ตอนที่ 57 โศกนาฏกรรมที่น่าสะพรึง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ชุนเถาใช้มือปิดปากแน่นพลางร้องไห้ออกมา

ไป๋ชิงเหยียนจับบ่าของอู๋เจ๋อแน่น เดือดพล่านไปทั้งใจ เจ็บปวดราวกับโดนฉีกทึ้งทั้งร่าง โกรธแค้นจนอยากฆ่าพวกที่ทำร้ายตระกูลไป๋ให้ตายตามไปทั้งหมด

ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ดวงตาบวมช้ำจนแทบลืมไม่ขึ้น อยากตะโกนออกมาแต่กลับไม่มีเสียง โทสะเดือนพล่านจนแทบทะลุออกมา นางเจ็บปวดจนแทบสิ้นหวัง

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ชุนเถาที่ดวงตาแดงก่ำกอดม้วนไม้ไผ่ที่อู๋เจ๋อรักษาไว้ด้วยชีวิตเอาไว้แน่น เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนซึ่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลับไปที่จวน

แสงไฟสีแดงสาดกระเบื้องอิฐสีเขียวของจวนเจิ้นกั๋วกงส่องกระทบกับหิมะสีขาว ไฟส่องสว่างไสวท่ามกลางความเงียบงันในคืนที่มืดมิด ช่างดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเป็นที่สุด

ชุนเถามองเห็นไป๋ชิงเหยียนซึ่งเดินไปตามระเบียงทางเดินท่ามกลางแสงไฟสีแดงเซถลาเล็กน้อย…อยากเอื้อมมือไปพยุง แต่ก็เอื้อมไม่ได้เพราะกลัวม้วนไม้ไผ่ในมือจะตกลงบนพื้น น้ำตาของชุนเถาไหลออกมาอย่างพรั่งพรู “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ…”

ไป๋ชิงเหยียนกระชับเสื้อคลุมแน่น เดินกลับไปที่เรือนชิงฮุยด้วยดวงตาที่แดงก่ำ สั่งให้ชุนเถาวางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะหนังสือด้วยเสียงที่แหบพร่า

ชุนเถามองดูไป๋ชิงเหยียนที่ร่างแข็งทื่อ หนาวยะเยือกจนสีหน้าแทบจะกลายเป็นสีม่วง นางเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวเปลี่ยนชุดที่เปื้อนเลือดให้คุณหนูก่อนนะเจ้าคะ คุณหนูทำร่างกายให้อุ่นก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันโบกมือปฏิเสธชุนเถา สายตาจ้องไปที่ม้วนไม้ไผ่ซึ่งโดนแสงไฟสะท้อนริบหรี่ สั่งให้

ชุนเถาเฝ้าด้านนอกไว้ ห้ามเข้ามาด้านในเด็ดขาด

ภายในห้องที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ เสียงถ่านหินปะทุไฟดังขึ้นเล็กน้อยจากเตาผิงทองแดงซึ่งแกะสลักลวดลายดอกไม้โปร่งแสง

ไป๋ชิงเหยียนได้สติ หนาวจนชาไปทั้งร่างราวกับอยู่ในห้องเก็บความเย็น

หญิงสาวนั่งลงตรงหน้าโต๊ะหนังสือด้วยความเศร้าโศก ดวงตาแดงก่ำจ้องนิ่งไปยังม้วนไม้ไผ่ เจ็บคอจนกล่าวสิ่งใดออกมาไม่ได้แม้แต่คำเดียว กัดปากจนได้กลิ่นคาวเลือดแต่นางก็ยังไม่ยอมผ่อนแรง

ม้วนไม้ไผ่ตรงหน้าจดบันทึกเหตุการณ์สงครามที่หนานเจียงของบุรุษตระกูลไป๋เอาไว้ จดบันทึกแม้กระทั่งเหตุการณ์ก่อนเสียชีวิต ชาติที่แล้วหญิงสาวได้แต่หวังว่าจะได้มันมาครอบครอง ทว่า บัดนี้มันอยู่ตรงหน้าของนางแล้วแต่นางกลับไม่กล้าเปิดดู

เรื่องบางเรื่อง หากไม่ได้รับรู้ข่าวที่แน่นอนก็อาจยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ทว่า หากเปิดดูแล้วก็จะไม่มีหวังอีกต่อไป…ไป๋ชิงเหยียนหลับตาลง

ผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก หยิบม้วนไม้ไผ่มาเปิดออก…

ม้วนไม้ไผ่ห้าท่อนซึ่งโชกไปด้วยเลือดปรากฏอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

ชุนเถายืนตาแดงก่ำเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง มองดูท้องฟ้าที่ว่างเปล่าท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมา ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งที่พยายามระงับไว้อย่างเต็มที่ของไป๋ชิงเหยียน เจ็บปวดหัวใจราวกับถูกใบมีดกรีดแทง

ไป๋ชิงเหยียนกอดม้วนไม้ไผ่ไว้แนบอกแน่น จุกแน่นในลำคอจนแทบหายใจไม่ออก

หญิงสาวหลับตาลง น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่ขาดสายเพราะความเศร้าโศก ความโกรธแผดเผาร่างกายของนางจนแทบมอดไหม้ มองเห็นตุ๊กตาดินปั้นรูปคนขี่ม้าชูดาบที่ชุนเถาจัดวางบนโต๊ะในจุดที่สังเกตเห็นชัดที่สุด หญิงสาวกวาดเครื่องเขียนทุกอย่างบนโต๊ะล้มเกลื่อนกลาดลงบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากที่นางบาดเจ็บสาหัสกลับมาในตอนนั้น หากนางขยันฝึกซ้อมอย่างหนักจนได้ไปออกรบกับพวกท่านปู่ในครั้งนี้จะดีแค่ไหนกันนะ! เหตุใดผู้อื่นคิดว่านางอ่อนแอ นางจึงต้องทำตัวเป็นคนป่วยอ่อนแอตามนั้นด้วย วันๆ เอาแต่พักรักษาตัวจนกลายเป็นคนอ่อนแอเช่นนี้!

นางอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกงมีประโยชน์อันใด! นางมีประโยชน์อันใดกัน!

ไป๋ชิงเหยียนขยำเสื้อบริเวณทรวงอกแน่น กัดปากจนเลือดออก พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแต่ก็หยุดยั้งตัวเองไม่ให้ร้องไห้ให้กับวีรบุรุษตระกูลไป๋มิได้…

ซิ่นอ๋อง!

ชาติที่แล้วนางคิดว่าซิ่นอ๋องเป็นคนขี้ขลาดที่รู้จักขอบเขต ต่อให้ซิ่นอ๋องติดตามพวกท่านปู่ไปออกรบ บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตจนหมดสิ้น แต่ซิ่นอ๋องก็ยังดวงดีรอดชีวิตมาได้ นึกไม่ถึงเลยว่าซิ่นอ๋องจะหูเบาฟังคำของหลิวฮ่วนจาง ใช้ป้ายอาญาสิทธิ์บีบบังคับให้ท่านปู่ของนางต้องออกไปเสี่ยง

นางเกลียดจนแทบอยากจะฉีกร่างของซิ่นอ๋องออกเป็นชิ้นๆ เสียตอนนี้เลย! นางอยากควักหัวใจของพวกคนที่ทำร้ายกองทัพไป๋นับหมื่นออกมาดูเสียหน่อยว่าใจของพวกเขาเป็นสีดำหรือไม่!

ม้วนไม้ไผ่ห้าท่อน สรุปสถานการณ์โดยคร่าวๆ แต่กลับทำให้ดวงใจของไป๋ชิงเหยียนแหลกสลาย ร้อนใจดั่งไฟแผดเผา!

หญิงสาวกันฟันแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดรวดร้าวที่อยู่ในใจ กอดม้วนไม้ไผ่ไว้ในอ้อมกอดแน่น ในสมองมีแต่ภาพการตายอย่างน่าอนาถของบรรดาท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและบรรดาน้องชาย

ม้วนไม้ไผ่จดบันทึกสถานการณ์สงครามไว้เพียงคร่าวๆ แต่กลับบันทึกไว้ชัดเจนว่าบุรุษตระกูลไป๋ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจเช่นไรบ้าง!

ท่านพ่อของนางถูกล้อมอยู่ในเมืองเฟิ่ง ไร้ซึ่งเสบียงอาหาร เพื่อต้านศัตรูไม่ให้บุกเข้าเมืองเฟิ่ง ท่านพ่อจึงกล่าวกับทหารที่เหลืออยู่แค่พันกว่านายว่า ผู้ใดเป็นบุตรคนเดียวมีพ่อแม่ที่แก่ชราจงถอยไป ผู้ใดยังไม่ได้แต่งงาน มีทายาทสืบสกุลจงถอยไป ที่เหลือ…หากกล้าพลีชีพเพื่อชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น จงออกไปสู้กับศัตรูพร้อมกับข้า!

ไป๋ชิงต้ง คุณชายสิบเจ็ดแห่งตระกูลไป๋ซึ่งอายุเพียงสิบขวบ ถือดาบก้าวไปด้านหน้า ประกาศกร้าวว่าพร้อมสละชีพติดตามท่านลุงไปออกรบเพื่อปกป้องชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น จะไม่ยอมอยู่อย่างคนขี้ขลาดเป็นอันขาด! กองทัพไป๋ได้แรงกระตุ้นจากเด็กอายุสิบขวบ ต่างพากันชักดาบออกมา ประกาศกร้าวว่ายอมตายในสนามรบดีกว่าอยู่อย่างคนขี้ขลาด

ไป๋ชิงอวี๋น้องชายแท้ๆ ของนางซึ่งอายุเพียงแค่สิบเจ็ดอยู่คุ้มกันค่ายใหญ่พร้อมทหารอีกห้าพันนาย

ซิ่นอ๋องนำทหารห้าหมื่นนายลอบเข้าโจมตีจนชายหนุ่มต้องหลบหนี ไป๋ชิงอวี๋ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะอยู่ปกป้องเขตชายแดนเอาไว้ด้วยชีวิต ดื่มเหล้าอำลากับบรรดาทหาร “ทหารทุกท่าน แม้พวกเรามิได้เกิดมาพร้อมกัน วันนี้การที่เราสู้ไปด้วยกันเพื่อปกป้องพี่น้องแคว้นต้าจิ้นก็ถือว่าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแล้ว ดื่มเหล้าแก้วนี้ให้หมด ทุกท่าน…ชาติหน้าค่อยพบกันใหม่!”

ไป๋ชิงฉี ญาติผู้น้องของนางปกป้องถนนสายหลักของหุบเขาหลิงเอาไว้ เขานำทหารเพียงหนึ่งหมื่นนายสู้รบกับกองทัพของซีเหลียงและหนานเยี่ยนซึ่งร่วมมือกันจนมีทหารมากถึงแปดหมื่นนาย ก่อนออกรบเป็นครั้งสุดท้ายได้กล่าวว่า ชาวบ้านมากมายอยู่ข้างหลังเรา กองทัพไป๋ถอยได้หรือไม่ กล้าถอยหรือไม่! ทหารกล้าแห่งกองทัพไป๋โห่ร้องว่าไม่ถอยถึงสามครั้ง

ท่านอาสามไป๋ฉีอวี้ ขณะที่บุรุษตระกูลไป๋ทุกคนตายในสนามรบส่วนตนถูกต้อนไปจนถึงเทียนเหมิน

กวน ท่านตะโกนขึ้นอย่างพร้อมสู้ตายเป็นคนสุดท้าย บรรดาทหารแม่ทัพของพวกเราล้วนตายหมดแล้ว เราคือแนวรบด่านสุดท้ายที่จะปกป้องชาวบ้านเมืองผิง ข้ายินดีนำพวกเจ้าออกไปฆ่าคนถ่อยที่มารุกรานแคว้นต้าจิ้น ผู้ใดกล้าพลีชีพจงตามข้าไป

ก่อนที่บุรุษตระกูลไป๋จะสิ้นชีพ ในใจเต็มไปด้วยชาวบ้านแคว้นต้าจิ้น…

ตระกูลไป๋ของนางมีแต่ความจงรักภักดี เหตุใดสวรรค์จึงโหดร้ายกับบุรุษตระกูลไป๋ถึงเพียงนี้! เหตุใดถึงทำกับบุรุษตระกูลไป๋ถึงเพียงนี้!

เมื่อความแค้นพลุ่งพล่านหญิงสาวจึงหยุดร้องไห้ ดวงตาวาวโรจน์ราวกับปีศาจที่โผล่มาจากขุมนรก พร้อมที่จะเข่นฆ่าคนชั่วร้ายจิตใจอำมหิตบนโลกนี้ให้หมดไป! แต่เมื่อนึกถึงตัวอักษรแต่ละตัวที่บันทึกอยู่ในม้วนไม้ไผ่ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างเจ็บปวดราวกับโดนเลาะกระดูกควักหัวใจออกมา สมองสับสนว้าวุ่นไปหมด เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหยุดร้องราวกับคนบ้า

แม้ว่านางจะรู้จุดจบของบุรุษตระกูลไป๋มาก่อนแล้ว แต่ไม่เห็นสิ่งที่บันทึกในม้วนไม้ไผ่ด้วยตัวเองก็ไม่มีทางรับรู้ได้ว่าบุรุษตระกูลไป๋มีจุดจบที่น่าเศร้าสลดถึงเพียงนี้

หญิงสาวกอดม้วนไม้ไผ่แน่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำราวกับสีเลือดจ้องไปยังท้องฟ้าที่เริ่มสว่างจากนอกหน้าต่าง ร่างทั้งร่างราวกับโดนกรีดทีละบาดแผลจนค่อยๆ ตายไปในที่สุด หญิงสาวยังคงจมอยู่ในความเศร้าโศก แทบอยากจะใช้มีดแทงไปที่หัวใจเพื่อหยุดความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ลง

หากนางไม่สั่งให้เสิ่นชิงจู๋มุ่งหน้าไปที่หนานเจียงจนพบกับฟางเหยียนแห่งค่ายเหมิ่งหู่ที่โดนไล่ฆ่ากลางทาง ม้วนไม้ไผ่ห้าแผ่นนี้คงหายสาบสูญไปเหมือนชาติที่แล้ว

ตระกูลไป๋ของนางก็คงเป็นดั่งชาติที่แล้ว ทั้งๆ ที่กล้าหาญและจงรักภักดีแต่กลับโดนใส่ร้ายเหยียดหยามว่าเป็นกบฏ

ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่าน ความเจ็บปวดที่รุมเร้าราวกับมดนับหมื่นตัวกัดแทะเนื้อและกระดูกจนนางเหมือนตายทั้งเป็น รู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังเหมือนโดนแผดเผาไปทั้งร่าง

เจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด หญิงสาวตัวชากอดม้วนไม้ไผ่เอาไว้พลางร้องไห้สลับกับหัวเราะ…

กล้าหาญพลีชีพเพื่อจักรพรรดิ ตนเองกลับต้องจบชีวิตลงโดยไม่ได้อันใดเลย!

บรรดาผู้กล้าตายอย่างไม่เป็นธรรม บรรดาคนถ่อยชั่วช้ากลับอยู่เต็มเมือง!

บุรุษตระกูลไป๋ของนางทำสิ่งใดผิดกัน ความจงรักภักดี เสียสละเลือดเนื้อ…แต่ทั้งหมดกลับต้องสังเวยชีวิตอยู่ที่หนานเจียงเช่นนี้