ตอนที่ 43 ช่วยคน
เฉียวเวยเปลี่ยนกลับไปใส่เสื้อผ้าชุดเดิมของตัวเอง นางจูงมือบุตรชายและบุตรสาวคนละข้าง ก้าวขึ้นรถม้ากลับบ้านของตน

วันที่สามเดือนหนึ่ง ภายในเมืองหลวงยังอยู่ในบรรยากาศของเทศกาลวันตรุษ มีโคมไฟและเสียงประทัดดังทุกหนทุกแห่ง

ท้องถนนเงียบสงัด ร้านค้าเงียบเชียบ แต่เมื่อเทียบกับวันที่สามสิบคืนก่อนสิ้นปีก็นับว่าคึกคักกว่ามาก

เฉียวเวยให้หลัวหย่งเหนียนพาไปร้านตำรา ใช้เงินที่เหลือพียงเล็กน้อยซื้อตำราแพทย์มาหลายเล่ม ชาติที่แล้วนางศึกษาการแพทย์แผนตะวันตกจึงรู้ศาสตร์การแพทย์แผนจีนน้อยนัก เมื่อมาอยู่ในยุคโบราณ นางเพิ่งตระหนักว่าสิ่งที่เคยเรียนรู้มานั้นแทบจะไร้ประโยชน์

หากนางชำนาญการแพทย์แผนจีน ครั้งนี้คงไม่โดนหมอต้มตุ๋นจนรักษาอาการป่วยของเด็กๆ ล่าช้า และคงไม่ต้องเข้าเมืองหลวงในช่วงเทศกาลวันตรุษ

นางไม่คาดหวังว่าตนเองจะร่ำเรียนสำเร็จจนกลายเป็นหมอฮัวโต๋คนที่สอง แต่อย่างน้อยหากเด็กๆ เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนอีก นางจะได้รับมือเองไหว

หลังจากซื้อตำราแพทย์ ถุงเงินของเฉียวเวยก็แบนสนิท

เฮ้อ ชีวิตช่างน่าเศร้า

เฉียวเวยเก็บตำราอย่างระมัดระวังและขึ้นรถม้า

หลัวหย่งเหนียนถามขณะขับรถ “ท่านพี่ เราจะไปที่ใด”

“เข้าตัวเมืองก่อน ไปคืนรถม้าให้เฉินต้าเตา”

“ได้เลย!”

ครั้งนี้ต้องขอบคุณรถม้าของเฉินต้าเตา เฉียวเวยจึงพาเด็กๆ มาเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น มิฉะนั้นหากอาศัยเพียงสองขา ไม่ว่าอย่างไรก็คงมิอาจเดินมาถึงเมืองหลวงได้ ยังไม่ต้องพูดถึงลมหนาวอันทารุณ เกรงว่ายังเดินไปไม่ถึงไหน เด็กๆ ก็คงหนาวจนอาการย่ำแย่เสียก่อน

เพื่อแสดงความขอบคุณ เฉียวเวยจึงซื้อขนมสองกล่องจากเมืองหลวงมาฝากเฉินต้าเตาเป็นพิเศษ

ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่พักของเฉินต้าเตา พวกเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินต้าเตา เรือนทั้งเรือนว่างเปล่าราวกับเพิ่งถูกยกเค้า กะละมังคว่ำระเนระนาดอยู่บนพื้น ไอร้อนยังลอยกรุ่นๆ อยู่

เฉียวเวยกับหลัวหย่งเนียนมองหน้ากัน

นี่คือเขตของพรรคชิงหลงมิใช่หรือ

ผู้ใดบังอาจปล้นพรรคชิงหลง

ขณะที่ทั้งสองคิดไม่ตกอยู่นั้น หู่จื่อก็พรวดพราดเข้ามาจากด้านนอก เขามองแผ่นหลังของคนที่อยู่ด้านในตัวเรือน แล้วลองถามหยั่งเชิง “ฮูหยิน ใช่ท่านหรือไม่”

ทั้งสองหันกลับมาพร้อมกัน เฉียวเวยพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเอง หู่จื่อ เกิดอันใดขึ้นที่นี่”

ปึ้ก! หู่จื่อคุกเข่าตรงหน้าเฉียวเวยประหนึ่งคว้าเจอเส้นฟางที่จะช่วยชีวิตได้ “ฮูหยิน! พวกท่านรีบไปช่วยต้าเตาเถิด! ต้าเตาถูกคนจับตัวไปแล้ว!”

“ผู้ใด”

“ต้าจิน!”

ที่แท้อู๋ต้าจินถูกศาลาว่าการปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดเมื่อเช้านี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพราะผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเขาใช้เส้นสาย ทันทีที่ออกจากคุก เขาก็ให้ภรรยาเตรียมของกำนัลล้ำค่า เตรียมตัวจะเดินทางไปขอบคุณถึงเมืองหลวง ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมาถึงพรรคกลับพบว่ารถม้าของตัวเองหายไป

หลังจากซักถามจึงทราบว่าเฉินต้าเตาตัดสินใจโดยพลการ ให้หญิงสาวคนที่ส่งเขาเข้าคุกยืมรถม้าไป เขาโกรธจัดสั่งให้คนมัดเฉินต้าเตาไว้ท้ายเรือนของเขา แล้วเรียกพี่น้องทุกคนไปดูชะตากรรมของคนทรยศ

“ฮูหยิน ต้าจินจะตัดมือของต้าเตา ท่านรีบไปช่วยเขาเถิด!” หู่จื่อร้องไห้อ้อนวอน

พรรคมีกฎของพรรค ยังไม่ต้องพูดถึงว่าระหว่างเฉียวเวยกับอู๋ต้าจินมีความแค้นส่วนตัวกันอีก ต่อให้ไม่มี เฉียวเวยบุ่มบ่ามเข้าไปโดยพลการก็คงไม่มีอันใดดีต่อตนเอง

แต่เฉินต้าเตาล่วงเกินต้าจินเพราะพวกนาง พวกนางย่อมไม่อาจเพิกเฉย

หลัวหย่งเหนียนบอกเฉียวเวย “ท่านพี่ ท่านพาเด็กๆ กลับไปก่อน ข้าจะไปช่วยเฉินต้าเตาเอง”

เฉียวเวยชั่งน้ำหนักในใจอย่างรอบคอบว่าผู้ใดไปจะเหมาะสมกว่า สุดท้ายก็สรุปได้ว่านางมีโอกาสมากกว่า

“ไม่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ข้าควรออกหน้าจะเหมาะสมกว่า”

หลัวหย่งเนียนเบิกตากว้าง “ท่านพี่ ท่านรู้หรือไม่ว่าอู๋ต้าจินเป็นใคร ก่อนหน้านี้ข้าโกหกท่าน! ข้าไม่เคยสู้ชนะพรรคชิงหลง! อู๋ต้าจินเป็นวรยุทธ์จริงๆ! ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเหมือนเฉินต้าเตาด้วย! แล้วที่นั่นยังมีพี่น้องในพรรคมากมายเช่นนั้น ท่านไม่มีทางชนะหรอก!”

เฉียวเวยเลิกคิ้วแล้วคลี่ยิ้ม “เจ้าบอกเองว่าเจ้าแพ้ทุกครั้ง ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปย่อมไร้ประโยชน์ พรรคชิงหลงเคยไล่ล่าข้าสองครั้ง ทั้งสองครั้งข้าล้วนเป็นฝ่ายชนะ ดูจากเรื่องนี้แล้ว ข้ามีโอกาสชนะมากกว่าเจ้า”

“ท่านพี่!”

เฉียวเวยตบไหล่เขา “ทำตามนี้ พาเด็กๆ กลับไปก่อน ข้าจะกลับมาก่อนตะวันตกดิน เจ้าอยากรู้มาตลอดว่าข้ารู้จักกับเฉินต้าเตาได้เช่นไร รู้จักคุณชายหมิงกับสือชีได้เช่นไร เย็นนี้จะมาบอกเจ้าทุกอย่าง”

“แต่ว่า…”

เฉียวเวยไม่ให้โอกาสเขาอีก นางเดินไปที่รถม้าแล้วอุ้มเด็กๆ ที่กำลังหลับลงมา จากนั้นใช้ผ้ามัดเข้ากับตัวหลัวหย่งเหนียน ข้างหน้าคนหนึ่ง ข้างหลังคนหนึ่ง “หญิงสาวเช่นข้าเดินมาได้ ชายหนุ่มเช่นเจ้าคงเดินกลับได้ใช่หรือไม่”

“ท่านพี่…”

เฉียวเวยมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธ

เขายังไม่ยอมไป

เฉียวเวยจึงบอกว่า “หากเกิดอันใดขึ้นกับเจ้า ข้าคงพาเด็กๆ หนีไปได้ไม่ไกล แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าฝีเท้าว่องไว ร่างกายแข็งแรง ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”

หลัวหย่งเหนียนพยักหน้า กัดฟันพูดว่า “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล พอข้ากลับไปถึงหมู่บ้านแล้วจะกลับมาช่วยท่านทันที ท่านพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุด”

เฉียวเวยไม่ปฏิเสธ ยิ้มละไมตอบว่า “ตกลง”

หู่จื่อมองสตรีผู้บอบบางจนมิอาจต้องลมนางนี้ เหงื่อเย็นเฉียบไหลซึมอยู่เงียบๆ นางเป็นเพียงสตรีไร้เดียงสาคนหนึ่ง เขาลากนางมาพบเคราะห์ร้ายจะทำเกินไปหรือไม่

แต่…ต้าเตาเป็นสหายรักของเขา เขาไม่อาจยืนเฉยเบิ่งตามองต้าเตาตาย

ต้าเตาบอกว่านางมีคนรู้จักในเมืองหลวง ดังนั้น ต้า ต้าจินคงไม่กล้าทำร้ายนางกระมัง

น่าจะเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่…

คุณธรรมกับความเห็นแก่ตัวตีกันอยู่ในใจของหู่จื่อ เขาพาเฉียวเวยมาถึงประตูเรือนของอู๋ต้าจิน เท้าข้างหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตูไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็ชักเท้ากลับ จากนั้นดึงเฉียวเวยเข้าไปในตรอกด้านข้าง “ท่านหนีไปเถิด! ท่านช่วยต้าเตาไม่ได้หรอก! เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังต้าจินร้ายกาจมากจริงๆ ไม่ว่าคนที่หนุนหลังท่านจะยิ่งใหญ่เท่าใดก็สู้เขาไม่ได้!”

เฉียวเวยยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน “คิดว่าเจ้าจะไม่บอกความจริงข้าจนไปถึงข้างในเสียอีก”

หู่จื่อทั้งตกใจและอับอาย “ท่าน…ท่านมองออกหรือ”

เฉียวเวยพยักหน้า “ทำความดีชดเชยความผิด จับตัวหนามยอกอกของอู๋ต้าจินมาให้เขาระบายโทสะ อู๋ต้าจินจะได้จัดการกับต้าเตาสถานเบา หากข้าเป็นเจ้าก็คงทำเช่นนี้”

หู่จื่อก้มหน้า “ถูกต้องแล้ว ขออภัยด้วย”

เฉียวเวยยิ้มอย่างไม่ถือสา “ไปกันเถอะ พาข้าเข้าไป บอกว่าข้าถูกเจ้าจับตัวมา”

หู่จื่อส่ายหน้า “ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ถึงต้าเตาจะทำตัวเกะกะระราน แล้วยังชอบข่มเหงหญิงสาว แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาไม่ใช่คนที่ยอมทำเรื่องต่ำช้าเพื่อมีชีวิตรอด หากเขารู้ว่าชีวิตของเขาต้องแลกมาด้วยชีวิตของท่าน เขาไม่มีทางยอม”

เฉียวเวยเอ่ยอย่างขบขัน “ผู้ใดบอกว่าข้าจะเอาชีวิตตนเองไปแลก ข้ายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย วางใจเถิด ข้ามีวิธีช่วยต้าเตา”