ตอนที่ 94 ความสงบสุขที่พวกเราไขว่คว้า(จบ)

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

ชั้นทำทุกอย่างที่ต้องทำจนหมดแล้ว

ตั้งแต่นี้ไป โลกก็จะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ที่ไม่มีทั้งเซนต์และแม่มด

ผู้ที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้จะเป็นตัวของมนุษยชาติเอง ไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนของโลกมาคอยชี้นำ

และเพราะอย่างนั้น ชั้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

ถึงชั้นจะไม่ใช่เซนต์ก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งโหรของชั้นเองก็มีอำนาจไม่แพ้กันเลย

ถ้าชั้นบอกว่านกตัวนั้นเป็นสีขาว ต่อให้มันเป็นสีดำ ทั้งโลกก็จะบอกว่ามันเป็นสีขาวอยู่ดี มีอำนาจถึงขนาดนั้นเลยล่ะ

แต่ถ้าจะให้มนุษยชาติพัฒนาต่อไปได้ล่ะก็ การที่จะให้มีคนที่เปี่ยมด้วยอำนาจขนาดนั้นมาคอยควบคุมน่ะ มีแต่จะขวางความเจริญก้าวหน้าซะมากกว่า

เพราะอย่างนั้นชั้นถึงปลีกตัวออกมาจากสังคม มาอาศัยอยู่ในป่าที่โปรเฟตะเคยอยู่แทน เท่านี้ชั้นก็มีบ้านซุงหลังใหญ่ที่จะใช้นอนกลิ้งเกลือกได้ทั้งวี่ทั้งวันแล้ว

เอาจริงๆนะ พวกเรื่องการเมืองนี่มันน่ารำคาญอ่ะ

ยังไงปีศาจก็ไม่มีแล้ว แถมถ้าให้ชั้นอยู่ต่อไปนี่ ก็ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงจะโผล่ออกมาเมื่อไร

พวกผู้กล้าในตำนานน่ะมันเท่ก็จริง แต่ถ้าไม่มีศัตรูให้ปราบแล้ว ตัวตนของพวกเขาก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เป็นแค่อาชีพที่ดูสูงส่งแต่ไม่มีงานให้ทำ

ถึงอย่างนั้น พวกราชาของประเทศต่างๆก็จะมาขอคำปรึกษาชั้นอยู่เรื่อยๆน่ะนะ และถ้ามีปัญหาใหญ่อะไร ชั้นก็ยินดีจะช่วยเหลือ แต่นอกจากนั้นนี่ ชั้นถือว่าพอแล้วล่ะ กับการเป็นเซนต์เนี่ย

ที่หลังบ้านชั้นมีสวนผลไม้กับสวนผักด้วยนะเออ ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงไงล่ะ

จริงๆแล้วพวกผู้พิทักษ์นี่ก็ชอบเอาสัตว์ที่ล่าหรือผลไม้ในป่ามาฝากตลอดเลย กลายเป็นว่ามีของกินมากเกินไปซะด้วยซ้ำ

เพราะว่ามีอายุขัยที่ได้มาจากเจ้าเต่าเหลืออีกเยอะ เท่ากับว่าชั้นน่าจะว่างไปอีกเป็นศตวรรษเลยล่ะ…ลองพยายามนำสูตรอาหารกับเทคโนโลยีทั้งหลายจากโลกเก่ามาใช้ในโลกนี้ดีมั้ยนะ?

“ท่านเอลริสคะ วันนี้ได้ปลามาหลายตัวเลยล่ะค่ะ!”

ชั้นมองไปตามทางของเสียง เห็นเลย์ล่ากำลังเดินมาทางนี้

ข้างหลังของเธอมีเวอร์เนลอยู่ด้วย

ในท้านที่สุด เลย์ล่าก็สละยศและตำแหน่งอัศวินแล้วก็ติดตามชั้นมาด้วย ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ด้วยกันแล้ว

คนที่อุทิศตนให้กับการเป็นอัศวินมาตั้งแต่เด็กอย่างเธอนี่ ทำแบบนี้จะดีจริงๆเหรอ แต่พอถามไป ก็โดนตอบกลับมาว่า “เซนต์ของดิฉันมีเพียงท่านเอลริสเท่านั้นค่ะ”

เอาเถอะ ดูเหมือนว่าเธอจะปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบนี้ได้ดีเลย เธอยังรับหน้าที่ออกล่าสัตว์และปลามาให้ด้วย ชั้นเองก็ไม่ติดอะไรหรอกนะ

จริงๆเธอนี่น่าจะเหมาะเป็นนายพรานมากกว่าอัศวินอีกนะเนี่ย

เออ ใช่ ใช่

ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็พูดถึงคนอื่นด้วยเลยแล้วกัน

ไม่รู้ว่าตัวประกอบเอและฟิโอร่าไปสนิทกันมาตอนไหน แต่เห็นว่าเริ่มคบกันแบบหวังแต่งตั้งแต่ที่จบศึกกับแม่มดไปแล้ว

ไอ้แว่นโรคจิตยังคงทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของสถาบันอยู่ เห็นว่าเริ่มเขียนหนังสือที่เกี่ยวข้องกับวีรกรรมของชั้นหรืออะไรนี่แหละ

ก็ยังเห็นหน้ามันอยู่เป็นพักๆน่ะนะ เพราะเจ้านี่รับหน้าที่เป็นคนนำข่าวสารจากโลกภายนอกมาส่งให้ชั้นที่ไม่ได้ออกไปไหน

จริงๆจะจะใช้นกสตีลส่งสารแทนก็ได้แหละ แต่มันดึงดันจะมาด้วยตัวเองให้ได้ น่าขยะแขยงเหมือนเดิมเลยนะแก

ไอน่ากับแมรี่ได้รับตำแหน่งอัศวินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็จะยังเรียนต่อจนจบการศึกษา

เซนต์อาจจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว แต่ตำแหน่งอัศวินก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่

เห็นว่าเปลี่ยนจากการขึ้นตรงกับเซนต์มาขึ้นตรงกับประเทศและประชาชนแทน

เซนต์คนปัจจุบัน เอเทอร์น่า เลือกปฏิเสธที่จะขึ้นมารับตำแหน่งเซนต์ และยังคงศึกษาในสถาบันต่อไป

หลังเรียนจบก็เห็นว่าจะกลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง

ไม่ว่าอนาคตของเธอจะเป็นยังไง ก็ขอให้มีแต่ความสุขนะ

เป็นอัลเฟรียเองนี่แหละที่ขึ้นมารับตำแหน่งเซนต์ต่อ ถึงแม้ว่าจะทำงานไม่ค่อยได้เรื่องแล้วก็ชอบสร้างเรื่องปวดหัวให้ลูกน้องอยู่บ่อยๆ ก็สมกับเป็นเธอล่ะนะ

คนที่เลือกเส้นทางที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือตัวเอก เวอร์เนลคุง

ไม่รู้ว่าเพี้ยนอะไรขึ้นมา แต่เขาก็ออกจากโรงเรียนแล้วออกเดินทาง

เห็นบอกว่า “ผมในตอนนี้ยังไม่คู่ควรกับท่านเอลริส ผมจะออกเดินทางเพื่อฝึกฝนตัวเองและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้”

นอกจากนี้ยังได้ยินมาว่าเจ้านี่ทิ้งดาบเอาไว้กับสถาบัน แล้วก็ออกเดินทางตัวเปล่า

น่าจะประมาณว่า “ผมจะกลายเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับดาบเล่มนั้นให้ได้” อะไรแบบนั้น

ชั้นคอยใช้ตาทิพย์มองเวอร์เนลอยู่เป็นพักๆ ดูเหมือนว่าจะออกเดินทางทั่วโลกเพื่อพบปะกับคู่ต่อสู้ที่แข้งแกร่งยิ่งขึ้นจริงๆนั่นแหละ ได้เพื่อนและคู่แข่งมาเป็นขโยงเลยด้วย

…อะไรวะเนี่ย? แบบนี้จะดีเรอะ?

ก็รู้แหละว่าเล็งชั้นไว้อยู่น่ะ แต่ขอโทษทีเถอะนะ…ชั้นคงไม่มีวันตอบรับความรู้สึกของนายได้หรอก

ชั้นก็พยายามจะบอกให้มันยอมแพ้แล้วก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นหลายรอบแล้วนะ แต่ก็โดนตอบมาว่า

“ผมจะกลายเป็นผู้ชายที่สามารถปกป้องคุณได้ให้ได้เลย”

โคตรแมนอ่ะ ถ้าจิตใจชั้นเป็นผู้หญิงนี่ อาจจะโดนตกเข้าให้แล้วก็ได้

แต่โทษนะ ถึงจะโดนชำระล้างไปนิดหน่อย แต่เนื้อในชั้นก็ยังเหมือนเดิมล่ะเฟ้ย

เพราะอย่างนั้น วันที่ชั้นจะตอบรับความรู้สึกนั้นก็คงไม่มีวันมาถึง

…เนื้อในชั้นยังเป็นผู้…ชาย ใช่มั้ยเนี่ย? เริ่มสับสนแล้วนะ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ การที่ชั้นจะตกหลุมรักผู้ชายและยอมรับการกลายเป็นหญิงอย่างเต็มตัวนี่คงไม่มีวันเกิดขึ้น ยังไงโดนพื้นฐานแล้ว ความทรงจำของชั้นก็ยังมาจากชาติก่อนที่เป็นผู้ชายนี่นะ…แต่เพราะว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ชั้นเลยเริ่มสงสัยตัวเองแล้วเนี่ย ถึงมันจะแค่ชั่วขณะ…แต่จิตใจของชั้นก็เปลี่ยนไปจริงๆในชั่วเวลานั้น มันทำให้ชั้นกลัวว่าตัวเองมีโอกาสที่จะถูกเปลี่ยนไปเลยแบบจริงๆ

เรื่องนั้นช่างไปก่อน ดูเหมือนว่าที่เวอร์เนลมาวันนี้ก็เพราะมีบางอย่างจะให้

นายนี่ตัวบึกกว่าครั้งที่แล้วที่เจอกันอีกนะเนี่ย กล้ามอย่างใหญ่เลย

ตอนแรกที่เจอกันนี่ยังเป็นสไตล์อิเคเมน ตัวผอมเพรียว สมกับเป็นพระเอกเกมจีบสาวอยู่เลย ตอนนี้ดันกลายมาเป็นคนที่เหมือนจะบอกว่า “เหนือฟ้าใต้หล้า ข้าแข็งแกร่งที่สุด” อะไรแบบนั้นเลย

นี่ไม่ใช่พระเอกเกมจีบสาวแล้วป่ะ? ไอ้นี่มันพระเอกเกมต่อสู้ไม่ใช่เรอะ?

นี่แกคงจะไม่งัดฮาโดเคนออกมาใช้ใช่มั้ยเนี่ย?

ตั้งแต่นี้ไป ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าโลกนี้จะไปต่อในทิศทางไหน

โดยเฉพาะไอ้เจ้าเวอร์เนลนี่ตูยิ่งไม่รู้เลย

แต่ถ้ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวก็คงจะหาทางแก้ได้เอง เป็นอนาคตแบบนั้นนั่นแหละ

นี่ไม่ใช่โลกที่ดอกไม้แห่งนิรันดร์จะต้องร่วงโรยลงอีกแล้วอีกต่อไปแล้ว

ใช่แล้ว เพราะว่านี่ไม่ใช่โลกของ”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย” แต่เป็นโลกใหม่ และเรื่องราวใหม่ๆที่ชั้นไม่รู้จัก

“เอ่ออ…ท่านเอลริสครับ ผมไปเจอดอกไม้นี้ที่เกาะทางตะวันออกน่ะครับ…เลยช่วยกันกับเลย์ล่าซังและทำสิ่งนี้มาให้”

พอพูดแบบนั้นเสร็จ เขาก็ยื่นอะไรบางอย่างมาให้

เป็นเครื่องประดับดอกไม้ที่ทำขึ้นจากดอกแองเจโล่ เป็นแบบเดียวกันกับที่ร่วงโรยไปหลังการต่อสู้กับอเล็กเซีย

อ๊ะ ว่าไปแล้ว ชั้นก็ไม่ได้ใส่มันอีกเลยนี่นา

จริงๆถึงจะไม่ใส่ก็ใช่จะเป็นเรื่องใหญ่อะไรน่ะนะ

ตั้งแต่แรกแล้ว เจ้านี่ก็เป็นแค่แหล่งพลังเวทย์สำรองที่เตรียมเผื่อไว้ถ้าพลังหมด…สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เลย

ถึงชั้นจะไม่ได้ใส่ก็คงไม่เป็นไรมาก

ตอนที่คิดอย่างนั้น…เวอร์เนลก็เอื้อมมือและเอามันมาประดับบนหัวของชั้น

หยุดน่า มันน่าอายนา

“อืม ว่าแล้วเชียว ดอกไม้สีขาวนี่เหมาะสมกับท่านเอลริสที่สุดจริงๆ”

หยุดน่า มันน่าอายนา(รอบที่สอง)

เจ้านี่มันพระเอกเกมจีบสาวโดยธรรมชาติจริงๆนั่นแหละ

ปากหวานจริงนะแกเนี่ย

ก็จะขอบคุณละกันนะ เป็นดอกไม้หายากทั้งที

เดี๋ยวดิ เกาะทางตะวันออกนี่มันอะไรกัน? นี่แกว่ายน้ำข้ามไปถึงโน่นเพื่อเอากลับมาเลยเรอะ?

…เอาเป็นว่าก็จะร่ายเวทย์เพื่อเก็บรักษามันเอาไว้ก่อนแล้วกัน

“ขอบคุณนะจ๊ะ เวอร์เนลคุง เลย์ล่าเองก็ด้วยนะ”

ชั้นพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มกลับไป

รับไปซะ รอยยิ้มของสาวสวย(เฉพาะฉากหน้า) พอใจยัง

ทั้งเวอร์เนลและเลย์ล่าถึงกับหน้าแดงและหลบสายตาไปเลย

…ก็พอเข้าใจเวอร์เนลอยู่หรอกนะ แต่ทำไมสต๊อกโกะถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นล่ะ?

–ใครก็ได้ ช่วยด้วย!

…มุ อยู่ๆชั้นก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ

ชั้นใช้ตาทิพย์ของโหรเพื่อค้นหาในทันที เจอเด็กผู้หญิงที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่บนเขาที่ห่างจากตรงนี้ไปประมาณห้ากิโล

ดูเหมือนว่าเธอจะลื่นตกเขา ส่วนขาก็ได้รับบาดเจ็บทำให้ขยับไปไหนไม่ได้

ให้ตายเถอะ…ยุ่งยากก็จริง แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

ชั้นบอกเวอร์เนลและเลย์ล่าว่าจะออกไปข้างนอกนิดหน่อย แล้วก็บินไป

.

เด็กคนนั้นเอามือกุมขาที่บาดเจ็บทั้งน้ำตา

เด็กสาวที่พยายามจะเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ข้ามเขาลูกนี้ไป แต่ก็ลื่นไถลและตกลงมาจากผา

ถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ขาของเธอก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ยิ่งกว่านั้นยังถูกหินทับทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้

ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ก็คงจะไปตามเส้นทางที่อ้อมภูเขาแทน แต่จะมาเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว

จริงอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้ไม่ใช่เขตที่อันตรายเป็นพิเศษ

แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถมาช่วยเหลือเธอได้ ในตอนกลางคืน พวกสัตว์นักล่าทั้งหลายก็จะออกมาหากิน และเธอนี่ล่ะที่จะกลายเป็นเหยื่อ

เธอคงจะตายจากความหิวโหย อดน้ำ …หรือไม่ก็ถูกสัตว์ป่าฉีกเป็นชิ้นๆ

ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้เลย ดวงตาของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา

…ใครก็ได้ ช่วยด้วย!

ถึงแม้เธอจะตะโกนร้องหาคนช่วย ก็ใช่ว่าจะมีใครได้ยิน

ในไม่นาน เสียงของเธอก็เหือดแห้งลงไป เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอนั้นส่งไปไม่ถึงใครเลย

ในตอนที่เธอสิ้นหวังอยู่นั้น เมฆบนฟ้าก็เบิกออก และแสงจากสวรรค์ก็เฉิดฉายลงมา

เธอคนนั้นที่ลอยลงมาจากฟากฟ้า คือสาวงามหาผู้ใดเปรียบ แต่งกายด้วยชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์

เส้นผมของเธอส่องประกายเงางามราวกับทองคำ ดวงตาสีเขียวของเธอสะท้อนแสงสวยสดราวกับอัญมณี

เธอเป็นหญิงสาวที่สวยงามราวกับพระเจ้าทุ่มเทในการสร้างสรรค์เธอขึ้นมา รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยเมตตา พร้อมกับยื่นมือมาหาเด็กสาวผู้อับโชค

“ชั้นได้ยินแล้วค่ะ เสียงของคุณน่ะ”

วันนี้เอง เซนต์ตัวปลอมผู้นี้ก็ยังคงเจิดจ้าเช่นเดิม

_____

ก็จบกันไปแล้วนะครับกับ “สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค”

แต่ก็ยังเหลือตอนพิเศษอีกไม่น้อยเลยนะครับ เดี๋ยวจะทยอยแปลมาให้อ่านกัน ซึ่งจะแปลควบไปกับนิยายเรื่องใหม่ด้วยเลย

ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ

ไว้เจอกันใหม่เน้อ