลที่เห็นแบบนั้นได้ยื่นมือไปลูบหัวของซิลเวสไปมาเบาๆ เพราะเขารู้ดีถึงสาเหตุที่คาร์เทียร์ไม่อาจจะบอกอะไรให้ซิลเวสฟังได้

 

“อย่าคิดมากไปเลยครับซิลเวส ตอนนี้คาร์เทียร์เขายังไม่พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไหร่น่ะครับ”

 

“อ.. อื้อ…”

 

ซิลเวสที่ถูกคอนแนลลูบหัวปลอบใจนั้นเหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นมามากก่อนที่เธอจะหันไปมองทางคาร์เทียร์ที่เดินหนีไปและพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังถูกอารอนลูบหัวอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

 

ซึ่งภาพของคาร์เทียร์ที่ถูกอารอนลูบหัวอยู่นั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเธอกับคอนแนลและเหล่าเด็กนักเรียนที่เกาะขอบระเบียงอยู่ที่เห็นแบบนั้น แต่ว่ามันก็รวมไปถึงซึบากิที่แอบเดินออกมาจากห้องเพื่อดูอาจารย์อารอนของเธอด้วยเช่นเดียวกัน

 

“ซ—ซึบากิจัง… ทำไมถึงทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นล่ะคะ…”

 

“เปล่า… ไม่มีอะไร…”

 

“ค…ค่ะ…”

 

รีซาน่าที่เอ่ยปากถามซึบากิขึ้นมาหลังจากที่เห็นหญิงสาวหูแมวผมดำจ้องมองไปด้านล่างด้วยสีหน้าปานจะกินเลือดกินเนื้อนั้นได้แต่รีบหันหน้าหนีกลับไปมองทางสนามหญ้าในทันทีเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาในขณะที่ทางด้านล่างสนามหญ้านั้นอลิซก็กำลังจะเริ่มอธิบายเกี่ยวกับการสอบครั้งนี้ขึ้นมา