บทที่ 63 วิธีที่ง่ายที่สุดในการหาเงิน(ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 63 วิธีที่ง่ายที่สุดในการหาเงิน(ต้น)

ชายผู้นั้นเย้ยหยันอย่างเย็นชา “เจ้าคงลืมไปแล้ว! ข้าชื่อดอกบ๊วยสิบสาม จำได้ไหม? ข้าเคยเล่นการพนันกับเจ้าเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าลืมข้าง่ายไปรึเปล่า?”

“ดอกบ๊วยสิบสาม!” ซูอัน จำได้ว่าเจ้าดอกบ๊วยสิบสองเคยพูดถึงคนผู้นี้โดยบอกว่าสิบสามคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาลูกบุญธรรมทั้ง 13

ของ เหมยเชาฟง สิบสามคือผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับที่3!

ซูอัน รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทำไมศัตรูทั้งหมดที่ข้าเจอต้องแข็งแกร่ง

กว่าข้าตลอดเลย! พับผ่าสิ!

ในเวลาเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจที่เจ้าของร่างคนก่อนของเขามันช่างมีพรสวรรค์ในการหาเรื่องตายดีจริง ๆ คิดได้ยังไงที่ไป

คบค้าสมาคมกับพวกคนพรรค์นี้!

“เจ้าสิบสองอยู่ที่ไหน” ดอกบ๊วยสิบสามถามขึ้น

“สิบสองอะไร? ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าถาม” ซูอัน แสร้งทำเป็นไม่รู้

ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประหลาดใจที่โชคชะตานำพาให้เขามาเจอกับดอกบ๊วยสิบสามเร็วขนาดนี้

“หยุดแสร้งทำเป็นไม่รู้ มีคนเห็นเจ้าออกจากเมืองไปพร้อมกับเขา และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเขาอีก!” ดอกบ๊วยสิบสามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อ้อ เจ้าหมายถึงดอกบ๊วยสิบสอง!” ซูอัน ปรบมือของเขาด้วยกันแสดงท่าทีเข้าใจ “ไม่นานหลังจากที่เราสองคนออกจากเมือง เราก็ไปเจอคนแซ่ถาน จากนั้นดอกบ๊วยสิบสองก็ไล่ตามคนผู้นั้นไปและข้าก็ไม่ได้เจอกับดอกบ๊วยสิบสองอีกเลยนับจากนั้น”

“คนแซ่ถาน…นี่พวกเจ้าเจอคนทรยศถานเว่ย งั้นเหรอ?”

ดอกบ๊วยสิบสามถาม

ซูอันยิ้มและแกล้งพูดต่อไปว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจแล้วสินะว่าเกิดอะไรขึ้น เอาล่ะในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้วก็ดี หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนล่ะ” ถ้าอีกฝ่ายเป็นนักฆ่าสาวสวย เขาคงจะอยู่คุยด้วยนานกว่านี้หน่อย แต่ฝั่งตรงข้ามกลับเป็นชายหนุ่มที่ดูดุร้ายแถมมีแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้าอีกต่างหากดังนั้น ตัวเขาจึงไม่อยากจะเสวนาด้วยสักเท่าไหร่ เสียเวลา!

“ช้าก่อน!” ดอกบ๊วยสิบสาม ตะโกนขึ้นพร้อมกับคว้าไหล่ของ ซูอันเอาไว้

แรงบีบของเจ้าดอกบ๊วยสิบสามทำให้ ซูอัน ตระหนักว่าความแข็งแกร่งของฝั่งตรงข้ามนั้นเหนือกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจึงระงับอารมณ์พุ่งพล่านที่อยากจะโจมตีสวนกลับไปเอาไว้และถามขึ้นอย่างใจเย็น “เจ้าต้องการอะไรจากข้าอีก?”

ดอกบ๊วยสิบสาม หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากเสื้อคลุมของเขาและยื่นให้ซูอัน “นี่มันก็ถึงกำหนดเวลาแล้ว เจ้าควรจะคืนหนี้ที่เจ้าเป็นหนี้ข้าไม่ใช่เหรอไง?”

“หะ? หนี้? หนี้อะไร?” ซูอัน ตะลึงงัน

“เจ้าไม่ได้คิดที่จะหนีหนี้ใช่ไหม? มันเขียนไว้บนกระดาษอย่างชัดเจน และข้าก็ยังมีลายนิ้วมือของเจ้าอยู่ในนั้นด้วย!” ดอกบ๊วย สิบสามเย้ยหยัน

อย่างเย็นชา

ซูอัน รีบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อดูสิ่งที่ระบุในแผ่นกระดาษใกล้ ๆ

ในกระดาษมีการระบุเอาไว้ว่าเขาเป็นหนี้สิบสามเป็นจำนวนเงิน 1,000 ตำลึงแถมมันยังมีลายนิ้วมือสีแดงที่ด้านล่างของกระดาษด้วย!

เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ความทรงจำก็เริ่มผุดขึ้นในหัวของเขา

ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปที่บ่อนการพนันกับ ดอกบ๊วยสิบสาม

แต่แล้วเขาก็สูญเสียเงินทั้งหมดของเขาไป ด้วยความสิ้นหวังและอยากจะทวงทุนคืนเขาจึงหันไปหา ดอกบ๊วยสิบสาม เพื่อขอยืมเงินจำนวน1,000 ตำลึงเงิน ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็เสียไปจนหมดอีกรอบเหมือนเดิม

บัดซบเอ๊ย! ไอ้เจ้าของร่างเดิมนี่มันเป็นขยะชัด ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงดูถูกมันขนาดนี้จนแม้แต่บรรดาบ่าวรับใช้ยังไม่เคารพยำเกรงเลยสักนิด!

ซูอัน เริ่มดูถูกเจ้าของร่างคนก่อน การดำรงอยู่ของคนแบบนี้เป็นการสิ้นเปลืองพื้นที่โลกจริง ๆ ต้องรู้ว่า 1,000 ตำลึงเงินนั้นเท่ากับ 1,800,000 หยวนในโลกเดิมของเขา!

“เจ้าบอกว่าเจ้าจะคืนเงินให้ข้าเมื่อเจ้าเข้าไปอยู่ในตระกูลฉู่ได้สำเร็จ

ซึ่งตอนนี้เจ้าก็เข้าไปอยู่ข้างในได้แล้วดังนั้นมันก็ควรถึงเวลาที่เจ้าจะคืนเงินให้ข้าแล้วถูกต้องไหม?” ดอกบ๊วยสิบสาม แบมือออกแสดงท่าทางให้ ซูอัน

ชำระหนี้ “แต่ถ้าเจ้าไม่มีเงิน ข้าจะทำตามเงื่อนไขของสัญญาซึ่งก็คือตัดมือเจ้า”

“ข้าเป็นนายน้อยของตระกูลฉู่! เจ้ากล้าแตะต้องข้างั้นเหรอ?” ซูอัน รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าเขาจะได้รับเงินมา จี้เสี่ยวซี และการปล้นศพดอกบ๊วยสิบสอง แต่เงินที่เขามีก็ยังไม่ใกล้เคียงกับจำนวน 1,000 ตำลึงเงิน

นอกจากนี้ ต่อให้เขามีเงิน เขาก็ไม่เต็มใจที่จะเสียมันไปเพื่อชำระหนี้ให้กับไอ้เจ้าของร่างเดิมผู้ไร้ประโยชน์คนนี้หรอก!

“ถ้าเจ้าเป็นหนี้เขาจริง ๆ ข้าแนะนำให้เจ้าคืนเงินให้เขาแต่โดยดี คำสาบานและการทำสัญญาในโลกนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจละเมิดได้ใครก็ตาม

ที่กล้าละเมิดจะได้รับโทษจากสวรรค์ทันที แม้แต่ อ๋องฉู่ ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้หากเจ้าไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาของเจ้า” เสียงเย็นชาดังขึ้นจากศาลา

“เอ๊? ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีสาวงามซ่อนอยู่ด้วย?”

แววตาของดอกบ๊วยสิบสามเปล่งประกายทันที เมื่อเห็นหญิงสาวในศาลา

“แน่ใจเหรอที่คิดจะเล่นกับข้า?” หญิงสาวผู้นั้นเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะที่นางถามพร้อมกับเผยรอยยิ้มดูไม่เป็นมิตร…

ดอกบ๊วยสิบสาม ระเบิดเสียงหัวเราะ “แล้วถ้าข้า… ” ในขณะที่พูด ดอกบ๊วยสิบสามเหลือบไปเห็นขวดเหล้าหยกในมือของนางพอดีซึ่งมันทำให้เขาถึงกับชะงักเพราะเขาจำได้แล้วว่านางเป็นใคร ชายอัปลักษณ์หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนและพูดว่า “เอ่อ…แม่นางท่านกำลังเข้าใจข้าผิด สำนักดอกบ๊วยของข้าเป็นสำนักที่ยึดถือในหลักคุณธรรม ดังนั้นไม่มีทางที่ข้าจะทำอะไร

ไม่งามเช่นนั้นได้”

เมื่อเห็นแบบนี้ ซูอัน ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของผู้หญิงคนนี้มากยิ่งขึ้น ถ้าแม้แต่ดอกบ๊วยสิบสามผู้หยิ่งผยองยังไม่กล้ายั่วยุนาง มันก็หมายความว่านางน่าจะเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามอยู่พอสมควร ในเวลาเดียวกันเมื่อเขาเห็นว่าเจ้าหนี้ของเขากำลังเผลอเขาจึงใช้โอกาสนี้ฉกตั๋วหนี้มาไว้ในมือของตัวเองเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ดอกบ๊วยสิบสาม หัวเราะขบขัน “เจ้ากำลังคิดที่จะฉีกตั๋วหนี้งั้นเหรอ? ไม่มีประโยชน์ ข้ามีสำเนาสำรองอยู่กับข้า ต่อให้เจ้าจะฉีกใบนี้ทิ้งไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน!”