ตอนที่ 77 การมาเยือนของเจี่ยนชิงโยว (3)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 77 การมาเยือนของเจี่ยนชิงโยว (3)

ไม่ว่าชะตาชีวิตของมั่วเชียนเสวี่ยจะดีหรือไม่ดี ล้วนอยู่ในมือของนาง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ยาหนึ่งตัวในน้ำแกงหนึ่งถ้วย ตอไม้ที่บ้านของนางนั้น ปกติก็ดีไม่น้อย มีพูดคุยและหยอกล้อ บางครั้งก็เป็นฝ่ายกอดนาง

ทว่า เมื่อไหร่ที่ขึ้นไปบนเตียง ก็จะนอนบนที่ของตน นอนนิ่งไม่ขยับ ตรงกลางวางถ้วยใส่น้ำเอาไว้เกรงว่าไม่มีวันหก…เมื่อวานก็เหมือนกัน ทำให้นางคิดอยากจะ ‘แก้แค้น’ แต่กลับไม่มีโอกาส…

วันนี้เป็นวันดี เป็นวันเปิดกิจการร้านอาหาร ‘เชียนมั่ว’

มั่วเชียนเสวี่ย จวี๋เหนียงและหวังเสี่ยวเหลยไปถึง อวิ๋นอิ๋นจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

อวิ๋นอิ๋นเป็นหญิงที่ดูสะอาดสะอ้าน ไม่ว่าจะยกแขนหรือก้าวเดินล้วนมีมารยาทเรียบร้อย มั่วเชียนเสวี่ยเจอหน้าครั้งแรกเมื่อห้าวันก่อน

วันนั้น ซูชีเข้ามาเป็นธุระ นัดให้มั่วเชียนเสวี่ยและคุณชายใหญ่อู่นัดคุยเรื่องการค้าถั่วที่ไป๋อวิ๋นจวี

ระหว่างทาง

อวิ๋นอิ๋นสวมอาภรณ์ขาว บนศีรษะผูกผ้าขาวไว้อาลัย นั่งคุกเข่าเหยียดตัวตรงอยู่ตรงนั้น ผมดำสลวย ทำผมแบบหญิงที่ออกเรือนแล้ว ใบหน้านวลเนียนสะอาดสะอ้าน ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเศร้า ทว่าไม่มีน้ำตาแม้แต่หนึ่งหยด ในอ้อมแขนของนางโอบอุ้มเด็กสาวตัวเล็กที่มีสีหน้าเช่นเดียวกับนาง

มั่วเชียนเสวี่ยย่างกายเข้าไปหา ยืนนิ่งแล้วก้มหน้าลง มองผ้าขาวที่ปูอยู่บนพื้นตรงหน้านาง เนื้อความบนผ้าเขียนเอาไว้ว่า

“ข้าน้อยอวิ๋นอิ๋น หลังจากแต่งงานได้สองวันสามีก็ออกไปร่ำเรียนต่างเมือง แปดปีแล้วที่ไม่ได้กลับมา ตัวข้าตั้งท้องหลังคืนวันเข้าหอ ให้กำเนิดลูกสาว ประคับประคองชีวิตร่วมกับแม่สามี ครอบครัวฐานะยากจนอยู่แล้ว ทว่าคิดไม่ถึงพ่อสามีกลับป่วยเป็นโรคประหลาด อวิ๋นอิ๋นและแม่สามีใช้สมบัติทั้งหมดที่มีและกู้หนี้ยืมสินเพื่อรักษาแต่สุดท้ายก็ไม่อาจยื้อชีวิตของท่านเอาไว้ได้ พ่อสามีจากไปกะทันหัน แม่สามีที่เสียใจและทำงานหนักจนเกินไป จึงจากไปวันเดียวกับพ่อสามี อวิ๋นอิ๋นไร้สมบัติติดตัว ไร้ญาติมิตร ศพของผู้เฒ่าทั้งสองถูกปล่อยทิ้งไว้ในวัดร้าง ไม่ได้นำไปฝัง เวลานี้จิตใจร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา ผู้มีเมตตาที่เดินผ่านไปมา หากสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยจัดพิธีฝังศพให้พ่อแม่สามี อวิ๋นอิ๋นยินดีเป็นทาสรับใช้ ทำงานตรากตรำชั่วชีวิต”

ผ้าผืนนี้ขาวบริสุทธิ์ ตัวอักษรที่ตวัดเขียนมีน้ำหนัก ทะลุผ้า เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านการฝึกคัดเขียนมาก่อน

ในราชวงศ์เทียนฉีสตรีทั่วไปที่รู้หนังสือมีไม่มาก สามารถเขียนได้ดียิ่งมีน้อย เพราะลายมือที่งดงามนี้ ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยหยุดฝีเท้า

บนผ้าขาว มีเพียงหนึ่งถึงสองอีแปะที่คนเดินผ่านไปมาโยนทิ้งไว้ เห็นได้ชัด ไม่มีใครคิดจะให้ความช่วยเหลือจริงๆ

ชายร่างท้วมวัยกลางคนเดินเลื่อนลอยผ่านมา หยุดฝีเท้า “แม่นางผู้นี้หน้าตาไม่เลว ซื้อกลับไปเป็นได้ทั้งบ่าวรับใช้และยังสามารถปรนนิบัติรับใช้ข้าได้ ทั้งยังได้เด็กเพิ่มอีกหนึ่งคน คุ้มค่าเสียจริง” น้ำเสียงหยอกเย้า

อวิ๋นอิ๋นกอดเด็กน้อยแน่น จากความเกร็งของข้อต่อกระดูกมือทำให้ดูออกว่านางหวาดกลัวเพียงใด

ทว่า แม้ใจของนางจะหวาดกลัว กลับตอบด้วยวาจาที่ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำ น้ำเสียงของนางไร้ความรู้สึก “คุณชายผู้นี้ ข้าน้อยประสงค์ที่จะขายตนเอง ทว่าข้าน้อยไม่ประสงค์ที่จะขายลูกสาวของตน อีกทั้ง ข้าน้อยทำเฉพาะงานของบ่าวรับใช้เท่านั้นเจ้าค่ะ…” ความหมายชัดเจนตามถ้อยคำที่พูดออกไป

บ่าวรับใช้ใจยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างชายร่างท้วมวัยกลางคนพูดด่าทอ “เจ้ามองข้ามความหวังดีได้อย่างไร…”

แม้นางจะก้มหน้าลง ทว่าแผ่นหลังของนางกลับเหยียดตรง

คนที่มาดูเรื่องคึกคักพูดขึ้น “แม่นางผู้นี้ชะตาชีวิตลำบากยิ่งนัก พวกเจ้าไม่รู้อะไร ตอนนั้น นางก็ขายตัวเพื่อนำเงินไปทำพิธีฝังศพให้กับนายของนาง มีมารดาของบัณฑิตคนหนึ่งเห็นว่านางรู้หนังสือ จึงให้เงินนางไปทำพิธีฝังศพให้กับนายของนาง รอให้นางไว้อาลัยครบร้อยวันก็รับนางเข้าไปเป็นสะใภ้ ทว่าผู้ใดจะไปรู้ สตรีผู้นี้ดวงชะตาแข็งมีดวงกินสามี หลังจากที่นางแต่งเข้าตระกูล บัณฑิตก็รีบไปสอบแล้วไม่กลับมาอีกเลย หลังจากนั้น ตอนนี้แม้แต่พ่อแม่สามีก็ตายไปแล้ว”

ดวงตาทั้งคู่ของชายร่างท้วมวัยกลางคนเบิกกว้าง ไม่แม้แต่จะฟังให้จบ สะบัดชายเสื้อแล้วเดินไป คล้ายกลัวว่าจะเคราะห์ร้ายอย่างไรอย่างนั้น

มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้า ก่นด่าคนสมัยโบราณว่าโง่เขลา

นางกลับรู้สึกชื่นชมความยึดมึ่นในคุณธรรมของสตรีนามอวิ๋นอิ๋นคนนี้ ร้านอาหารใกล้จะเปิดแล้ว จ้างคนไม่สู้ซื้อคนยังดีกว่า อีกทั้งนางยังอ่านออกเขียนได้ วันข้างหน้าสอนนางด้านการคิดคำนวณคงจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป

มองดูสีหน้าเข้มแข็งของนาง เมื่อก่อนขายตัวเพื่อทำพิธีฝังศพให้นาย ตอนนี้ยอมขายตัวเพื่อทำพิธีฝังศพให้พ่อแม่สามี เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนมีคุณธรรมและจิตใจดี

นางยอมขายตัวเอง แต่ไม่ยอมขายลูกสาว เห็นชัดว่าทั้งเป็นคนจิตใจดี และเป็นสตรีที่ยึดมั่นในหลักการ

มั่วเชียนเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพอใจ เดินเข้าไปใกล้แล้วพูด “เงยหน้าขึ้น”

อวิ๋นอิ๋นเงยหน้าขึ้น มองมั่วเชียนเสวี่ย แค่เพียงจ้องมองนาง ไม่พูดสิ่งใด

“ข้าซื้อตัวเจ้า ทั้งยังจะช่วยเลี้ยงดูลูกสาวของเจ้า แต่ว่า เจ้าต้องซื่อสัตย์และภักดีต่อข้าตลอดชีวิต”

ดวงตาสีนิล ค่อยๆ เปียกชื้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาในชั่วพริบตา ไหลอาบแก้มที่ซีดขาว รินลดลงไปอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นอิ๋นพาลูกสาว ก้มคำนับให้นาง “น้อมคารวะนายหญิง ชีวิตนี้อวิ๋นอิ๋นจะจงรักภักดีต่อนายหญิง ไม่มีใจเป็นอื่น หากผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าผ่า” พูดจบนางก็อุ้มลูกสาวของตนมา “ซีซี รีบมาขอบคุณสำหรับความกรุณาของฮูหยินเร็วเข้า”

นางเรียกมั่วเชียนเสวี่ยว่านายหญิง ทว่าให้ซีซีเรียกมั่วเชียนเสวี่ยว่าฮูหยิน เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าแม้จะรับเลี้ยงดูซีซีทว่าไม่ได้อยู่ในฐานะบ่าวรับใช้

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ใส่ใจกับสรรพนามเรียกเหล่านี้ ทว่าในสังคมที่แบ่งชนชั้นอันน่ารังเกียจนี้ ด้วยฐานะของนางในตอนนี้ไม่อาจเป็นถึงขั้นฮูหยินได้ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ดังนั้นจึงพูดขึ้น “พวกเจ้าสองแม่ลูกไม่ต้องคนหนึ่งเรียกนายหญิง คนหนึ่งเรียกฮูหยิน ข้าเวียนหัวไปหมด เรียกเถ้าแก่เนี้ยก็พอแล้ว”

ชื่อเรียกนี้เป็นได้ทั้งสรรพนามเรียกนาย และเป็นได้ทั้งสรรพนามเรียกผู้ที่มีความสัมพันธ์นายบ่าว ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้น่าจะเหมาะกับนางที่สุดแล้ว

อวิ๋นอิ๋นเงยหน้าขึ้น ก้มคำนับอีกครั้ง “เจ้าค่ะ เถ้าแก่เนี้ย” นางวางตัวสุภาพและเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบและทำงานคล่องแคล่ว

“น้อมคารวะเถ้าแก่เนี้ย!” ภายใต้การบอกของนาง ซีซีเองก็ก้มคำนับแล้วพูด

มั่วเชียนเสวี่ยมองกิริยาท่าทางของอวิ๋นอิ๋นที่แลดูสง่างาม ครุ่นคิดในใจว่าเมื่อก่อนนางต้องเป็นคนในตระกูลใหญ่แน่นอน แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอดีตเจ้านายของนางจึงปล่อยให้นางเร่ร่อนพเนจรเช่นนี้

แต่ว่า อดีตนายของอวิ๋นอิ๋นเป็นเรื่องเก่าเมื่อแปดปีก่อนแล้ว เกี่ยวอะไรกับนาง มั่วเชียนเสวี่ยถามอวิ๋นอิ๋นอีกสองสามประโยค จากนั้นทำสัญญา หลังจากประทับมือ ยื่นให้นางสิบตำลึง ให้นางไปทำพิธีฝังศพพ่อแม่สามี สั่งนางมาพบตนที่ท่าเรือในอีกสามวันให้หลัง

อวิ๋นอิ๋นเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเชื่อใจตนเช่นนี้ หลับตาลง สูดลมหายใจเข้า แล้วก้มคำนับให้มั่วเชียนเสวี่ยอีกสองสามครั้ง จะร้องปรามกลับไม่ทัน

หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาราวกับน้ำพุ รินไหลลงบนเสื้อและกระโปรงขาวของนาง เด็กสาวที่อยู่ข้างกายเห็นมารดาของตนเป็นเช่นนี้ ไม่ถามสิ่งใด เด็กน้อยคุกเข่าแล้วก้มคำนับไม่หยุด

“ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยๆๆ”

……

มาวันนี้…

“อวิ๋นอิ๋นน้อมทักเถ้าแก่เนี้ยเจ้าค่ะ” เห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินเข้ามา อวิ๋นอิ๋นวางผ้าในมือลงแล้วไปต้อนรับ หลังจากโค้งตัวลงน้อมทักทายก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ

ซีซีอายุเจ็ดขวบแล้ว เชื่อฟังมาก เห็นมั่วเชียนเสวี่ยมา นางก็รีบโค้งตัวลงทำความเคารพตามมารดาของนาง “ซีซีน้อมทักเถ้าแก่เนี้ยเจ้าค่ะ”

เห็นสีหน้านางดีขึ้น คิดว่าหลายวันที่ผ่านมานี้คงทำใจได้แล้ว

ตอนนี้มีทั้งอาหารการกินมีทั้งที่พัก อีกทั้งลูกสาวก็สามารถอยู่ด้วยได้ทุกวัน คาดว่าความเศร้าที่เกิดจากการสูญเสียพ่อแม่สามีของนางเบาบางลงไปมากแล้ว