ตอนที่ 93 หลังจากนั้น

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

หลังจากการต่อสู้กับแม่มด ก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายเลยค่ะ

…อ๊ะ แย่ล่ะ เผลอไปอีกแล้ว

แค่ชั้นเผลอหน่อยเดียวนี่ เสียงในจิตใจชั้นก็จะโดนเปลี่ยนให้เป็นเวอร์ชั่นสุภาพโดยอัตโนมัติเลย ให้ตายเถอะ

ก็นึกว่าโยนไอ้ความรู้สึกด้านบวกออกไปจนหมดแล้วแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังมีเอฟเฟ็กต์หลงเหลืออยู่บ้าง

ถึงอย่างนั้น เนื้อในของชั้นก็ยังเป็นไอ้สารเลวคนนึง ต่อให้โดนชำระล้างไปนิดหน่อยก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนเป็นเซนต์ซะเมื่อไหร่ อย่างมากก็แค่ทำให้ดีขึ้นมานิดนึงเท่านั้นแหละ

หลังจากนั้น ทั่วประเทศก็จัดงานศพให้กับโปรเฟตะ

เจ้าเต่าที่มาตายแทนตัวชั้นนี่มีใบหน้าก่อนตายที่เปี่ยมสุขจนน่าอิจฉาเลยล่ะ

ตอนแรกก็นึกว่าอัลเฟรียที่รู้จักกับมันมานานที่สุดจะเศร้าพอสมควร แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น

อัลเฟรียบอกประมาณว่า ก็ใช่ว่าจะไม่เศร้าเลย แต่เจ้าเต่าทำทุกอย่างที่มันต้องการจนพอใจแล้วถึงจากไป ไม่มีอะไรค้างคาอีกแล้ว เอาจริงๆออกจะตายแบบมีความสุขเกินจนน่าหมั่นไส้ด้วยซ้ำ

พวกผู้พิทักษ์ทั้งหลายดูเหมือนจะทราบถึงการจากไปของโปรเฟตะ เลยยกโขยงกันมาเพื่อจะเข้าร่วมงานศพด้วย แต่ก็โดนเข้าใจผิดว่าเป็นปีศาจจนเกือบจะโดนจัดการไปแล้ว

…ดีนะที่ชั้นเข้าไปช่วยไว้ทันน่ะ แต่นั่นก็ทำให้พวกมันติดชั้นแจยิ่งกว่าเก่าอีก

ไม่ดีใจที่มีพวกลิงมาติดตามหรอกเฟ้ย…

เพราะว่าแม่มดถูกกำจัดหายไปแบบถาวร ทำให้เกิดงานเฉลิมฉลองแบบติดกันหลายวันหลายคืนเลยล่ะ

ทั้งๆที่ทุกคนรู้แล้วแท้ๆว่าชั้นไม่ใช่เซนต์ตัวจริง แต่ก็ยังโดนมอบตำแหน่งให้เป็น”เกรทเซนต์”ไปซะอย่างนั้น

ใครมันตั้งตำแหน่งนี้ขึ้นมาวะ? ก็บอกแล้วไงว่าตูเป็นตัวปลอมน่ะ

แถมตรงโน้นยังมีเซนต์ตัวจริงอยู่ตั้งสองคน เอาตำแหน่งเซนต์ไปให้พวกเธอแทนสิเว้ย

ชั้นไม่เอาแล้วนา

อ๊ะ แล้วก็เพราะว่าเจ้าเต่าส่งต่อตำแหน่งโหรให้กับชั้นมา ทำให้ชั้นได้รับความสามารถญาณทิพย์มาด้วย

ถ้าชั้นตั้งสมาธิหน่อย ก็จะทำให้สามารถมองเห็นและได้ยินสิ่งที่อยู่ไกลได้

ก็ใช่ว่าจะสามารถรับรู้เรื่องทุกอย่างในเวลาเดียวกันได้ ยังไงสมองชั้นก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดานี่นะ แต่ถ้าชั้นอยากจะดูหรืออยากจะฟังอะไรจากที่ไหนในโลกก็ทำได้หมด

ถ้าชั้นต้องการล่ะก็ จะแอบถ้ำมองเอเทอร์น่าจังตอนอาบน้ำได้ทุกวันเลย

ไม่ ไม่ ชั้นไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอกนะ ตัวชั้นเป็นสุภาพบุรุษพอน่า ไม่ใช่โรคจิตซักหน่อย

…หึ

และแล้ว เราก็มาถึงฉากจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้สักที

ถ้าชั้นยังจะกล้าบอกว่านี่เป็นแบดเอนดิ้งอีก ก็คงเสียมารยาทกับเจ้าเต่าที่สละชีวิตแทนชั้นไปแย่เลย

เอาจริงๆที่เหลือก็แค่ให้ชั้นโยนตำแหน่งเซนต์ทิ้งแล้วก็หนีหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เท่านั้นก็สมบูรณ์แบบแล้ว

จะให้ตัวปลอมอย่างชั้นรับตำแหน่งต่อไปนี่ไม่ดีหรอกนะ

แต่ไม่ว่าชั้นจะพยายามอธิบายลุงไอส์แกมากแค่ไหนว่าชั้นเป็นตัวปลอม แล้วก็ให้คืนตำแหน่งให้เอเทอร์น่าไปซะ ก็โดนปัดตกไปซะทุกครั้งเลย

ถ้าแบบนั้น เดี๋ยวชั้นจะแอบหนีไปจริงๆนา

ก็นะ คราวนี้คงจะเอาเลย์ล่าไปด้วยแหละ ถ้าเธอเห็นชั้นอยู่ๆก็หายไปนี่ เดี๋ยวจะร้องไห้อีก

แต่ก่อนหน้านั้น มีสิ่งหนึ่งที่ชั้นต้องทำก่อน

…ถึงจะเป็นคำขอที่เห็นแก่ได้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ชั้นก็ยังโดนขอให้ช่วยอเล็กเซียเอาไว้นี่นะ

เพราะแบบนั้น ตอนนี้พวกเราจึงมายืนอยู่ที่ชั้นใต้ดินของโบสถ์ เบื้องหน้าของคริสตัลที่ผนึกอเล็กเซียเอาไว้อยู่

“ท่านเอลริสคะ…จะทำอย่างนี้จริงๆหรือคะ?”

เลย์ล่าดูจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ

ทุกๆคนอาจจะรู้แล้วว่าแม่มดในอดีตทุกคนนั้นเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น

แต่ถึงจะรู้อยู่แล้ว จะให้ความรู้สึกยอมรับเรื่องนั้นได้น่ะมันต่างกัน

ในยุคสมัยนี้ อเล็กเซียคือแม่มดผู้ชั่วร้ายที่ทำเรื่องเลวๆไว้มากมาย และผู้คนก็ยังคงมองเธอเช่นนั้นอยู่

ตัวชั้นเองก็ไม่ได้ชอบอเล็กเซียอะไรมากนัก ถึงกับคิดที่จะไม่ช่วยด้วยซ้ำ

แต่ยังไงเรื่องมันก็จบไปแล้ว จะปล่อยให้อเล็กเซียโดนจับขังไว้อย่างนี้ไปตลอดกาลก็ใช่ที่

ยิ่งสีหน้าของเธอด้วยแล้ว…สีหน้าของเธอตอนที่โดนจับผนึกน่ะ มันเต็มไปด้วยความกลัวจนน่าสงสารเลยล่ะ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้จะทำให้ชั้นรู้สึกไม่ดีน่ะ

ถ้าชั้นไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ พวกรุ่นต่อๆไปก็จะพากันล้อเธอที่โดนจับขังเอาไว้พอดีสิ

ก็ไม่ได้ชอบอะไรมาก แต่จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นก็น่าสงสารเกินไป

“ความมืดภายในตัวท่านอเล็กเซียได้หายไปแล้วล่ะจ้ะ เพราะเช่นนั้น คนที่ถูกผนึกเอาไว้อยู่ภายในนี้ก็ไม่ใช่แม่มดอีกต่อไปแล้ว”

ชั้นขยิบตาให้อัลเฟรีย พร้อมกับหันไปอธิบายให้เลย์ล่า

คราวที่แล้วชั้นพังคริสตัลด้วยพลังล้วนๆเพื่อเอาอัลเฟรียออกมา แต่ถ้าอัลเฟรียเป็นคนทำเองล่ะก็ แค่คลายเวทย์ผนึกออกก็พอแล้ว

เพราะว่าตัวอัลเฟรียเองก็ไม่ได้มีประวัติไม่ดีอะไรกับอเล็กเซีย ทำให้ท่าทีของเธอนั้นต่างไปจากคนอื่นๆ

ถ้าชั้นถามเวอร์เนลตรงๆล่ะก็ ชั้นมีลางสังหรณ์ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับการคลายผนึก

“เอาล่ะ ตัวเราเองก็เข้าใจถึงความรู้สึกตอนโดนผนึกเอาไว้ดีน่ะนะ เวทมนตร์นี้จะผนึกเอาไว้กระทั่งวิญญาณ ทำให้แม้จะตายไปแล้ว วิญญาณก็ไม่สามารถไปสู่สุขติได้ …จะอยากปลดปล่อยเธอคนนี้ออกมาจากชะตากรรมนั้นก็ถือว่าเข้าใจได้”

จิตวิญญาณของอเล็กเซียยังคงถูกขังอยู่ภายในนั้น

เวทย์ผนึกนี้เป็นเวทย์เดียวกับที่ผนึกร่างของอัลเฟรียไว้ ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพเสมือนตาย ซึ่งมากพอที่จะทำให้เซนต์คนต่อไปเกิดขึ้นมาได้ทั้งๆที่อัลเฟรียยังมีชีวิตอยู่

เวทมนตร์ที่สามารถทำให้กระทั่งมิติและเวลาหยุดนิ่งได้ จะกักขังวิญญาณเอาไว้ในนั้นด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ก็นะ ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้น วิญญาณของอัลเฟรียคงไม่อยู่รอดมาได้ตั้งพันปีหรอก

หรือก็คือ วิญญาณของอเล็กเซียนั้นยังคงอยู่

เธอใช้พลังความมืดของเวอร์เนลเพื่อฆ่าตัวตายก็จริง แต่เพราะว่าร่างกายนั้นถูกผนึกอยู่ ทำให้สมองยังไม่ได้ทำการประมวลผลถึงความตายนั้น

เท่ากับว่า…ชั้นยังสามารถชุบชีวิตเธอขึ้นมาได้อยู่

“เอาล่ะนะ ปลดผนึก!”

อัลเฟรียชูมือขึ้นมา นั่นทำให้คริสตัลที่ผนึกอเล็กเซียเอาไว้ค่อยๆสลายหายไป

ชั้นใช้เวทย์ลมรับร่างของเธอเอาไว้ แล้วจึงใช้มือทาบอกของเธอในส่วนที่เป็นหัวใจ

อย่างแรกเลยก็ใช้เวทย์รักษาบาดแผลทุกอย่างของเธอซะ จากนั้นก็ใช้เวทย์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้นอีกครั้ง

ปิดท้ายด้วยการส่งลมเข้าปอดของเธอเพื่อให้เกิดการหายใจ

“ท่านเอลริสคะ..ทำอะไรน่ะคะ!?”

ถ้าหันไปอธิบายให้เลย์ล่าฟังล่ะก็ เดี๋ยวจะโดนห้ามเอาได้ ตอนนี้เลยต้องพยายามเมินเธอไปก่อน

จากนั้น อเล็กเซียก็ไอออกมา อกของเธอเริ่มเคลื่อนไหวอีกครึ้ง

สำเร็จด้วยดี ก็นะ ระดับนี้แล้ว แค่นี้น่ะสิวๆ

“ท่านเอลริสคะ ทำไม…?”

“อย่างที่บอกไงจ๊ะ เธอคนนี้น่ะไม่ใช่แม่มดอีกต่อไปแล้ว และเธอก็ไม่ใช่ศัตรูด้วยเช่นกัน”

ถึงชื่อเสียงจะป่นปี้หมดจนกลับมารับตำแหน่งเซนต์ไม่ได้อีกแล้ว

แต่อย่างน้อย เธอก็น่าจะยังหาที่ของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้

ถ้าเป็นชั้นเมื่อก่อนล่ะก็ คงจะไม่คิดอะไรแบบนี้แน่นอน สงสัยการชำระล้างนี่จะมีผลจริงๆแฮะ

อีกอย่าง…ดูเหมือนว่าจะมีวิญญาณของอเล็กเซียหลงเหลืออยู่ในตัวของเวอร์เนล

ก็น่าจะเอาคืนให้เธอได้ไม่ยากน่ะนะ

“เวอร์เนลคุง ขอโทษนะจ๊ะที่ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้น่ะ แต่ว่าพลังความมืดของเธอน่ะ แต่เดิมแล้วเป็นของท่านอเล็กเซีย”

“…ผมรู้เรื่องนั้นแล้วล่ะครับ อเล็กเซียเป็นคนบอกผมเองในระหว่างการต่อสู้…”

“อาจจะเป็นในช่วงก่อนที่เธอจะกลายเป็นแม่มด เธอคงจะตัดส่วนหนึ่งของตนเองออกไป และหวังให้ใครสักคนใช้พลังนั้นเพื่อหยุดเธอให้ได้ นั่นทำให้พลังภายในตัวของเวอร์เนลคุงมีเศษเสี้ยววิญญาณของเธอปะปนอยู่ด้วยน่ะจ้ะ”

“นั่นเองก็รู้แล้วเหมือนกันครับ…”

เวอร์เนลมีพลังของตัวเอกได้เพราะว่าเขามีจิตวิญญาณของอเล็กเซียสถิตอยู่

แต่ตกใจเลยแฮะที่รู้เรื่องนี้แล้วน่ะ

เออ ว่าไปแล้วตอนที่มองผ่านคอมนี่ ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะได้คุยกับจิตวิญญาณของอเล็กเซียด้วยนี่นา

จากมุมมองของคนสร้างเกม…อิจูอินซังกับยามาโตะซังแล้ว เวอร์เนลเป็นตัวเอกของเรื่องนี่นะ

ว่าไปแล้ว ความทรงจำของอิจูอินซังจะเป็นยังไงบ้างหลังจากที่ฟุโดวตายไปแล้วนะ

รบกวนกันไว้ขนาดนั้นแท้ๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเขาเลย

“ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็…ช่วยคือวิญญาณของท่านอเล็กเซียให้แก่เธอได้ไหมคะ?”

“แน่นอนครับ”

โอ้ ตอบเร็วดีแฮะ

ถ้าเอาพลังคืนให้ล่ะก็ เวอร์เนลก็จะอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากไม่มีพลังความมืดแล้ว

สมกับเป็นตัวเอก ไม่ลังเลเลยสักนิด คนหล่อแถมยังใจหล่อตามไปด้วยนี่มีจริงแฮะ

อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้พูดคุยกับอเล็กเซียในระหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็ได้

ชั้นยื่นมือข้างหนึ่งไปหาเวอร์เนล และอีกมือวางลงบนตัวของอเล็กเซีย

เหมือนกับตอนที่ชั้นดูดพลังความมืดของเขามาใช้ ที่ต้องทำก็แค่เปลี่ยนเป็นการส่งถ่ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น

แต่รอบนี้ชั้นไม่ได้ส่งพลังกลับไปพร้อมกับจิตวิญญาณของเธอด้วย

ของแบบนี้น่ะ ไม่มีจะดีซะกว่า

ชั้นจึงรวบรวมแสงจากจิตใจคนเพื่อทำลายพลังความมืดนั้นทิ้งไปซะ

ถึงอย่างนั้นพลังความมืดก็ยังถูกดูดเข้าตัวชั้นไปชั่วขณะหนึ่ง คิดว่าอายุขัยของชั้นก็น่าจะหายไปด้วยซักสัปดาห์ล่ะมั้ง

ก็นะ เจ้าเต่าให้อายุขัยที่เหลือมาตั้งเป็นร้อย หายไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก

เอาจริงๆ ร้อยปีนี่มันก็นานไปป่าว

และแล้ว พลังความมืดทั้งในตัวชั้นและเวอร์เนลก็หายไป

ถึงพลังความมืดในตัวชั้นจะไม่มีแล้ว แต่อายุขัยที่หายไปของชั้นก็คงไม่ได้กลับคืนมา…ถึงจริงๆแล้วจะไม่จำเป็นต้องกลับคืนมาตั้งแต่แรกก็เถอะ

ถึงจะไม่มีพลังความมืดให้ใช้แล้ว ตอนนี้ชั้นก็ได้สกิลใหม่ในการใช้แสงจากจิตใจในการโจมตีมาด้วย ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า ถึงจะเสียพลังความมืดไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“อืม…”

โอ๊ะ อเล็กเซียลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว

ดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าตัวเองรอดมาได้ยังไง แต่พอเธอเห็นชั้น ก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติเลย

“เอะ เอลริส…! นี่มันหมายความว่ายังไงกัน! ทำไมเราถึงถูกปลดจากผนึก…ไม่สิ ทำไมตัวเราถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ!?”

ถึงจะไม่ใช่แม่มดแล้ว แต่อุปนิสัยก็ยังเป็นเหมือนเดิมสินะ

ดีไม่ดีเธอจะเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเซนต์แล้วด้วย

ขนาดในเกมต้นฉบับเอง เธอก็ค่อนข้างจะออกไปทางหยิ่งนิดๆ นี่คงจะเป็นเนื้อในของเธอจริงๆ

“ใจเย็นก่อนค่ะ ที่ตัวชั้นปล่อยคุณออกมาก็เพราะว่าตัวคุณไม่ใช่แม่มดอีกต่อไปแล้ว และที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็เพราะว่าชั้นทำการชุบชีวิตขึ้นมาน่ะค่ะ”

“…ไม่ใช่แม่มดอีกแล้ว…? นั่นสินะ…พอพูดอย่างนั้น ความรู้สึกที่ต้องการทำลายทุกอย่างในตัวเราก็หายไปจริงๆ จิตใจเองก็สงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนกับเมฆหมอกในหัวใจมันสลายหายไป… แต่เราไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงชุบชีวิตเราขึ้นมาล่ะ? ทำแบบนั้นไปแล้วเจ้าจะได้อะไรกัน?”

เซนต์ถูกเปลี่ยนให้เป็นแม่มดจากการที่หัวใจถูกกัดกินด้วยความชั่วร้ายของมนุษย์ที่ส่งต่อมาตั้งแต่สมัยของแม่มดคนแรก

และเมื่อความชั่วร้ายนั้นหายไปแล้ว ความรู้สึกอาฆาตแค้นที่เธอมีต่อมนุษยชาติก็หายไปด้วย

ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องจริงที่เธอสิ้นหวังในมนุษยชาติ และสิ่งชัวร้ายที่เธอทำไปก็ไม่ได้จางหายไป

ไม่มีเหตุผลที่ใครจะต้องลำบากลำบนเพื่อช่วยคนแบบนั้นเลย

“การจะช่วยใครสักคนน่ะ จำเป็นที่จะต้องได้รับของตอบแทนด้วยหรือคะ?”

ถึงจะถามแบบนั้น ก็ใช่ว่าชั้นจะได้อะไรตอบแทนน่ะนะ

ก็แค่ว่าถ้าชั้นไม่ทำ มันจะทำให้ชั้นรู้สึกแย่ เท่านั้นแหละ

เพราะงี้ชั้นถึงทำตัวเป็นคนดีไงล่ะ

ทำให้ตัวเองพึงพอใจด้วยการทำสิ่งดีๆ พูดไปก็เหมือนการช่วยตัวเองทางจิตนั่นล่ะ

ถ้าทำเรื่องดีก็จะทำให้รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ? ก็งั้นแหละ

“…ครูใหญ่คนก่อน ท่านดิแอสขอร้องมาน่ะค่ะ ว่าให้ช่วยเหลือคุณ เท่านั้นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วค่ะ”

“เจ้านี่นะ…”

อเล็กเซียมองชั้นเหมือนเป็นของแปลก

เธอถอนหายใจเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มมุมปากแหยๆ

“…เป็นคนที่โง่เง่าจริงๆเลยนะ จะใจดีอะไรก็ให้มีขอบเขตหน่อยสิ…ตัวเราน่ะ ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยนะ หระทั่งตอนที่เรายังเป็นเซนต์อยู่ สิ่งเดียวที่เรารู้สึกได้ก็คือภาระหนักหน่วงและความเจ็บปวด ได้แต่คิดว่า ทำไมถึงต้องช่วยเหลือคนพวกนี้ด้วย เอาแต่บ่นแบบนั้นในใจอยู่ตลอดเวลา… ถ้าหากเราเป็นคนสูงส่งเช่นเจ้าล่ะก็ คงจะไม่กลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้…กระทั่งตอนนี้เอง เราก็ยังรู้สึกเลยนะ ว่าเจ้าเป็นตัวตนที่น่าอิจฉาน่ะ…เจ้าน่ะ เป็นเซนต์จนถึงเนื้อในเลยล่ะ”

ผิดแล้วเธอเอ๊ย

นี่ก็เป็นแค่การช่วยตัวเองทางจิตใจต่างหาก ไม่ได้สนเธอเลยสักนิดนะเออ

ชั้นน่ะเป็นขยะเปียกที่ชั้นต่ำที่สุด เลยลงไปต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้วต่างหาก

ชั้นทำตัวเป็นคนดี จะได้มองตัวเองแล้วคิดว่า “ตูนี่โคตรเทพเลยเว้ยยย!” ได้ง่ายๆ

การที่เซนต์ตกลงสู่ความมืดน่ะ ก็เพราะว่าพวกเธอทำเพื่อคนอื่น ก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่รู้สึกมีความสุขกับของอย่างนั้นน่ะ

ถ้าทำสิ่งที่ตัวเองไม่รู้สึกยินดีด้วยน่ะ ก็คงทำนานๆแบบต่อเนื่องไม่ได้หรอกนะ

เพราะว่าเป็นคนดีเกินไป สูงส่งเกินไป พอตกลงสู่ความมืดเลยตกแบบดังตุ้บเลยไงล่ะ

…ก็นะ จะให้บอกไปตรงๆก็คงไม่ได้หรอก ก็หัวเราะกลบเกลื่อนไปแล้วกัน

ทักษะพิเศษ “ถ้าไม่รู้จะตอบอะไร ก็หัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่องไป”

หลังจากนั้น อเล็กเซียก็โดนราชาไอส์และพวกทหารพาไปที่ไหนสักแห่ง

ถึงแม้เธอจะไม่ใช่แม่มดแล้ว จะปล่อยเธอกลับสู่สังคมก็คงจะทำไม่ได้หรอก

ถึงอย่างนั้น ลุงไอส์แกก็รู้สึกผิดอยู่พอสมควร เลยตกลงรับข้อเสนอของชั้น

ถึงแม้เธอจะไม่สามารถกลายเป็นคนธรรมดาได้ แต่ก็จะสร้างคฤหาสถ์พร้อมสวนที่อยู่ห่างไกลผู้คน จากนั้นก็ให้เธอและดิแอสย้ายไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นั่น

แน่นอนว่าจะต้องมีคนคอยจับตาอยู่ตลอด และจะไปไหนมาไหนก็ต้องได้รับอนุญาตก่อน แต่ตราบเท่าที่พวกเธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ชีวิตต่อจากนี้ไปก็จะไม่ต้องมาลำบากอีกแล้วล่ะนะ

เอาจริงๆ ชีวิตที่โดนประคบประหงมแบบนั้นมันอะไรน่ะ น่าอิจฉาจัง

_____

ตอนหน้าเป็นตอนจบ