“ลูกอย่าเพิ่งสนใจ ฟังที่หม่ามี๊พูดก็พอแล้วครับ” วารุณีไม่มีทีท่าจะตอบ
อารัณเห้นสีหน้าเคร่งขรึมของเธอ จึงไม่ได้ถาม ใบหน้าเล็กๆ พยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับหม่ามี๊”
“เด็กดี!” วารุณีชื่นชมเขา
จากนั้น จบวิดีโอคอล
วารุณีโทรหาคุณครูที่โรงเรียนอนุบาล โทรขอลาเรียนให้ลูกทั้งสองคน
เพิ่งลาเรียนเสร็จ ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์ ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง เสียงนั้นเคร่งขรึม “มีคนไม่หวังดีกับอารัณและไอริณเหรอครับ?”
“ประธานนัทธีตื่นแล้วเหรอคะ?” วารุณีรีบมองไปที่เขา ไม่รู้ว่าเขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังฟังบทสนทนาของเธอจนหมด
นัทธีเชยคางขึ้นเล็กน้อย “เพิ่งตื่นครับ”
“ฉันทำให้คุณตื่นรึเปล่าคะ?” วารุณีชี้ไปที่โทรศัพท์
ต้องรู้ว่า ตอนที่เธอวิดีโอคอล ไม่ได้ออกไปข้างนอก
นัทธีส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ผมตื่นนอนเอง คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผม”
วารุณีเม้มปาก “ฉันไม่รู้ว่าเขาหวังร้ายกับอารัณและไอริณรึเปล่า แต่จู่ๆ ตอนนี้เขาก็โผล่ไปหาอารัณกับไอริณ ต้องไม่มีเจตนาดีแน่นอนค่ะ”
“ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาของคุณ คือให้ลูกทั้งสองคนย้ายโรงเรียน?” นัทธีมองหน้าเธอ
วารุณีตอบอื้ม
นัทธีหรี่ตาลง “ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ คุณบอกเรื่องลูกทั้งสองคนให้นิรุตติ์รู้เถอะ มีนิรุตติ์คอยปกป้อง ถึงจะรับประกันความปลอดภัยของเด็กทั้งสองคนได้”
ได้ยินคำพูดนี้ วารุณีชะงัก “ทำไมฉันต้องบอกผู้อำนวยการนิรุตติ์ เรื่องอารัณกับไอริณด้วยคะ?”
นัทธีมองเธอด้วยแววตาหม่นหมอง แล้วพูดขึ้นช้าๆ “เขาเป็นพ่อของเด็กทั้งสองคนไม่ใช่เหรอครับ?”
“พ่อของเด็กทั้งสองคน……ฮ่าๆ !”วารุณีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ หลุดหัวเราะเสียงดัง
นัทธีเห็นเธอหัวเราะโอเวอร์มาก ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหัวเราะอะไรครับ?”
วารุณีเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาตอนหัวเราะ “ประธานนัทธี ใครบอกคุณคะว่าผู้อำนวยการนิรุตติ์เป็นพ่อของเด็กทั้งสองคน”
คุณต่างหากที่เป็นพ่อเด็ก!
นัทธีเบิกตากว้าง ไม่ได้พูดอะไรอีก ภายในใจของเขามีคลื่นลูกใหญ่
คำพูดของเธอกำลังสื่ออย่างชัดเจนว่า นิรุตติ์ไม่ใช่พ่อของเด็กทั้งสองคน
แล้วพ่อของพวกเด็กๆ เป็นใครกันแน่?
คล้ายจะดูออกว่านัทธีกำลังคิดอะไร วารุณีถอนหายใจ “ประธานนัทธี ทำไมคุณถึงคิดว่าผู้อำนวยการนิรุตติ์เป็นพ่อของลูกฉันคะ?”
นัทธีหลบตาลง เพื่อปิดบังอารมณ์ปั่นป่วนของเขาที่อยู่ในแววตาคู่นั้น “ผมเดา วันนั้นที่ห้องประชุม นิรุตติ์บอกว่าพวกคุณรู้จักกันมาหลายปีแล้ว เขาทิ้งคุณ ดังนั้น……”
“เขาพูดสร้างเรื่องขึ้นมาค่ะ” วารุณีผายมือขัดคำพูดของนัทธี
นัทธีหรี่ตาลง “สร้างเรื่องขึ้นมา?”
วารุณีตอบอื้ม “ใช่ค่ะ วันนั้นช่างเพิ่งรู้จักผู้อำนวยการนิรุตติ์เป็นวันที่สอง ดังนั้นพวกเราจะรู้จักกันตั้งหลายปีได้ยังไงคะ เรื่องที่ถูกเขาทิ้ง ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
สีหน้าของนัทธีเคร่งขรึม รอบตัวของเขาแผ่ไอเย็นเฉียบ “ดังนั้นคุณที่เพิ่งรู้จักกับนิรุตติ์ ก็ไปนอนกับเขา?”
“เปล่าหนิคะ” วารุณีส่ายหน้า
นัทธีหัวเราะในลำคอ “แล้วรอยบนคอของคุณจะอธิบายยังไง?”
“รอย?” วารุณีชะงัก จากนั้นดังสติกลับมา ตีหน้าผากตนเอง “ถูกเขาหยิกค่ะ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ริมฝีปากบางของนัทธีโค้งลงเล็กน้อย ถามเสียงเข้ม
วารุณีเล่าเรื่องที่ตนรู้จักกับนิรุตติ์ให้เขาฟังอย่างละเอียด
หลังจากฟังจบ ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีชะงัก
เขาดูออก เธอไม่ได้โกหก
ดังนั้น เรื่องทั้งหมดนี้เขาเข้าใจผิดทั้งหมด?
ครุ่นคิด นัทธีหลบตาลง “ขอโทษด้วยนะครัรบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” วารุณีผายมืออย่างไม่ใส่ใจ
ตอนนั้นที่คอของเธอมีรอยแดงขนาดใหญ่ ถูกคนอื่นเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องปกติ
นัทธีเตือนด้วยสีหน้าเข้มงวด “ในเมื่อคุณกับนิรุตติ์ไม่ได้เป็นอะไรกัน หลังจากนี้ก็อยู่ห่างๆ เขาหน่อย เขาไม่ใช่คนดีอะไร”
“ฉันรู้ค่ะ” วารุณีตอบ
สีหน้าของนัทธีดูผ่อนคลายลงมาก “เรื่องอารัณกับไอริณ ผมจะส่งคนไปคุ้มกันพวกเขาเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะประธานนัทธี ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันจะส่งพวกเขาไปอยู่กับแม่ของฉันที่ต่างประเทศ” วารุณีปฏิเสธความจริงใจของเขา
ถึงแม้นัทธีจะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นลูกของเธอ เธอคิดอยากจะทำอะไร เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะถาม
เวลานี้ พยาบาลเดินเข้ามา เตือนวารุณี ได้เวลาตรวจเลือดของนัทธีแล้ว
วารุณีค่อยๆ พยุงนัทธีด้วยความระมัดระวัง ปลดล็อคตัวกั้นข้างเตียง จากนั้นพานัทธีไปที่ห้องตรวจเลือด พร้อมกับพยาบาล
หลังจากนั้นไม่กี่วัน นัทธีอาการดีขึ้นมาก ถึงแม้จะไม่สามารถเดินไปมาได้ แต่ก็สามารถนั่งได้แล้ว
เหตุเพราะนัทธีดึงดันจะออกจากโรงพยาบาล มารุตและวารุณีไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ทำได้เพียงทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้เขา แล้วกลับประเทศ
วินาทีที่เครื่องบินแลนดิ้ง มารุตได้รับคำสั่งจากนัทธี ให้บอกทุกคนเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บ
ครู่หนึ่ง มีทั้งคนดีใจและมีทั้งคนเสียใจ
หลังจากที่วารุณีไปถึงบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เธอก็ไปที่แผนกออกแบบทันที
แต่เธอนั่งได้ไม่นาน พิชญาก็เดินมาด้วยสีหน้าอาฆาต ตบโต๊ะเสียงดัง “วารุณี เธอทำให้นัทธีต้องบาดเจ็บ!”
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น “ผู้จัดการพิชญาคะ คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วรึเปล่า ฉันไม่ได้ทำให้ประธานนัทธีบาดเจ็บ แต่ประธานนัทธีบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน คุณอย่าใส่ร้ายฉัน อย่ากล่าวหาว่าฉันเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหด”
พิชญาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมองออกถึงความหมายโดยนัยของตน สีหน้าบิดเบี้ยวทันที “นัทธีช่วยเธอจนบาดเจ็บแล้วยังไงล่ะ ถึงยังไงที่เขาบาดเจ็บก็เป็นเพราะเธอ”
“แล้วยังไงคะ? คุณอยากจะทำอะไร?” วารุณีมองพิชญา
พิชญาขยับเข้าใกล้ กัดฟันแน่นเค้นเสียงต่ำ“ฉันจะให้เธอออกไปจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ออกไปจากชีวิตของนัทธี เธออยู่ที่นี่ มีแต่จะสร้างแต่ความเดือดร้อนให้นัทธี!”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ละคะ?” วารุณีกอดแขน คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เธอจะไปจากที่นี่แน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้
อีกทั้ง เธอไม่อยากรับปากพิชญาแบบนี้
พิชญาได้ฟังคำพูดของวารุณี ยิ้มร้ายกาจ “ไม่? ถ้าฉันบอกสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นัทธีบาดเจ็บ เธอคิดว่าตระกูลไชยรัตน์จะยอมปล่อยเธอไปเหรอ? คิดว่าผู้ถือหุ้นที่สนับสนุนนัทธีจะยอมปล่อยเธอไป?”
ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาส ไม่ต้องใช้แผนการอะไร ก็ไล่วารุณีออกไปได้ เธอจะต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้!
ทว่าวารุณีไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด ม้วนผมลอนของตนเองด้วยความนิ่งเฉย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปป่าวประกาศนะคะ เรามาดูกัน หลังจากที่คุณพูด ก่อนที่ตระกูลไชยรัตน์และผู้ถือหุ้นจะทำอะไรฉัน ประธานนัทธีจะทำอะไรคุณก่อนรึเปล่า!”
“แก……” พิชญาโมโหจนหมดคำจะพูด
วารุณีดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง “ผู้จัดการพิชญา คุณยังมีธุระอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วเชิญออกไปค่ะ ฉันจะทำงาน!”
เธอพูด แล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ไม่แม้แต่จะปรายตามองพิชญา
พิชญามองแผ่นหลังของวารุณีด้วยความร้ายกาจ จากนั้นฮึดฮัดแล้วหมุนตัวออกไป
วารุณีส่ายหน้า จากนั้นกดเข้าไปยังเว็บไซต์ของรางวัลการออกแบบขนนกทองคำ ดูการแข่งขันในตอนนี้
สิบหกอันดับแรกได้เลือกแล้ว ตอนที่เห็นว่าพิชญายังเป็นอันดับที่หนึ่ง นัยน์ตาของเธอหม่นหมอง ยกมุมปากอย่างมีเลศนัย
จากนั้น เธอปรับให้เป็นขนาดเล็ก แล้วกดเข้าไปยังช่องแสดงความคิดเห็นลับ ลากผลงานออกแบบบางส่วนจากไฟล์แล้ววางลงไป จากนั้นลบร่องรอยการท่องเว็บไซต์ ปิดเว็บไซต์ แล้วรีบทำงาน
ตอนเย็น วารุณีเลิกงาน ไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป หลังจากซื้อกระดูกเสร็จ เธอก็นั่งรถไปรับลูกๆ ที่บ้านของปาจรีย์
เด็กทั้งสองเห็นเธอกลับมา ดีใจอย่างมาก คลอเคลียเธอแล้วหอมอยู่นาน แล้วค่อยบอกลาปาจรีย์ กลับคอนโดไปพร้อมกับวารุณี
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ซื้อกระดูกมาทำไมครับ?” อารัณเห็นวารุณีหยิบกระดูกขนาดใหญ่ออกมาหลายชิ้น อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย