บทที่ 57 เรื่องกวนใจของหลิวเสี่ยวชิง

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 57 เรื่องกวนใจของหลิวเสี่ยวชิง[รีไรท์]

เสียงของทั้งสามคนทำให้เสี่ยวชิงตื่น เมื่อลืมตาขึ้นเธอก็พบว่าเธอกำลังนอนอยู่ในห้องของฉู่เหินและมีผ้าห่มคลุมอยู่ แม้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่นั่นก็กลับทำให้หญิงสาว ตื้นตันใจจนน้ำตาปริ่ม

เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จฉู่เหินก็เรียกเสี่ยวชิงให้ออกมาข้างนอก ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ทำมิดีมิร้ายอะไรเธอแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่วายที่จะโดนหวงลี่ลี่กับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ค้อนตาแทบเหลือก ฉู่เหินที่เห็นแบบนั้น เขาก็ได้แต่ยิ้มรับแห้ง ๆ แล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจสายตาของทั้งสองสาว

“นายเรียกฉันออกมา มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” เสี่ยวชิงเป็นคนฉลาด เธอสัมผัสได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของฉู่เหิน และนั่นก็ทำให้เธอรู้ทันทีว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ ๆ

“เสี่ยวชิง ถึงฉันจะไม่ค่อยได้คุยกับเธอ แต่ในใจฉันเธอคือผู้หญิงของฉันนะ ฉันไม่อยากให้คนของตัวเองต้องทุกข์ใจ ถ้าเธอกำลังมีเรื่องกังวลใจอะไร เธอเล่าให้ฉันฟังได้นะเผื่อฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง”

เมื่อได้ยินฉู่เหินพูดดังนั้น เสี่ยวชิงก็ทำตาโต เธอนึกมาตลอดว่าฉู่เหินเป็นคนสะเพร่า ไม่เข้าใจเรื่องจุกจิก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะแคร์เธอขนาดนี้ มันทำให้ใจเธอเต้นตึกตัก หรือนี่ก็คือความรู้สึกของคนมีความรักใช่ไหม?

เมื่อได้ยินฉู่เหินถาม เสี่ยวชิงจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเอง อย่างที่จำกันได้ว่าเธอได้เข้าเรียนวิทยาลัยการไฟฟ้าที่ จิงเหมิน เวลาไปเรียน ปกติตัวเธอก็จะอยู่แต่ที่มหาวิทยาลัย และนั่นก็ทำให้เธอมีผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบ แต่เธอก็ปฏิเสธทุกคน หลิวเสี่ยวชิงรู้สึกเสมอว่าเธอไม่เหมือนกับคนเหล่านี้ แต่หนึ่งในชายที่มาจีบก็ตื๊อเธอไม่หยุด เขาบอกว่าเขามีอิทธิพลในจิงเหมิน และถึงแม้เขาจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาแล้วเพราะจบมานานกว่า 2 ปี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดตื๊อแต่อย่างใด

ตอนแรกเป็นเพียงแค่การพบเจอกันโดยบังเอิญ แต่เมื่อได้รู้จักกับเธอแล้วนั่นก็ทำให้ชายคนนั้นมาตามตื๊อเสี่ยวชิงทุกวัน ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง ก่อนเธอจะกลับไปเรียนไม่กี่วัน เธอก็มีปากเสียงกับเขา จากนั้นเขาก็ยอมปล่อยเธอไป เธอคิดว่ามันง่ายเกินไปหน่อย แต่พอเธอเดินจากมาไม่ทันไร เขาก็ตะโกนขู่ไล่หลังมาอีก

ชายคนนั้นบอกว่าถ้าหลิวเสี่ยวชิงไม่ยอมหลับนอนกับเขา เขาจะทำให้เสี่ยวชิงเรียนไม่จบและไม่ได้รับปริญญา ด้วยเหตุนี้เองเสี่ยวชิงจึงขอมหาวิทยาลัยลาพักยาว เพื่อที่เธอจะหนีมาหลบที่บ้านสักพัก ให้เขาเลิกตอแยสักที แต่เธอไม่แน่ใจว่าเขาจะยังมาวุ่นวายอีกไหมถ้าเธอกลับไปเรียนต่อ แล้วถ้าเขาเกิดทำอะไรรุนแรงกว่าเดิมล่ะ

เมื่อได้ยินหลิวเสี่ยวชิงเล่า ฉู่เหินก็โกรธชายคนนี้มาก ไอ้หมอนี่มันจะต้องโดน! กล้าดีอย่างไรถึงมาขู่แฟนของเขาแบบนี้ มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม

“เสี่ยวชิง เธออยู่บ้านต่ออีกสัก 2-3 วันนะ ฉันจะจัดการเรื่องในครอบครัวก่อน พอเสร็จแล้วฉันจะพาเธอกลับไปเรียน ฉันก็อยากจะรู้นักว่าไอ้คนที่กล้ามาขู่ผู้หญิงของฉันมันจะแน่สักแค่ไหน” เมื่อได้ยินฉู่เหินพูดด้วยความโมโห เสี่ยวชิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ดึงมือของฉู่เหินข้างหนึ่งมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะแนบแก้มซบบนหลังมือ ฉู่เหินที่เห็นอย่างนั้นเขาก็ก้มลงจูบเสี่ยวชิงที่หน้าผากเบาๆ

ขณะที่ฉู่เหินกำลังจะยกหัวขึ้น เขาไม่นึกว่าเสี่ยวชิงจะเอื้อมมือโน้มคอของเขาลงมา ปากนุ่ม ๆ ของเธอเผยอออก มันทั้งนุ่มและเนียนเหมือนริมฝีปากนางฟ้า นี่คือสิ่งที่ฉู่เหินคิด และนั่นเองก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้จูบผู้หญิง มันรู้สึกดีมากจนเขาจะไม่มีวันลืม

ทั้งสองกอดและจูบกันอย่างเก้ ๆ กัง ๆ นี่เป็นครั้งแรกของฉู่เหิน แต่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเสี่ยวชิง แม้พวกเขาจะจูบกันเป็นเวลานาน แต่มันก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ เสี่ยวชิงสอดลิ้นนุ่ม ๆ เข้าไปในปากของฉู่เหิน

เขาเองก็ใช้ลิ้นแลกกลับไป ลิ้นของทั้งสองตวัดพันเกี่ยวกัน เธอจูบฉัน ฉันจูบเธอ พวกเขาไม่รู้ว่ากอดและจูบกันมานานแค่ไหนในตอนนี้ โลกนี้เหมือนมีพวกเขาเพียงสองคนในโลก พวกเขาคือเจ้าของโลกใบนี้

ทั้งคู่แลกความรักกัน พวกเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายต่างรู้สึกอย่างไร นี่คือการประกาศให้โลกรู้เธอคือคนรักของฉันนับตั้งแต่นี้ไป

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋นั่งอยู่ในบ้านคนเดียว ฉู่เหินกับเสี่ยวชิงไปส่งหวงลี่ลี่ไปโรงเรียนด้วยกัน

ด้วยสถานะของเธอตอนนี้ เธอจึงได้แต่อยู่เฝ้าบ้านและก็นั่งเล่นอินเทอร์เน็ตฆ่าเวลาไปเรื่อย ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น เมื่อซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เห็นว่าใครโทรเข้ามาเธอก็กดรับในทันที

“เสี่ยวฟู๋ ลูกปลอดภัยดีรึเปล่า อย่าลืมนะว่าลูกมีสมบัตินั่นอยู่กับตัว ลูกต้องระวังตัวให้มาก บ้านเราเกือบเสร็จแล้วเดี๋ยวพ่อจะส่งคนไปรับ” เสียงของชายวันกลางคนในโทรศัพท์พูดกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋

“พ่อคะ ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันหนูก็กลับบ้านแล้ว หนูเจอเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน วิทยายุทธของเขาน่าจะเหนือขั้นจอมยุทธไปแล้ว เขาจะไปส่งหนู ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพ่อ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน” เมื่อซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ได้ยินว่าพ่อจะมารับ เธอจึงต้องรีบปฏิเสธ

“อ้อพ่อคะ มีอยู่เรื่องหนึ่ง หนูทำเถาวัลย์ดูดเลือดหายตอนหนูบาดเจ็บสาหัส มันคงกระเด็นหายไปตอนนั้น หนูลองหาดูแล้วแต่ก็ไม่เจอเลย” เมื่อซ่างกวนเสี่ยวฟู๋พูดจบ อีกฝ่ายก็เงียบไปสักพัก แล้วพูดว่า…

“ช่างมันเถอะ หายก็หายไป ถึงเราเก็บไว้ ก็เลี้ยงให้เชื่องไม่ได้อยู่ดี ของอันตรายแบบนั้นหายไปได้เสียก็ดี” ทั้งสองเงียบกันไปสักพักก่อนจะวางสายไป

“คนตระกูลหวู่ไม่ค่อยรักกัน รู้อย่างนี้ฉันเกิดในครอบครัวธรรมดา ๆ ดีกว่า แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ น่าเสียดายถ้าฉันอยู่ที่นี้น่าจะส่งผลดีกับฉันมากกว่า ฉู่เหินเราน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้นะ”

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋พูดกับตัวเอง ทางด้านฉู่เหิน ตอนนี้ตัวเขาไม่ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนรถอาวดี้เอ 6 เพื่อตรงเข้าเมือง คนขับหลิวช่างเอาอกเอาใจเขาเหลือเกิน

ตอนแรกฉู่เหินนึกว่าคนขับหลิวกลับบ้านไปแล้ว เลยกะว่าลองโทรหาดูก่อน เขาไม่นึกเลยว่าคนขับหลิวจะยังอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อคนขับหลิวรับสาย เขาก็โทรไปบอกที่บ้านแล้วมุ่งหน้ามาหาฉู่เหินในทันที

รถของคนขับหลิวกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ทั้งสามคนพูดคุยและหัวเราะกันไปตลอดทาง โดยเฉพาะฉู่เหินกับเสี่ยวชิงที่ไม่มีกำแพงต่อกันอีกต่อไป สายตาที่ทั้งคู่ส่งให้กันทำให้หวงลี่ลี่อยากจะเข้าไปขัดเสียเหลือเกิน

พี่ชายของเธอแสดงความรักอย่างโจ่งแจ้ง มันยิ่งทำให้เธออิจฉา แต่ในใจลึก ๆ เธอก็ดีใจกับพี่ชาย อย่างน้อยพี่ชายของเธอก็ได้แต่งกับคนอย่างหลิวเสี่ยวชิง ซึ่งก็ยังดีกว่าแต่งกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋แหละ แต่หวงลี่ลี่ก็อดระแวงไม่ได้เมื่อเห็นแววตาที่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋มองพี่ชายของเธอ

“ดูเหมือนฉันต้องหาทางป้องกันให้กับพี่เสี่ยวชิงซะหน่อยแล้ว จะปล่อยให้ยัยคนนอกมาแย่งพี่ชายฉันไปไม่ได้” หวงลี่ลี่แอบคิดในใจ

คนขับแวะห้างซิงหัวตามที่ฉู่เหินบอกไว้ แต่คนขับรถไม่ได้ลงมาด้วย เหตุผลที่ฉู่เหินแวะมาที่นี่ก็เพราะว่าโทรศัพท์ของหวงลี่ลี่พัง ส่วนหลิวเสี่ยวชิง เธอก็ยกโทรศัพท์ของตัวเองให้ลี่ลี่ใช้ เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็เลยกะว่าจะซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่คนละเครื่อง

Next