ขณะที่กิเลนอัคคีคิดเช่นนั้นอยู่ จู่ๆ เขาก็เห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยที่หมดสติอยู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน นางตัวสั่นเทิ้มราวกับกำลังทรมานอยู่  

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือนายท่านผู้สูงส่งของตนจะเดินเข้าไปหานางพร้อมสายตาเย็นชา เขาไม่พูดไม่จา แต่กลับคว้าข้อมือของเฮ่อเหลียนเวยเวยขึ้น แล้วเริ่มถ่ายทอดกำลังภายในของตนเข้าไปในร่างของนาง  

 

 

สีหน้าของกิเลนอัคคีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร  

 

 

เมื่อครู่นายท่านแสดงออกอย่างชัดเจนว่านางเป็นเหยื่อของเขา ดังนั้นคนที่จะกำหนดความเป็นความตายของนางได้จึงมีแค่เขาเท่านั้น  

 

 

สายลมค่อยๆ สงบลงทีละน้อย ใบหน้าอันเยือกเย็นของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเหมือนเดิม แต่ดวงตาของเขากลับมีอารมณ์อันยากจะคาดเดาปรากฏขึ้น  

 

 

มีพลังปราณอยู่สองสายรึ  

 

 

เขารู้ว่าพลังปราณที่คลุ้มคลั่งเป็นของเผ่าไป๋เจ๋อ  

 

 

แต่อีกสายหนึ่งล่ะ  

 

 

มันทั้งเก่าแก่และแข็งแกร่ง แต่… ให้ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก…  

 

 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสังเกตใบหน้าของเด็กสาว อารมณ์มากมายหมุนวนอยู่ภายในดวงตาของเขา แต่ในวินาทีถัดมา อารมณ์และสายตาของเขาก็ผละออกไป  

 

 

ทั้งร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยชุ่มโชกไปด้วยเหงื่ออันเกิดจากความทรมาน พร้อมกันนั้นที่คางของนางก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเล็กน้อย มีบางอย่างถูกเปิดผยออกมา  

 

 

สีผิวนั้นแตกต่างจากสีผิวปกติของนาง มันขาวราวกระเบื้องเคลือบ จนทำให้คนที่เห็นถึงกับสงสัยในสายตาตัวเอง  

 

 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองคางของนาง แล้วยื่นมือออกไปช้าๆ  

 

 

สิ่งแรกที่เขาสัมผัสคือริมฝีปากของนาง  

 

 

นิ่มและอุ่น ให้ความรู้สึกดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก  

 

 

สรุปว่าไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ทำให้เขารังเกียจ  

 

 

ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดนิ่ง  

 

 

ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาค่อยๆ เลื่อนลงมาที่คางของนางช้าๆ  

 

 

เมื่อนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับปลายคางของนาง สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ใช้มองเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นไปอีก  

 

 

แสงเรืองๆ ติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา ทุกครั้งที่นิ้วของเขาขยับ ผิวสีดำก็เริ่มเลือนหายไป เผยให้เห็นใบหน้างดงามชวนตกตะลึงต่อหน้าเขา  

 

 

แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของนางอย่างนุ่มนวล ขนตาสีดำของนางหนาราวกับปีกกา จมูกงามประณีต ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู แม้ว่าดวงตาของนางจะปิดอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่ามอง  

 

 

นางขมวดคิ้วเหมือนกับจะยังคงทรมานอยู่ แต่กระนั้นนางก็ยังเป็นหญิงที่งดงามและลึกลับที่สุดที่เขาเคยพบ  

 

 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองไปที่นาง เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืออึดอัดแต่ประการใด  

 

 

เขายังเผลอคิดถึงตอนที่นางโกรธ เวลาที่นางมีความสุข หรือแม้แต่เวลาที่นางระวังตัวแจ  

 

 

นี่คือนาง นี่คือตัวจริงของนาง  

 

 

มีแค่นางเพียงคนเดียวที่กล้าเชยคางเขา และบอกว่าไม่พอใจเขา  

 

 

หึ ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครจะเต็มไปด้วยความลับจริงๆ  

 

 

ก่อนหน้านี้เขามีความอดทนมากพอที่จะไล่ตามนาง เขาจึงไม่เคยคิดที่จะสนใจเรื่องนี้มาก่อน  

 

 

แต่ตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคิดว่าการมีใบหน้าที่งดงามนั้นไม่ใช่เรื่องดี  

 

 

ใบหน้าเช่นนี้คงจะดึงดูดแมลงเข้ามาหาได้ไม่น้อย…  

 

 

ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ลง ก่อนเขาจะทำให้ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยดำคล้ำยิ่งกว่าเดิม!  

 

 

กิเลนอัคคียังไม่ทันได้สติ เขาก็ถึงกับงุนงงไปกับการกระทำของผู้เป็นนาย “นายท่านขอรับ มีสัตว์เลี้ยงหน้าตาน่ารักๆ ไม่ดีกว่าหรือขอรับ”  

 

 

แต่ตอนนี้กลับมาดำเป็นตอตะโกอีกแล้ว เป็นภาพที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย กิเลนอัคคีส่ายหน้าด้วยความเสียใจ  

 

 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงียบ และแล้วในที่สุดสีหน้าของเขาก็ค่อยๆ แสดงความพึงพอใจออกมา  

 

 

ในเวลานี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังพยายามจะรวมพลังปราณอันแตกต่างทั้งสองสายนั้นให้เป็นหนึ่ง  

 

 

ใช้ประสบการณ์จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่าง หนนี้พอพลังปราณเก่าแก่ล่าถอยไป นางก็เดินลมปราณไปข้างหน้า และพยายามผสานปราณอีกสายในรวดเดียว  

 

 

ในไม่ช้า การหลอมรวมก็เสร็จสมบูรณ์  

 

 

ความเจ็บปวดในร่างกายและพิษที่เคยได้รับจากสัตว์อสูรก่อนหน้านี้หายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน!  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยดีใจ แต่ในขณะที่นางกำลังจะตรวจสอบพลังปราณของตน นางก็พลันรู้สึกได้ถึงสัมผัสจั๊กจี้บนใบหน้า  

 

 

หลังจากทำพันธสัญญาเสร็จสมบูรณ์ ในที่สุดนางก็ได้สติกลับมา  

 

 

ในฐานะยอดสายลับ แม้ว่าดวงตาของนางจะปิดสนิท แต่นางก็ต่อยออกไปตามสัญชาตญาณ  

 

 

หมัดนี้ของนางอันตรายอย่างที่สุด เพราะมันเกิดจากปฏิกิริยาตอบโต้ตามสัญชาตญาณของนาง ทั้งยังเป็นวิธีสู้ชนิดที่เรียกว่าไม่ข้าก็เจ้าต้องตายกันไปข้างหนึ่งอีกด้วย  

 

 

ไม่มีใครเคยกลับไปได้โดยที่ครบสามสิบสอง นอกเสียจากว่านางจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีก  

 

 

แต่คาดไม่ถึงว่านางจะรู้สึกราวกับว่าตนเพิ่งต่อยสำลีไปไม่มีผิด มันทั้งนุ่มและไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง…  

 

 

เกิดอะไรขึ้น ต้องมีอะไรผิดปกติแน่!  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกสงสัย นางลืมตาขึ้นในทันที เมื่อนางเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า นางก็ตระหนักได้ในทันทีว่านางไม่ได้อยู่ในระหว่างทำภารกิจอะไร แต่อยู่ในป่าโบราณต่างหาก  

 

 

เพียงแต่ว่า ท่าทางขององค์ชายสามดูแปลกๆ หรือเปล่า  

 

 

เป็นไปได้หรือไม่ว่าบนใบหน้าของนางจะมีอะไรติดอยู่ และทำให้เขาไม่พอใจ  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเผลอสร้างกำแพงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฝ่าบาททำอะไรอยู่หรือเพคะ”  

 

 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบอย่างเยือกเย็น “ข้าก็กำลังมองหน้าเจ้าอยู่น่ะสิ”  

 

 

ไม่ได้มองสิ่งสกปรก แต่เขากำลังมองหน้านางอยู่หรือ  

 

 

ทันใดนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตกใจ “ฝ่าบาทมองหม่อมฉันทำไมเพคะ หน้าตาหม่อมฉันไม่ได้ดีเสียหน่อย…” นอกจากผิวคล้ำๆ ของนางแล้ว ยังจะมีอะไรให้มองอีก เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้ว  

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงักในทันที  

 

 

นางไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป มือของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบมีดสั้นขึ้นมาใช้ต่างกระจก  

 

 

ขอบคุณสวรรค์ หน้าของนางยังเป็นสีดำอยู่  

 

 

แต่นางคิดไปเองหรือเปล่าว่าผิวนางดูคล้ำกว่าก่อนที่นางจะเข้ามาในป่าวิญญาณเสียอีก  

 

 

มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุก ในใจกำลังคิดว่าตอนนางกลับไป คงต้องบำรุงผิวหน้าสักหน่อยแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แม้มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่รอยยิ้มนั้นก็เป็นของจริงแน่นอน  

 

 

กิเลนอัคคีเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วก็ได้แต่สงสารเด็กสาวอยู่เงียบๆ เขาไม่เคยรู้เลยว่านายท่านชอบคนผิวคล้ำ  

 

 

ดูเหมือนว่าต่อให้เสนาบดีพวกนั้นส่งผู้หญิงเข้ามาในวังอีกกี่คนก็คงจะเปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าพวกเขาจะส่งใครเข้ามา ก็ไม่มีทางจะมีผู้หญิงที่ดำกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกแล้ว!  

 

 

“เจ้าวางมีดลงก่อนได้ไหม” ตอนที่เจ้าแมวขาวตื่นขึ้นมา เขาก็คิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างเข้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น พลางพึมพำด้วยความไม่เชื่อว่า “เจ้าทำพันธสัญญากับข้าได้สำเร็จจริงๆ ข้านึกว่าเจ้าจะทำไม่สำเร็จเสียอีก”  

 

 

“พันธสัญญาหรือ” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นประกาย นางนึกย้อนกลับไปจากนั้นจึงฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วมองเจ้าแมวขาว “อย่าบอกข้านะว่า พลังที่เกือบจะฆ่าข้านั่นมันมาจากเจ้า…”  

 

 

เจ้าแมวขาวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นคนพูดเองว่าอยากทำสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์… สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกหลานของเผ่าไป๋เจ๋อเช่นข้าคือการตอบแทนบุญคุณ….”  

 

 

“แล้วทำไมเจ้าไม่ใช้ร่างกายตอบแทนแทนล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยดีดหางของมัน  

 

 

เจ้าแมวขาวสะดุ้งเฮือก เขาหน้าขึ้นสี ผู้หญิงคนนี้… คิดที่จะแต่งงานกับเขาจริงๆ!  

 

 

เช่นนั้น… ตอนที่พวกเขาไปพบเสด็จพ่อ เขาจะบอกให้คนที่เผ่าจัดการเตรียมสินสอดเอาไว้  

 

 

เจ้าแมวขาวกระแอมเบาๆ แต่ก็ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มในดวงตาตัวเองเอาไว้ได้  

 

 

และเหตุการณ์ทั้งหมด ล้วนแต่อยู่ภายในสายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย…