ตอนที่ 56 คนชั่ว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

“เยี่ยม!”

ท่ามกลางบรรดาชาวบ้านที่รายล้อม ไม่รู้ผู้ใดกล่าวชมออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วก็รีบหดศีรษะลงทันที เกรงว่าคนของเหลียงอ๋องจะเห็นแล้วโดนโทษที่ล่วงเกินเหลียงอ๋อง

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ผู้คนเห็นถึงความซื่อตรง และหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตระกูลไป๋ มองเพียงด้านเดียวก็เห็นทะลุไปทั้งหมด เห็นว่าคนตระกูลไป๋จิตใจเด็ดเดี่ยวเพียงใด มีตระกูลไป๋ที่ดำรงคุณธรรม รักและห่วงใยชาวบ้าน คอยปกป้องคุ้มครองแคว้นต้าจิ้นอยู่เช่นนี้ แคว้นต้าจิ้นจะไม่สงบสุขได้เช่นไร

“คุณหนูใหญ่ไป๋ องค์ชายมิได้ทรงหมายความเช่นนั้นนะขอรับ สาวใช้ผู้นี้คิดเองเออเองทั้งนั้นขอรับ!” พ่อบ้านจวนเหลียงอ๋องโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยความยำเกรง

“คุณหนูไป๋จะผิดใจกับเหลียงอ๋องเพราะสาวใช้ผู้นี้มิได้นะขอรับ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ก็รบกวนให้จวนเหลียงอ๋องดูแลบ่าวรับใช้ของตัวเองให้ดีด้วย อย่ามาก่อปัญหาที่จวนไป๋ของข้าอีก! เหลียงอ๋องเป็นถึงองค์ชายก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ชาวบ้าน ดำรงคุณธรรม ทำในสิ่งที่ถูกต้อง จิตใจเด็ดเดี่ยวรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดมิควรทำ อย่าได้ทำพฤติกรรมหยาบคายเช่น การซื้อตัวบ่าวรับใช้เพื่อสืบเรื่องส่วนตัวของสตรีจนทำลายเกียรติของราชวงศ์เช่นนี้อีก!” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มเย็น เหลือบมองไปทางถงจี๋

“เสี่ยวซื่อ ปล่อยนาง!”

“เจ้ารอดตัวไป!” ไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยความหงุดหงิด กัดฟันผลักตัวหงเชี่ยวซึ่งถูกนางจับกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้นออกไป หากพี่หญิงใหญ่ไม่ห้ามนาง นางจะโบยบ่าวต่ำช้าผู้นี้สักร้อยที

เกาเซิงผู้นิ่งขรึมเห็นว่าหงเชี่ยวจะใช้ปิ่นฆ่าตัวตายอีกรอบจึงรีบเข้าไปห้ามเอาไว้

“องครักษ์เกา ปล่อยให้ข้าตายไปเถิด! ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าองค์ชายมีใจให้คุณหนูใหญ่ไป๋ นึกว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ทราบเรื่องที่ข้าปรนนิบัติองค์ชายจึงไม่ยอมพบหน้าพระองค์ นึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ไป๋จะเข้าใจองค์ชายผิดถึงเพียงนี้! คุณหนูใหญ่ไป๋เจ้าคะ องค์ชายมิได้สั่งให้บ่าวมานะเจ้าคะ บ่าวมาของบ่าวเอง…คุณหนูได้โปรดอย่าเข้าใจผิดองค์ชายเลยนะเจ้าคะ!”

หงเชี่ยวร้องไห้อย่างน่าเวทนา

“ไม่ว่าเจ้าจะมาอาละวาดที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงตามคำสั่งของเหลียงอ๋องหรือเพราะความเห็นตัวของเจ้าเอง! อย่างไรซะ…ผู้ที่ซื้อตัวบ่าวใช้ในจวนมอบป้ายหยก และลอบนัดพี่หญิงใหญ่ไปพบก็คือเหลียงอ๋องของพวกเจ้าอยู่ดี!”

ไป๋จิ่นถงกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น จากนั้นหันไปกล่าวกับพ่อบ้านจวนเหลียงอ๋อง

“เหล่าเวิงช่วยดูแลบ่าวในจวนเหลียงอ๋องให้ดีด้วย หากยังอาละวาดอยู่เช่นนี้อาจรบกวนไปถึงองค์หญิงใหญ่ ท่านย่าของข้า…”

“ขอรับๆ!” พ่อบ้านจวนเหลียงอ๋องรีบหันไปกล่าวกับเกาเซิง “องครักษ์เกา รีบนำตัวนางผู้นี้ออกไป!”

เกาเซิงพยักหน้า

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง มองดูเกาเซิงที่เดินห่างออกไปด้วยแววตาเย็นชา

เกาเซิงคือองครักษ์ฝีมือดีที่สุดของเหลียงอ๋อง ตู้จือเวยคือที่ปรึกษาที่เก่งกาจที่สุดของเหลียงอ๋อง ไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของหงเชี่ยวในวันนี้คือแผนการของตู้จือเวยหรือไม่ หากว่าใช่…นางก็คงมองตู้จือเวยสูงไปจริงๆ

“กลับกันเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยบอกไป๋จิ่นถงและไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อมองดูพ่อบ้านจวนเหลียงอ๋องโค้งกายคำนับลา แววตาโมโหอย่างเปิดไม่ปิด กำแส้ในมือแน่นพลางเดินกลับเข้าจวน

ใกล้จะถึงวันสิ้นปีไป๋ชิงเหยียนยิ่งไม่สบายใจ กลางดึกมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะฝันร้ายเรื่องที่บุรุษตระกูลไป๋ล้วนจบชีวิตลงที่หนานเจียงในชาติที่แล้ว

ยามอิ๋น[1]ของวันที่ยี่สิบเก้า เดือนสิบสองเพิ่งพ้นไป ทุกอย่างเงียบสงัด เสียงลมหนาวพัดผ่าน เสียงหิมะตกดังแว่วเข้ามาจากหน้าต่าง

เสียงคนเคาะประตูเรือนชิงฮุยทำให้ไป๋ชิงเหยียนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้น ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียงลมหนาวพัดผ่าน

หญิงสาวตื่นจากฝันร้ายหัวใจเต้นแรงอย่างตื่นตระหนก มองไม่เห็นชุนเถาที่อยู่เฝ้ายามกลางคืนหญิงสาวเอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า “ชุนเถา…”

หน้าประตูเรือน ชุนเถาใบหน้าซีดเผือดได้ยินเสียงเรียกของไป๋ชิงเหยียนจึงหันกลับไปมองทางห้องนอนแวบหนึ่ง เอ่ยบอกหลูผิงซึ่งอยู่หน้าประตู

“คุณหนูตื่นแล้ว ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานให้คุณหนูทราบเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”

ชุนเถาไม่สนใจหิมะ และไอเย็นที่ติดอยู่ตามร่างกายรีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างร้อนรน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ชุนเถารีบย่อกายเคารพพลางเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่ แม่นางเสิ่นสั่งให้อู๋เจ๋อนำจดหมายมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ อู๋เจ๋อเลือดไหลไม่หยุดเกรงว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน องครักษ์หลูผิงกลัวว่าจะไม่ทันการจึงมาพบคุณหนูกลางดึกเช่นนี้เจ้าค่ะ!”

ศีรษะของหญิงสาวบีบรัดแน่นลุกขึ้นยืนในทันที น้ำเสียงสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่

“เอาเสื้อคลุมมาให้ข้าเร็ว!”

ไป๋ชิงเหยียนอยู่ในชุดสีขาวราวกับหิมะสวมทับด้วยเสื้อคลุม เร่งฝีเท้าเดินฝ่าหิมะออกไปอย่างรวดเร็ว

ลมหนาวเย็นเยือก รายล้อมด้วยหิมะที่โปรยลงมาแทรกซึมไปทั่วร่างของหญิงสาว

“คุณหนูใหญ่!” หลูผิงโค้งกายทำความเคารพ

หญิงสาวรั้งหลูผิงให้ลุกขึ้น “ท่านนำคนไปไว้ที่ใด รีบพาข้าไปพบโดยเร็วเถิด!”

หลูผิงเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของไป๋ชิงเหยียนจึงไม่กล้าเสียเวลาอีก รีบถือไฟเดินนำทางไปด้านหน้า หญิงสาวกุมมือของชุนเถาแน่น ก้าวฝีเท้ายาวเดินฝ่าหิมะไปยังประตูหลังจวนพร้อมกับหลูผิง และชุนเถา

ลมหิมะกระทบลงบนใบหน้าของหญิงสาว นางปวดแสบดวงตาราวกับถูกใบมีดกรีด รู้สึกเจ็บจนชาไปหมด

ทั้งสามคนเดินไปถึงมุมหนึ่งของประตู ไป๋ชิงเหยียนที่เดินฝ่าหิมะหนาวจนแข็งไปทั้งร่าง ใบหน้าเขียวช้ำคล้ำ

เมื่อองครักษ์ที่เฝ้าอู๋เจ๋ออยู่ข้างเตียงเห็นหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่!”

“คุณ…คุณหนูใหญ่!” อู๋เจ๋อพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ทุกคำที่กล่าวออกมาเต็มไปด้วยเลือดที่กระอักออกมา น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ ไม่สนใจมารยาทระหว่างชายหญิงรีบถลาเข้าไป มือที่เย็นเฉียบประคองอู๋เจ๋อเอาไว้ “ข้าอยู่นี่…”

หลูผิงรีบนำเบาะนั่งรองไปที่หลังของอู๋เจ๋อ

เมื่ออู๋เจ๋อหายใจสะดวกขึ้นจึงกล่าวอย่างร้อนรน

“ข้ามุ่งหน้าไปที่หนานเจียงโดยไม่หยุดพัก เมื่อผ่านสันเขาฉงหลวนก็ได้พบกับฟางเหยียนผู้นำค่ายเหมิ่งหู่ของกองทัพไป๋ซึ่งกำลังถูกไล่ฆ่า แค่กๆ พวกข้าพยายามเต็มที่แต่ก็รักษาไว้ได้แค่ม้วนไม้ไผ่[2]ที่ขุนนางผู้เขียนบันทึกซึ่งติดตามกองทัพไปด้วยจดบันทึกสถานการณ์การรบไว้ซึ่งแม่ทัพฟางเหยียนปกป้องมันไว้ด้วยชีวิต แม่ทัพฟางเหยี่ยนกล่าวเพียงว่ามีไส้ศึกทำลายกองทัพไป๋…แค่กๆ พวกนักฆ่ากรูกันเข้ามา แม่นางเสิ่นต้องการรักษาม้วนไม้ไผ่เอาไว้จึงนำจี้ถิงอวี๋และเว่ยเกา ล่อพวกนักฆ่าไปทางอื่นกำชับว่าต่อให้ตายข้าก็ต้องนำม้วนไม้ไผ่กลับมาที่เมืองหลวงมอบมันให้ถึงมือคุณหนูใหญ่ให้จงได้ขอรับ!”

อู๋เจ๋อกล่าวพลางก้มหน้าลง มือที่เต็มไปด้วยรอยเลือดที่แห้งกรังแหวกเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างสั่นเทา ม้วนไม้ไผ่ที่เปื้อนไปด้วยเลือดสดมัดติดกับกายของเขาอย่างแน่นหนา

“อู๋เจ๋อ เจ้าทำหน้าที่สำเร็จแล้ว!”

ชุนเถายกมือกุมปาก มองดูม้วนไม้ไผ่ที่แทบฝังลงในกายซึ่งอาบไปด้วยเลือดของอู๋เจ๋อ นางขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

“ม้วนไม่ไผ่ที่พี่น้องทุกคนปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิตถูกส่งถึงมือคุณหนูอย่างปลอดภัยแล้ว อู๋เจ๋อสามารถไปพบพวกเขาในปรโลกได้อย่างสบายใจแล้วขอรับ! แค่กๆ…”

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันแน่น ละสายตาจากม้วนไม้ไผ่ รู้สึกปวดร้าวใจจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ มองไปทางอู๋เจ๋อซึ่งยกยิ้มที่มุมปาก

“คุณหนูใหญ่ อู๋เจ๋อมิกลัวตายขอรับ อู๋เจ๋อขอแค่องค์หญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่อย่าปล่อยคนทรยศที่ทำร้ายกองทัพไป๋ไปเด็ดขาดนะขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนเม้มปากเป็นเส้นตรง น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วยความยากลำบาก มือที่สั่นเทาลูบไปที่บ่าของอู๋เจ๋ออย่างแผ่วเบา เอ่ยออกมาอย่างสุดกลั้น

“ข้าขอบใจเจ้าแทนกองทัพไป๋ทุกคน พักผ่อนเถิด ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าพวกคนชั่วต้องได้รับกรรมที่พวกมันก่อ!”

อู๋เจ๋อยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง “คุณหนูใหญ่ ชาติหน้า…อู๋เจ๋อจะขอเกิดมารับใช้ตระกูลไป๋อีกขอรับ!”

กล่าวจบอู๋เจ๋อก็กระอักเลือดออกมา

หญิงสาวประคองอู๋เจ๋อเอาไว้สีหน้าตึงเครียด ตะโกนออกมา

“ลุงผิง! ไปตามท่านหมอหงมา ไปตามท่านหมอหงมาเดี๋ยวนี้เลย!”

อู๋เจ๋อพิงอยู่ในอ้อมแขนของไป๋ชิงเหยียน ท่ามกลางสายตาที่พร่ามัว เขามองเห็นเลือดสดของตนเองเปื้อนไปบนเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาวของไป๋ชิงเหยียน เขาอ้าปากอยากเอ่ยขอโทษ แต่สุดท้ายก็กล่าวออกมาไม่ได้ หมดลมหายใจไปในที่สุด

“คุณหนูใหญ่ อู๋เจ๋อจากไปแล้วขอรับ!” หลูผิงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน เอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก

[1]ยามอิ๋น ช่วงเวลาระหว่าง 03.00 – 05.00 นาฬิกา

[2]ม้วนไม้ไผ่หรือจู๋เจี่ยน คือหนังสือแผ่นไม้ไผ่หรือตำราม้วนไม้ไผ่ ซึ่งเป็นบันทึกสำคัญในการเขียนหนังสือของคนจีนในอดีต โดยนำไม้ไผ่มาเหลาเกลี้ยงจนมีลักษณะเป็นแผ่นยาวและแคบเท่าๆ กันนำมาบันทึกอักษรที่ละแผ่น เมื่อเสร็จแล้วนำเชือกมาร้อยเรียงต่อๆ กันจนออกมาเป็นแผ่นม้วนไม้ไผ่