ตอนที่ 79 ไม่ยอมปล่อยให้เป็นหม้ายเด็ดขาด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 79 ไม่ยอมปล่อยให้เป็นหม้ายเด็ดขาด

หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จและนั่งพักกันสักครู่หนึ่ง ทุกคนก็เตรียมของขวัญที่นำมาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์แล้วขับรถมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลตี้

เพราะได้รับการแจ้งก่อนล่วงหน้าแล้ว สมาชิกทุกคนในตระกูลตี้จึงรออยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อรอต้อนรับแขก

ถุงลมน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า เขาทักทายทุกคนตั้งแต่ผู้ใหญ่จนถึงเด็กทีละคนจากนั้นก็ห้อยตัวเองกับขายาวๆ ของมู่เถาเยา

มู่เถาเยากอดคนตัวเล็กไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง

ถุงลมน้อยเขย่งขึ้นจุ๊บแก้มมู่เถาเยาเบาๆ หนึ่งที

ย่าตี้จับมือย่าเย่ว์ มองดูเด็กทั้งสองแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อันเหยี่ยชอบเสี่ยวเถาเยามากจริงๆ เขามักจะถามว่าเมื่อไหร่พี่สาวจะมาเล่นกับเขาที่บ้านอีก”

ดวงตาของคนตัวเล็กระยิบระยับ เขาพูดแทรกขึ้นว่า “อาเล็กก็คิดถึงพี่สาวเหมือนกัน”

“ฉันเปล่า! อย่าพูดไร้สาระ!” ตี้อู๋เปียนแทบจะกระโดดขึ้นมา

ทุกคนมองไปที่คนป่วยที่แสนงดงามที่ตอนนี้กำลังแสดงอาการร้อนตัว

เย่ว์เลี่ยงมองไปที่ตี้อู๋เปียนอย่างพินิจพิเคราะห์

จู่ๆ ตี้อู๋เปียนก็รู้สึกประหม่า

ไม่รู้ว่าทำไม แต่สายตาของหัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเข็มแหลมๆ

ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!

โตมาจนป่านนี้ เขาไม่เคยกลัวอะไรนอกจากความตาย

แต่ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้

เห็นได้ชัดว่าเย่ว์เลี่ยงดูงดงามเหมือนกับนางฟ้าแถมยังดูใจดีมาก!

แต่เขากลับรู้สึกตึงเครียดขนาดนี้? ไม่ๆ ต้องเป็นเขาที่เข้าใจผิดไปเองแน่ๆ !

คงเป็นเพราะเขาไม่เคยรู้สึกตึงเครียดขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นประสาทสัมผัสของเขาเลยทำให้เกิดความเข้าใจผิด!

อันที่จริงเย่ว์เลี่ยงจ้องตี้อู๋เปียนเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่เพราะจู่ๆ ก็รู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ได้ มันเลยทำให้เขารู้สึกว่าเวลายาวนานมาก เพียงไม่กี่วินาทีแต่รู้สึกเหมือนกับผ่านไปสองสามวัน

ย่าเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ของเรารู้ความและน่ารักมากที่สุด เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆ จะชอบเธอ อันเหยี่ยกับอู๋เปียนคิดถึงเธอก็สมเหตุสมผลแล้ว!”

หลานสาวตัวน้อยของเธอดีที่สุดในโลก เป็นเรื่องสมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอที่เธอจะเป็นที่นิยม!

ในมุมมองของย่าเย่ว์ ตี้อู๋เปียนไม่ต่างอะไรไปจากเด็กคนหนึ่ง แถมยังเป็นเด็กน่าสงสารที่ได้แต่อยู่ในบ้านออกไปไหนไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นใบหน้าเล็กๆ ของหลานสาวตัวน้อยของเธอยังดูเหมือนเด็กที่มีอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น แก้มยุ้ยๆ น่าหยิกนั้นยังไม่หายไปเลย เธอจะไม่ตกหลุมรักได้ยังไง!

ย่าตี้ยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย “เสี่ยวเถาเยาไม่เพียงแต่จะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รักและเอ็นดูของผู้สูงอายุอย่างเราด้วย ทุกครั้งที่เธอมา เราจะมีความสุขมากทำให้กินข้าวเพิ่มได้อีกตั้งหนึ่งชามแน่ะ”

นี่คือความจริง

คนตระกูลเย่ว์มีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนี้

เด็กๆ บ้านพวกเขาได้รับความโปรดปรานจากทุกคน นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาควรภาคภูมิใจ!

แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์ แน่นอนว่าย่อมยินดีที่ได้ยินคนอื่นๆ ชื่นชมเด็กบ้านตัวเองว่าเป็นที่รักและน่าเอ็นดูปานใดในสายตาของพวกเขา!

ยิ่งกว่านั้นคำชมจากคนตระกูลตี้นี้ยังเป็นคำชมที่มาจากใจจริง ไม่ใช่คำชมเชยตามมารยาทที่เห็นแก่หน้าของพวกเขา!

มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะไม่ยืดอกรับด้วยความภาคภูมิใจ!

มุมปากของปู่ตี้ยกขึ้นอยู่ตลอดเวลา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชื่อจริงของเสี่ยวเถาเยาก็คือเย่ว์จืออิ๋งสินะ” เดาจากชื่อของพี่ชายทั้งสองคนของเธอ

ใบหน้าของปู่เย่ว์เต็มไปด้วยความสุข เขาพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ อิ๋งที่มาจากอักษรที่แปลว่าเติมเต็ม เธอเกิดมาพร้อมกับความคาดหวังของทุกคนในตระกูลเย่ว์ เมื่อมีเธอ ก็เหมือนกับชีวิตของพวกเราได้ถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์แบบ”

ย่าตี้มองไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่สนุกสนานอยู่กับถุงลมน้อยด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่ ดวงตาของเธอหรี่โค้งเป็นรอยยิ้ม

“เสี่ยวเถาเยาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของเพื่อนเก่าฉัน นอกจากเรื่องเรียนแล้ว เธอก็ไม่เคยได้รับความลำบากมาก่อน ต้องเป็นเพราะสวรรค์ทนดูไม่ได้ที่จะต้องปล่อยให้เด็กสาวที่ใจดีและน่ารักแบบนี้มีชีวิตที่เลวร้ายแน่ๆ ถึงได้ดลใจให้อาหยวนเก็บเธอกลับไปเลี้ยง”

ตระกูลเย่ว์เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่ผู้เฒ่าหลายคนชื่นชมมู่เถาเยาจนพอใจแล้ว พวกเขาก็เริ่มหันไปสนใจตี้อู๋เปียน

เย่ว์เลี่ยง “อู๋เปียนเองก็งดงามไร้ที่ติ ยากที่จะหาที่ใดเปรียบในโลกนี้” แต่ถ้าคิดจะเป็นลูกเขยเธอ…ไม่มีวัน!

หน้าตาผ่านเกณฑ์ แต่ร่างกายตกรอบ!

ลูกสาวเธอ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นหม้ายเด็ดขาด!

ไม่ว่าเขาจะคิดถึงลูกสาวของเธอจริงๆ หรือแค่คำพูดเด็กๆ ของเสี่ยวอันเหยี่ย เธอก็ไม่ยอมรับลูกเขยคนนี้!

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะกลับมาร่างกายแข็งแรงและแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องลูกสาวของเธอได้!

แม้ว่าลูกสาวของเธอจะไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาปกป้อง แต่ต้องการหรือไม่ต้องการกับทำได้หรือทำไม่ได้นั้นมันคนละเรื่องกัน!

ไม่งั้นก็เลิกคุย!

ปู่เย่ว์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “อู๋เปียนเหมือนพ่อของพวกเขามากกว่าอู๋เว่ยซะอีก หน้าตาของจิ่งเทียนเป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วโลก”

ในบรรดาผู้นำระดับสูงหลายร้อยประเทศทั่วโลก รูปลักษณ์ของราชาตี้เรียกได้ว่าฮอตฮิตซะยิ่งกว่าพระเอกดังของวงการบันเทิงจนเทียบกันไม่ติด!

หน้าตาของผู้ชายในตระกูลเย่ว์เทียบกับตระกูลตี้แล้วยังด้อยกว่าสองถึงสามส่วน แต่ผู้หญิงในตระกูลเย่ว์นั้นสวยกว่าตระกูลตี้มาก

เพียงแต่ว่าคนของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่ค่อยสุงสิงกับโลกภายนอก พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้านหลังบานประตูที่ปิดสนิท เหมือนกับเหล่าตระกูลเร้นลับในประเทศเหยียนหวง ดังนั้นจึงไม่มีข่าวใดๆ แพร่กระจายออกไป

ย่าตี้ถูกเย้าจนหัวเราะเบาๆ “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ พวกเขาสองคนน่ะมองแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน แต่ผู้หญิงอย่างพวกเรานี่สิ ได้แค่รางวัลปลอบใจ”

อวิ๋นไป๋พูดพร้อมกับหัวเราะว่า “แต่หน้าตาของเสี่ยวเถาเยาเองก็ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะครับ ไม่เพียงคล้ายกับพ่อและแม่ของเธอแต่ยังรวมเอาส่วนที่โดดเด่นที่สุดมาจากทั้งของคุณลุงและคุณป้ารวมถึงเย่ว์เลี่ยงด้วย น่าแปลก ทั้งที่เธอเหมือนกับทุกคนเพียงบางองค์ประกอบเท่านั้น แต่กลับให้ความรู้สึกว่าเธอเหมือนกับทุกๆ คนจริงๆ”

หัวข้อสนทนาย้อนกลับไปที่มู่เถาเยาอีกครั้ง

ปู่ตี้หัวเราะและพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมาก “แม้เสี่ยวเถาเยาจะยังไม่โตเป็นสาวดี แต่ก็ชัดเจนแล้วว่าใบหน้าของเธอสืบทอดยีนเด่นของคนตระกูลเย่ว์มาทั้งหมด ส่วนที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับทุกๆ คน คิดว่าคงเป็นเพราะบุคลิก อุปนิสัย บรรยากาศรอบตัว ความคิด ฯลฯ ของเธอที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น”

ย่าตี้ยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงถ้าไม่ได้เห็นเธอพร้อมกับคนตระกูลเย่ว์ แม้จะมีองค์ประกอบของใบหน้าที่คล้ายกัน แต่ก็ยากมากจริงๆ นะที่จะคิดเชื่อมโยงไปถึงตระกูลเย่ว์ ก็เหมือนกับพวกเราก่อนหน้านี้ ทั้งที่เราเองก็พบเสี่ยวเถาเหยามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดเชื่อมโยงเธอกับคนตระกูลเย่ว์เลยสักครั้ง”

เห็นได้ชัดว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับคนตระกูลเย่ว์ก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่กลับไม่เคยเชื่อมโยงพวกเธอเข้าด้วยกันเลย

คล้ายกับว่าเธอเหมือนกับทุกๆ คน แต่ก็ไม่เหมือนกับใครเลย

มีคนมากมายที่หน้าตาคล้ายกันในโลกนี้ แต่คนที่ให้อารมณ์และความรู้สึกที่คล้ายกันนั้นกลับมีน้อยมากๆ และยากที่จะพบโดยบังเอิญ

แน่นอนว่าคนตระกูลเย่ว์เข้าใจเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอนเอียงไปหามู่เถาเยา ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับเธอ ไม่ว่ามันจะสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ตามพวกเขาก็พร้อมที่จะเชื่อแบบนั้นไว้ก่อน

สำหรับเจ้าหญิงน้อยของพวกเขา พวกเขาพร้อมที่จะเป็นคนสมองตาย หูหนวก และตาบอดได้ตลอดเวลา

อวิ๋นไป๋ เย่ว์เลี่ยง และผู้เฒ่าหลายคนนั่งคุยกันเรื่องของมู่เถาเยาและตี้อู๋เปียน สลับหัวข้อกันไปมาเช่นนี้หลายครั้ง

ในอีกด้าน มู่เถาเยาซึ่งตกเป็นหัวข้อหลักของการสนทนากำลังนั่งดูการทะเลาะกันระหว่างอาและหลานด้วยความสนใจอย่างมาก

ตี้อู๋เปียนสะกิดหัวเล็กๆ ของหลานชายเขาและพูดว่า “ครั้งหน้าห้ามพูดเหลวไหลอีก ฉันไม่ได้คิดถึงซาลาเปาน้อย!”

ถุงลมน้อยพองแก้ม เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ “อาเล็กคิดถึงพี่สาว”

“เปล่า!”

“แต่อันเหยี่ยได้ยินอาเล็กพูดกับเสี่ยวไป๋ไป๋ด้วย”

“…ฉันไม่ได้พูดอะไร เด็กโง่ นายเข้าใจผิดแล้ว”

ถุงลมน้อยไม่พอใจอย่างมาก “อันเหยี่ยไม่ได้โง่นะ พี่สาวบอกแล้วว่าอันเหยี่ยน่ะเก่งมาก อันเหยี่ยไม่ได้ฟังผิด อาเล็กก็คิดถึงพี่สาวเหมือนกับอันเหยี่ย…”

ปากเล็กๆ พูดจ้อไม่หยุด

มู่เถาเยาเห็นแล้วมีความสุขมาก

อันเหยี่ยช่างเหมือนกับเยี่ยนหัง ฝีปากทั้งคู่พอๆ กันเลย

แม้ว่าความสามารถในการเข้าใจของเขาจะมีจำกัดเนื่องจากอายุที่ยังน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็แสดงความคิดเห็นออกมาได้อย่างถูกต้อง เป็นเด็กที่ฉลาดมากๆ คนหนึ่ง

เช่นเดียวกับเยี่ยนหังของเธอ

เมื่อเห็นว่ามู่เถาเยามีความสุข ตี้อู๋เปียนจึงทะเลาะกับถุงลมน้อยรุนแรงยิ่งขึ้น

คนตัวเล็กเห็นว่าตัวเองเอาชนะอาเล็กของเขาไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของมู่เถาเยาด้วยความรู้สึกน้อยใจอย่างมาก

มู่เถาเยาลูบผมสีดำขลับของเขาและปลอบโยนไปว่า “เสี่ยวอันเหยี่ย อาเล็กของหนูเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไอคิวของเขาต้องไม่เท่ากับหนูอยู่แล้ว การที่เขาทะเลาะกับหนูแบบนี้เป็นเขาที่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต…”

ตี้อู๋เปียน “…!!!”

ที่เขาทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะต้องการเห็นเธอมีความสุขหรอกเหรอ ไหงกลายเป็นว่าได้รับคำว่า ‘เด็กไม่รู้จักโต’ ตอบแทนกลับมาล่ะ!

ฮึกๆๆ …