บทที่ 81 รู้สึกเป็นยังไง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 81 รู้สึกเป็นยังไง

บทที่ 81 รู้สึกเป็นยังไง

แม้ว่าเยี่ยเฟยเฟยและคนอื่นเพิ่งจะเข้าเรียน แต่ชื่อเสียงของสองดอกไม้งามแห่งมหาวิทยาลัยย่อมต้องเคยได้ยิน สาเหตุก็เพราะ คนทั้งสองมีชื่อเสียงล้นพ้นในมหาวิทยาลัย ทั้งยังยอดเยี่ยมในทุกสัดส่วน ตัวตนของคนทั้งสองก็สูงส่งไม่แพ้กัน ทำให้ชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเจียงโจวยิ่งโด่งดัง กระทั่งว่าเป็นคนที่อยู่รอบข้างของมหาวิทยาลัย ก็ยังต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของคนทั้งสอง

“พวกเธอน่ะไม่ได้เห็น ว่าถังอวี่เฟยยื่นมือไปแตะสัมผัสกล้ามแฟนของเฟยเฟยด้วยมือยังไง ทั้งยังพูดจาโลมเลีย เป็นนางจิ้งจอกโดยแท้” เสี่ยวอวิ๋นพูดพลางแสดงท่าทีนึกอิจฉา “แต่ก็นะ เธอน่ะสวยจริง เรือนร่างก็ดีจริง เสน่ห์ก็ล้นเหลือ ถ้าฉันเป็นผู้ชาย เจอแบบนั้นเข้าไปคงยืนเฉยไม่ได้หรอก เพราะงั้นนะเฟยเฟย เธอต้องคอยสนใจเรื่องนี้ให้ดี อย่าปล่อยให้แฟนเธอคลาดสายตา”

“ถูกต้องแล้ว เฟยเฟย ครั้งนี้ศัตรูแข็งแกร่งมากนะ เธอต้องระวังให้ดี” เสี่ยวหรูร่วมสมทบ “เพียงแต่ เฟยเฟยของพวกเราก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใครนะ ถ้าหากถามฉัน สองดอกไม้งามคงได้เวลาเปลี่ยนเป็นสามดอกไม้งามแล้ว”

“ใช่แล้ว เฟยเฟยของพวกเรามีดีขนาดขึ้นเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยได้” เสี่ยวอวิ๋นร่วมเห็นด้วย

“ฉันไม่อยากเป็นดอกไม้อะไรนั่นสักนิด” เยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ “ฉันก็แค่อยากมาเรียน สนุกกับชีวิตมหาวิทยาลัยก็เท่านั้นเอง”

เยี่ยเฟยเฟยหาทางหลุดพ้นจากสายตาของพ่อแม่ ขณะเวลานี้ เธอกำลังคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตสุขสันต์ นอกจากนั้นแล้ว แรงกดดันทางการเรียนในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ดังนั้นเธอจึงได้ใช้ช่วงเวลาสุขสันต์กับเรื่องราวอื่นได้อย่างที่ต้องการ โดยแทบไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยเลยเสียด้วยซ้ำ

“อาจารย์อู๋ คาบเรียนแรกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ที่ภายในออฟฟิศ อาจารย์หลายคนกลับมาแล้ว และอาจารย์ซุนเยวี่ยเป็นคนเอ่ยคำถามกับอู๋ฝาน

“ก็ดีครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ไม่รู้เลยว่าทางสถาบันคิดอะไรอยู่กัน ทำไมถึงจัดแจงส่งอาจารย์ชายไปสอนคาบเรียนว่ายน้ำนักศึกษาหญิงได้กันนะ? เด็กผู้หญิงพวกนั้นต้องมีความเห็นเป็นอื่นแน่ ถ้าเรื่องราวเผยแพร่ออกไปคงไม่ดี” หลี่เทียนบ่นออกมา

“จริงด้วย” หวังฝูเข้าร่วมวงสนทนา “เฮ้อ ถ้ามีรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปบนกระดานสนทนาของมหาวิทยาลัยขึ้นมาละก็ คงต้องตรวจสอบดูหน่อยแล้ว เรื่องนี้ต้องเป็นประเด็นร้อนแรงแน่ อาจารย์อู๋ ในช่วงคาบการเรียนการสอน คงไม่ได้ตั้งใจฉวยโอกาสกับพวกเด็กผู้หญิงใช่ไหม ถ้ามีคนใช้ประเด็นนี้ทิ่มแทงเข้าไปบนกระดานสนทนาละก็ สุดท้ายรู้ถึงหูของเบื้องบนมหาวิทยาลัยเกรงว่าหน้าที่การงานของคุณจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว”

เพราะท่าทีของหลี่ปิงที่มีต่ออู๋ฝานเป็นศัตรูอย่างเด่นชัด ดังนั้นทั้งหลี่เทียนและหวังฝู จึงไม่มีความคิดเผยท่าทีเป็นมิตรกับอู๋ฝาน กระทั่งปรารถนาให้อู๋ฝานพบเจอโชคร้ายเสียด้วยซ้ำ

“อาจารย์หวัง ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนคุณนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับพลางเปิดคอมพิวเตอร์ “ตอนที่ผมกลับมาเมื่อครู่ ยังเห็นคุณจ้องมองต้นขานักศึกษาหญิงด้วยซ้ำ เป็นยังไงบ้างครับ? ได้ดูจนอิ่มเอมดีสมใจอยากหรือเปล่า?”

“ไร้สาระ!” หวังฝูไม่คาดคิด ว่าอู๋ฝานจะพบเห็นการกระทำลับล่อของตนเองเมื่อครู่นี้ ถึงกับทำใบหน้าเขาต้องแดงก่ำขึ้นมา “คุณกำลังใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงผม! เรื่องนี้ต้องแจ้งให้เบื้องบนทราบ”

“ตามสะดวกครับ” อู๋ฝานตอบกลับ “เหมือนผมจะลืมบอกอะไรไป ตรงทางเดินด้านนอกมีกล้องวงจรปิดอยู่นะครับ… ก็หวังว่าคุณจะเข้าใจความหมาย”

ความหมายของอู๋ฝานนั้นชัดเจน หากว่าแจ้งเรื่องขึ้นไป ก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ถึงเวลาก็เพียงแค่ขอตรวจสอบเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนั้นก็ต้องถูกเปิดเผยไปด้วย

ตอนนี้เองที่หวังฝูเกิดนึกขึ้นได้ ว่าที่ทางเดินมีกล้องวงจรปิดอยู่จริง เขาจึงตระหนักได้ว่าตนเองขาดความระวัง ความกล้าที่เคยมีเมื่อครู่จึงหดหาย

“ปากคอเราะร้ายดีเสียจริง ฉันไม่ขอเชื่อว่าคนอย่างนายจะเป็นสุภาพบุรุษได้!” หลี่ปิงพูดขึ้นมา

ในความเห็นของหลี่ปิง หากว่าอู๋ฝานเป็นอาจารย์คาบเรียนว่ายน้ำ ไม่มากก็น้อยจะต้องฉกฉวยโอกาส เป็นเพราะกระบวนความคิดของเขา ที่หากว่าตนเองเป็นอาจารย์ของคาบเรียนดังกล่าว จะต้องหาทางฉวยโอกาสอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงมองว่าอู๋ฝานก็ต้องเป็นเหมือนกับตนเอง

แม้ในคาบเรียนนักศึกษาอาจไม่พูดอะไร แต่ภายหลังย่อมต้องโพสต์ลงกระดานสนทนาของมหาวิทยาลัย ทำลายชื่อเสียงของอู๋ฝาน สุดท้ายทำให้ตกงาน ดังนั้นหลี่ปิงและหวังฝูจึงคิดเห็นคล้ายคลึงกัน ว่าบนกระดานสนทนาของมหาวิทยาลัยจะต้องมีเรื่องร้องเรียนถึงอู๋ฝาน

เพียงแต่ ตอนที่พวกเขาเปิดกระดานสนทนาเข้าไป ถึงกับต้องชะงักกับหัวข้อที่ได้เห็นเสียแทน

“เทพเจ้าหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟคปรากฏตัวในมหาวิทยาลัย!”

“ถ้าหากพูดถึงหุ่นผู้ชายสักคนหนึ่ง คิดว่าจะดีได้ขนาดไหนกัน!”

“ผู้ชายคนนี้ถึงกับทำฉันน้ำลายไหลทั้งคาบ!”

“ใครจะรู้กันว่าอาจารย์จะแต่งงานหรือยัง แต่ฉันขอไปต่อแถว!”

ที่บนกระดานสนทนา มันมีหัวข้อพูดถึงอู๋ฝานมากมายจริง ทั้งยังมีรูปของอู๋ฝานไม่ใช่น้อย โดยอู๋ฝานหาได้ทราบไม่ว่าใครถ่ายรูปเหล่านั้น และถ่ายไปเมื่อตอนใด

การพูดถึงมีอยู่จริง แต่เป็นด้านดีของอู๋ฝาน ไม่มีความคิดเห็นเชิงลบแม้สักหัวข้อ มันจึงแตกต่างจากที่พวกหลี่ปิงและหวังฝูคิดอย่างสิ้นเชิง

เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

ทำไมพวกคุณถึงไม่ร้องเรียนเรื่องการล่วงละเมิดของอู๋ฝานกับนักศึกษา ที่เป็นอาจารย์ผู้ชายไปสอนพวกคุณในคาบหญิงล้วน? ทำไมพวกคุณถึงได้ดูหิวกระหาย ไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายมาก่อนเลยหรืออย่างไร?

ที่ทำหลี่ปิงยิ่งโกรธจัด คือตอนที่เกิ่งหย่าเฟยพบเห็นรูปอู๋ฝานในชุดว่ายน้ำบนอินเทอร์เน็ต จะถึงกับเผยดวงตาเป็นประกาย นี่จำเป็นต้องแสดงท่าทีถึงขนาดนั้นรึไง?

อู๋ฝานมีรูปร่างดีขนาดนั้น?

หลี่ปิงคิดอยากพูดออกไป ว่าร่างกายตนเองดีกว่าอู๋ฝาน เพียงแต่ยามพบเห็นรูปของอู๋ฝานกับตา เขาจึงไม่มีความกล้าจะพูดเช่นนั้น เพราะแม้เขาเองก็ไม่อยากยอมรับ ว่าหุ่นของอู๋ฝานสมบูรณ์แบบได้ที่ แม้ว่าตัวเขาจะออกกำลังกายมากมาย แต่หากเทียบเปรียบกับอู๋ฝานแล้ว มันยังมีความต่างที่เห็นได้ชัดคงอยู่

หุ่นของอู๋ฝานแทบจะเข้าใกล้คำว่าจุดสมดุลของความสมบูรณ์แบบ อย่างที่ยากจะมีใครสักคนพยายามหาข้อตำหนิ

“อาจารย์อู๋ ไม่นึกเลยว่าคุณที่ดูผอมบางแบบนี้ แต่กลับมีหุ่นที่ดีขนาดนั้นได้” ซุนเยวี่ยมองยังร่างกายที่ค่อนข้างอ้วนของตัวเอง ถัดจากนั้นจึงมองรูปของอู๋ฝานบนอินเทอร์เน็ต สุดท้ายจึงกล่าวคำด้วยความอิจฉา

“ผมออกกำลังกายเป็นประจำครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ต่อให้ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีหุ่นที่ดีแบบคุณได้หรอกนะ” เกิ่งหย่าเฟยพูดขึ้นมา “รับชมเด็กสาวเหล่านั้นที่กำลังจะคลุ้มคลั่งเพราะคุณ คงได้เห็นแล้วว่าได้รับความนิยมขนาดไหนกัน”

“อันที่จริง ตอนแรกผมก็อายไม่น้อยเลยนะ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ภายหลังจึงค่อยดีขึ้น นักศึกษาเหล่านั้นมีเหตุและมีผลครับ”

“เกรงว่าภายหน้าถัดจากนี้ การเป็นอาจารย์ของคุณคงไม่ง่ายเช่นที่คิดแล้ว พวกเธอคงได้พยายามไล่ตามจีบคุณแน่” เกิ่งหย่าเฟยยิ้มตอบรับ “ดูนี่สิ เด็กน้อยพวกนี้บนอินเทอร์เน็ตพร้อมใจกันบอก ว่าจะไล่ตามจีบคุณให้ได้”

“พวกเธอก็แค่หยอกล้อกันแหละครับ” อู๋ฝานเผยยิ้มเก้อเขิน

สำหรับเหล่าเด็กสาวใจกล้า อู๋ฝานได้ประสบพบเจอกับตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจ ที่พวกเธอจะกล้าพูดถึงขนาดนั้นในอินเทอร์เน็ต เพียงแต่อู๋ฝานยังเกิดรู้สึกว่าน่าอายไปบ้าง โดยเฉพาะตอนที่เพื่อนร่วมงานพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกเขินอายยากจะอธิบาย