ตอนที่ 66 พ่อเพลงไม่มีทางผิด

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 66 พ่อเพลงไม่มีทางผิด

“ปรากฏตัวแล้ว!”

หญิงสาวในห้องด้านข้างก็คือกู้ซี เมื่อได้ยินเพลงที่ยังไม่เคยเผยแพร่มาก่อน กู้ซีทั้งตื่นเต้นทั้งปวดใจ!

ตื่นเต้นก็เพราะ…

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้ก็เป็นเวลาสี่เดือนแล้ว ในที่สุดเธอก็เฝ้าคอยจนได้เยี่ยมเยียนพ่อเพลงผู้ลึกลับท่านนี้อีกครั้ง!

ปวดใจเพราะ…

เวลาผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ เพื่อที่จะตามหาพ่อเพลงลึกลับท่านนี้ กู้ซีก็จะมาเฝ้ารอที่ห้องเปียโนช่วงพักระหว่างคาบเรียนแทบทุกวัน ถึงขั้นที่แม้แต่ช่วงพักกลางวันก็ยังมาใช้เวลาในห้องเปียโนเลย ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องเปียโน เพราะกลัวว่าจะคลาดกันไปอีกครั้ง!

แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเวลานานเหลือเกิน

กู้ซีคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว

ทว่าในวันนี้ เธอกลับรอคอยการปรากฏตัวของเขาอีกครั้งได้สำเร็จ ชั่วขณะนั้นกู้ซีรู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ยืนหยัดและไม่ยอมแพ้มานานถึงขนาดนี้!

หัวใจเต้นระส่ำ

กู้ซีรีบพุ่งปราดเข้าไปยังระเบียงทางเดิน ก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องเปียโนด้านข้างอย่างว่องไว

เธอมั่นใจว่า โน้ตเปียโนดังออกมาจากในห้องนี้!

เธอยื่นมือออกไป หมายเปิดประตูห้อง ทว่าทันใดนั้นก็หยุดชะงัก

อยู่ๆ พรวดพราดเข้าไปรบกวนจะทำให้พ่อเพลงโมโหไหมนะ

กู้ซีรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง พ่อเพลงจำนวนมากอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ถ้าหากตนทำให้อีกฝ่ายเกิดภาพจำที่ย่ำแย่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จบเห่กันพอดี

ความประทับใจแรกสำคัญมาก!

“รอให้เสียงเปียโนจบก่อนแล้วกัน” วันนี้เธอจะรออยู่ตรงนี้แหละ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ไปไหนแม้แต่นิดเดียว พ่อเพลงไม่มีทางติดปีกบินหายไปได้หรอก

ผ่านไปห้านาที

เสียงเปียโนในห้องหยุดลง เข้าไปตอนนี้แหละเหมาะสม

กู้ซีรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึก จัดแจงเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เรียบร้อย เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนไม่มีจุดไหนที่ผิดกาลเทศะ จึงเคาะประตูเบาๆ

เธอไม่กล้าเคาะประตูรัว

จึงเคาะสามครั้งอย่างใส่ใจ

หลินเยวียนซึ่งอยู่ในห้องประหลาดใจ ไม่รู้ว่าใครมาหาตน ถึงขั้นลอบรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย

เปียโนหลังนี้คงไม่ได้มีเจ้าของหรอกใช่มั้ย

เขาเอ่ยปากว่า “เชิญครับ”

ประตูถูกเปิดออก หลินเยวียนเห็นคนที่เคาะประตู หัวคิ้วก็ขมวดเล็กน้อย

กู้ซี?

หลินเยวียนจำชื่อของผู้หญิงคนนี้ได้ ว่ากันว่าเป็นคนที่เล่นเปียโนได้ยอดเยี่ยมที่สุดของวิทยาลัย ตอนที่อาจารย์สอนเปียโนก็เคยเอ่ยถึงเธอ

ทว่าภาพจำที่หลินเยวียนมีต่อผู้หญิงคนนี้ไม่ดีเลย เพราะทุกครั้งที่พบหน้าอีกฝ่าย ก็มักจะเกิดเรื่องไม่สบอารมณ์อยู่ตลอด

เมื่อเทียบกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของหลินเยวียน

ในใจของกู้ซีราวกับเกิดคลื่นโหมคลั่ง จ้องมองตาแทบถลน สมองขาวโพลน!

“มีอะไรครับ”

หลินเยวียนรออยู่หลายวินาที อีกฝ่ายไม่เอ่ยปากโต้ตอบ จึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายออกตัวถามเอง

“เมื่อกี้!”

ครั้นกู้ซีเอ่ยปากพูดจึงพบว่าตนเองปากคอแห้งผาก ในใจของเธอยังคงโอบกอดความหวังสุดท้าย

“เพลงนั้นนาย…แค่ก…คุณเป็นคนเขียนเหรอคะ”

“ครับ”

หลินเยวียนยอมรับว่าเรื่องประเภทนี้ไม่ได้ทำให้เขากังวลใจสักเท่าไหร่ หนำซ้ำเขายังมั่นใจว่าบนโลกนี้ไม่มีเพลงที่คล้ายคลึงกัน

จบสิ้นแล้ว!

คำตอบของหลินเยวียนทำให้ความหวังทั้งหมดของกู้ซีมอดมลายไปทันที

เมื่อเห็นหัวคิ้วขมวดเป็นปมของหลินเยวียนโดยไม่ปิดบัง ชั่วขณะนั้นเธอแทบอยากตบหน้าตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด

เขาเป็นถึงพ่อเพลงลึกลับท่านนั้นเชียวนะ!

กู้ซีจินตนาการตัวตนของพ่อเพลงคนนี้นับไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่นอาจารย์หรือศาสตราจารย์ท่านหนึ่งในวิทยาลัยซึ่งไม่ค่อยชอบเป็นที่สนใจของผู้คน หรือไม่ก็พ่อเพลงจากข้างนอกที่ผ่านมา…

สิ่งเดียวที่ไม่เคยนึกถึงเลยก็คืออีกฝ่ายเป็นนักศึกษาเหมือนกับตัวเอง!

ที่แท้ตนพบหน้าครั้งแรกก็ล่วงเกินพ่อเพลงไปแล้ว ตนยังคิดอยากจะมีความประทับใจแรกได้ยังไงกัน

ก่อนหน้านี้ฉันทำอะไรลงไปกันเนี่ย

นี่เรียกว่าฆ่าตัวตายใช่มั้ยเนี่ย

กู้ซีไม่ได้คลางแคลงว่าสิ่งที่หลินเยวียนพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ และไม่ได้คิดว่าหลินเยวียนจะเขียนบทเพลงที่ล้ำเลิศเช่นนี้ออกมาไม่ได้เพียงเพราะเขาอายุใกล้เคียงกับตนเอง

บนโลกนี้มีอัจฉริยะอยู่มากมาย

ถ้าบอกว่าตนเป็นอัจฉริยะด้านการบรรเลงบทเพลง เช่นนั้นพ่อเพลงตรงหน้าซึ่งถูกตนล่วงเกินไปอย่างหนักหน่วง ก็คงจะเป็นอัจฉริยะด้านการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสะพรึงกลัวเลยละ!

นอกจากนั้นแล้ว ตอนนี้หวนคิดย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ตนตามหาพ่อเพลง ก็มักจะคลาดกันเพียงนิดเดียวเสมอ

ในตอนนั้นไม่ทันได้สังเกต ถึงขั้นยังคิดไปว่าที่อีกฝ่ายจงใจมาปรากฏตัวต่อหน้าตนเอง มีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตน

ยามนี้ได้สติหวนกลับมาไตร่ตรองโดยละเอียด จึงพบว่าภาพเหตุการณ์ที่พบกันในห้องเปียโน นั้นเป็นข้อพิสูจน์ตัวตนในฐานะพ่อเพลงของอีกฝ่ายชัดๆ!

ขอโทษตอนนี้จะทันมั้ยนะ

ไม่ว่าจะทันหรือไม่ทัน กู้ซีก็มีความรักตัวกลัวตายโดยสัญชาตญาณ กลัวเสียหน้าในช่วงเวลาเฉียดตายแบบนี้เป็น

สิ่งที่โง่เขลาที่สุด!

จำเป็นต้องขจัดปัญหา!

เธอค้อมเอวก้มศีรษะต่ำโดยไม่ลังเล “ขอโทษนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ได้โปรดให้อภัยที่ก่อนหน้านี้ฉันเลินเล่อแล้วก็เสียมารยาทด้วยค่ะ”

ชั่วขณะที่ก้มหน้า

ใบหน้าของกู้ซีแดงก่ำด้วยความอับอาย

ก่อนหน้านี้ตนยังวางท่าสูงส่ง คิดว่าพ่อเพลงคิดไม่ซื่อกับตนเหมือนกับแมลงที่ชอบมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ พวกนั้น ความคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้น่าขายหน้าที่สุด…

หลินเยวียนชะงักไป

กู้ซีมีจิตสำนึกขึ้นมาแล้วเหรอ

ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ถึงขั้นเกลียด ในเมื่ออีกฝ่ายขอโทษอย่างจริงใจ หลินเยวียนก็ย่อมปล่อยวางความขุ่นเคือง

ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นเดินออกไป ขณะที่เดินผ่านอีกฝ่าย ก็พูดออกไปว่า “ไม่เป็นไร”

“ขอบคุณค่ะ!”

กู้ซีเงยหน้าขึ้นอย่างรู้สึกผิด และพบว่าหลินเยวียนเดินออกไปทางด้านนอกประตูแล้ว ราวกับไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว

“…”

เธอมองแผ่นหลังหลินเยวียน อ้าปากค้าง อยากพูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้วก็กลืนคำพูดนั้นกลับลงคอไป

แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายให้อภัยไปตามมารยาท หรือเพราะว่าไม่ถือโทษโกรธเคืองที่เธอล่วงเกินจริงๆ แต่อย่างน้อยท่าทีของอีกฝ่ายก็ไม่ได้แย่ลงกว่าเดิม

นั่นหมายความว่าตนยังมีโอกาส!

อีกทั้งในตอนนี้ตนก็ไม่ต้องกังวลว่าพ่อเพลงจะอันตรธานหายไปอีก เธอรู้ตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว!

“ไม่สิ…”

กู้ซีเกาศีรษะด้วยความรำคาญใจ เธอถึงกับลืมถามชื่อของอีกฝ่าย และความเลินเล่อในครั้งนี้แทบจะทำให้กู้ซีวิ่งตามออกไปอย่างห้ามไม่อยู่

ความคิดแล่นปราด เธอหยุดฝีเท้าลง

ในเมื่อเป็นนักศึกษาในวิทยาลัย เพียงแต่อยากรู้ชื่อของอีกฝ่าย สำหรับกู้ซีแล้วไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใด

ถ้าหากตามไปตอนนี้ แล้วพ่อเพลงคิดว่าเธอกำลังตามตอแยไม่เลิกรา…

แม้ว่าในมุมหนึ่ง ตนก็มีความคิดที่จะตามตอแยจริงๆ นั่นแหละ

“ฉันจะต้องทำให้พ่อเพลงยอมรับให้ได้!”

ด้วยอายุของอีกฝ่าย สร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ออกมาได้ กู้ซีจินตนาการความสำเร็จในอนาคตของอีกฝ่ายได้เลย โอกาสแบบนี้มาวางตรงหน้านักเปียโนคนไหน อีกฝ่ายก็ไม่อาจเมินเฉยได้เหมือนกันนั่นละ!

“ทำยังไงดี”

กู้ซีรู้สึกลำบากใจ “ฉันจะต้องหากลศึกถึงจะได้”

มาตรฐานของพ่อเพลงต่อนักเปียโนนั้นสูงมาก ด้วยระดับของเพลงที่อีกฝ่ายสำแดงออกมา ต่อให้เป็นนักเปียโนที่ฝีมือดีกว่าตน เขาก็เลือกร่วมงานได้ตามใจชอบ

“ข้อได้เปรียบของฉันก็คือ ฉันอายุเท่าเขา แถมยังอยู่วิทยาลัยเดียวกัน หอคอยที่อยู่ใกล้น้ำย่อมเห็นเงาสะท้อนของดวงจันทร์ได้ก่อนอยู่แล้ว”

คิดถึงตรงนี้ กู้ซีก็หงุดหงิดกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของตนขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ล่วงเกินพ่อเพลงซะขนาดนั้น ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจง่ายขึ้นหน่อย ฉันละอยากจะร้องไห้กับความโง่ของตัวเองจริงๆ เลย”

มีเหตุก็ต้องมีผล

นี่เป็นผลกรรมสินะ

อะไร ใครถูกใครผิดน่ะเหรอ

ขอโทษเถอะ พ่อเพลงไม่มีทางผิด

………………………………………………….