ตอนที่ 145 ซิฟ

ซูเงินพาเมย์และซิฟกลับไปที่ยานบินเพื่อพบโควสันและคนอื่น ๆ และเมื่อโควสันเห็นว่าซิฟเดินเข้ามาเขาก็ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมคนที่คุณพามาถึงไม่ใช่ลอเรไล แต่เป็นซิฟล่ะ ?

“ลอเรไลหลบหนีไปได้ และที่ซิฟมาที่นี่ก็เพื่อตามจับตัวของเธอกลับไป” ซูเงินพูดอธิบายขึ้นมาอย่างสั้น ๆ หลังจากนั้นเมย์ก็เดินไปเล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ให้กับโควสันฟังอีกที

ในขณะเดียวกัน ฟิซท์ , เจมมา และสกายก็มองไปที่ซิฟอย่างสงสัย เพราะว่าชุดที่เธอใส่อยู่มันน่าสนใจเป็นอย่างมาก

” เธอชื่อว่าซิฟ เป็นชาวแอสการ์ด เธอถูกส่งตัวมาที่นี่ก็เพื่อตามจับลอเรไล”

ซูเงินสังเกตเห็นสายตาของพวกฟิทซ์ที่มองไปยังซิฟด้วยความสงสัย ทำให้ซูเงินรีบอธิบายขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าซิฟคือลอเรไล

ซิฟวางมือของเธอเอาไว้ข้างหน้าพร้อมกับงอแขนขึ้นมาเล็กน้อย และค่อย ๆ โน้มตัวลงไปข้างหน้าเพื่อทักทาย ซึ่งในตอนแรกซูเจินก็รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการที่ซิฟจะเจอกับสกายแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไร แน่นอนว่าสกายก็ไม่ได้รู้เรื่องนั้น ส่วนซิฟก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา และก็ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเข้ากันได้ดีด้วย

และเนื่องจากการที่เขาไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว มันก็ทำให้เขาเริ่มคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องของลอเรไลในทันที

เขาพยายามที่จะใช้ความสามารถในการค้นหาตำแหน่งของลอเรไลอีกครั้ง แต่มันก็ยังล้มเหลวทำให้ซูเจินเริ่มสนใจเกี่ยวกับเธอมากขึ้นไปอีก และมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนี้เธออาจจะอยู่มิติบางอย่างที่ความสามารถของเขามันไปไม่ถึง หรืออาจจะเป็นว่าเธอเป็นชาวแอสการ์ดทำให้เขาไม่สามารถหาตำแหน่งของเธอได้ ?

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา ซูเงินก็ลองค้นหาตำแหน่งของซิฟดู

ซึ่งมันก็ได้ผลแต่มันก็ไม่ได้บอกว่าซิฟอยู่ตรงไหน แต่มันบอกเพียงแค่ว่าเธออยู่ใกล้ ๆ เท่านั้นดังนั้นแล้วดูเหมือนว่าความสามารถของเขาจะไม่สามารถหาตำแหน่งของชาวแอสการ์ดได้

และในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เขาก็สามารถพึ่งพาทรัพยากรของหน่วย SHIELD ในการตามหาตัวของลอเรไลได้ และตราบใดที่ SHIELD หาตัวของเธอพบ ซูเงินก็มั่นใจได้เลยว่าเขาจะสามารถจับตัวของเธอได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็คงจะเป็นเรื่องยากมากอย่างแน่นอนในการที่จะตามหาตัวของเธอถ้าเกิดว่าเธอไม่ปรากฏตัวออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นคนที่ไม่ยอมอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อนอย่างแน่นอน และในไม่ช้าเธอก็จะปรากฏตัวออกมา ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบไปตามหาตัวของเธอเลย

การที่ซิฟจะมาบนโลกได้นั้นมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก และเธอก็จะอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะสามารถตามจับตัวของลอเรไลได้

” สกาย เดี๋ยวผมจะพาซิฟออกไปเดินซื้อของนะ เพราะว่าเธอเพิ่งจะมาบนดาวโลกเป็นครั้งแรก” ขู่เจินหันไปพูดกับสกายเบา ๆ

สกายมองไปที่ซูเงินและถามขึ้นมาเบา ๆ เช่นกันว่า ” คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธออย่างงั้นหรอ ?”

” ผมเคยพบเธอตอนที่ผมไปแอสการ์ด ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอก็ดีมาก ๆ เลยล่ะ” ซูเจินพยักหน้าและพูดขึ้นมา

“ได้ซิ … เธอเป็นคนที่น่ารักมากเลยล่ะ และถ้าเกิดว่ามีข่าวอะไร ฉันจะรีบติดต่อไปหาคุณทันที!” สกายพูดขึ้นมาเบา ๆ

“คุณเป็นคนที่น่ารักที่สุดเลย”

ซูเจินยิ้มขึ้นมาและจูบไปที่แก้มของสกายอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันซิฟที่กำลังพูดคุยกับโควสันอยู่ก็เหลือบมามองทางซูเงินเช่นกัน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมา ทันใดนั้นซูเงินก็เดินมาคว้าตัวของซิฟไปในทันที ทำให้โควสันที่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เขาก็ไม่ได้พูดพร้อมกับมองไปที่ซูเงินและซิฟที่เดินหายไป

“ที่นี่คือที่ไหน ?”

ซิฟมองไปที่ห้องตรงหน้าและถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “เมื่อกี้พวกเรายังอยู่ที่ยานบินอยู่เลย ? คุณเทเลพอร์ตมาที่นี่อย่างงั้นหรอ ?”

ประมาณนั้น และที่นี่ก็คือโรงแรม ดังนั้นในตอนนี้คุณจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แต่ถึงอย่างนั้นคุณจะใส่ชุดนี้ก็ได้นะ เพราะว่าในตอนนี้สถานการณ์บนโลกมันต่างไปจากเดิมนิดหน่อย”

เมื่อพูดจบมันก็มีชุดปรากฏขึ้นมาบนมือของซูเงินอย่างรวดเร็ว กางเกงยีนส์ เสื้อยืดและแจ็กเก็ตหนัง

ซึ่งชุดนี้เป็นชุดที่ซ่เงินได้เตรียมไว้ให้กับซิฟโดยเฉพาะ เพราะว่าบุคลิกและอารมณ์ของซิฟนั้นเอนเอียงไปในทางของผู้หญิงกล้าหาญและอารมณ์ที่เหมือนผู้ชายมากกว่า ซึ่งมันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากลอเรไลและสกายโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นถ้าเกิดว่าเขาให้เสื้อผ้าของผู้หญิงโดยเฉพาะให้กับเธอใส่มันจะทำให้เกิดอารมณ์ที่ดูขัดแย้งกันขึ้นมา และมันจะดูไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นแล้วชุดนี้จึงเหมาะสมกับเธอเป็นอย่างมาก

ซิฟลังเลอยู่เล็กน้อยในตอนแรก ก่อนที่เธอจะยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ซ่เงินหยิบออกมาให้

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกของซิฟในตอนนี้ที่ซูเจินสัมผัสได้มันก็แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เพราะว่าตอนนี้เธอไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับ “นักรบ” อีกแล้ว ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่เจ๋งกว่านั้นเล็กน้อย

“เอาล่ะ! หลังจากนี้ผมจะสอนให้คุณรู้ว่าการจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกจะต้องทำอย่างไรบ้าง”

ซูเงินพูดขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับมองไปที่ซิฟด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน

ซึ่งซ่เงินก็สามารถบอกได้เลยว่าความเร็วในการเรียนรู้ของซิฟนั้นสุดยอดมาก ถึงแม้ว่าในตอนแรกเธอจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็สามารถปรับตัวและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับธอร์ที่เอาแต่ดื่มเหล้าหลังจากที่เขามาบนดาวโลกเป็นครั้งแรก

และเมื่อตกเวลากลางคืน พวกเขาก็ไปหาอาหารเย็นทานด้วยกัน ก่อนที่จะหาที่พักบริเวณใกล้ ๆ เพื่อพักผ่อนพร้อมกับทำกิจกรรมผ่อนคลายร่างกายหลังจากที่พวกเขาไม่ได้เจอกันมานาน ทำให้ซิฟในตอนนี้ช่างเร่าร้อนยิ่งกว่าตอนไหน ๆ

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เธอก็รู้เหมือนกันว่าซูเจินกำลังอ่านความคิดของเธออยู่ ทำให้เธอยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงกระตือรือร้นมากขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่าเธอต้องการพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้แย่ไปกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ของเขา และก็เพื่อพิสูจน์ด้วยว่าเพียงแค่เธอเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของเขา ทำให้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาผู้หญิงคนอื่นอีก

นี่ถือว่าเธอพยายามที่จะเก็บเขาไว้เพียงคนเดียวอย่างงั้นหรอ ?

และนี่ก็คือความคิดของผู้หญิงทุกคนในแอสการ์ดที่เป็นแบบนี้

ในขณะเดียวกันซูเงินที่รู้ความคิดของซิฟ เขาก็ไม่สามารถหาคำพูดอะไรออกมาได้เลย และถ้าถามว่ามันน่าอายไหม ? เขาก็บอกได้เลยว่ามันน่าอายมากจริง ๆ นั่นแหละ

หลังจากนั้นไม่นานกิจกรรมผ่อนคลายของเขาและซิฟก็จบลง โดยซิฟเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตาจากซูเงิน

“อืม … ฉันขอโทษ ฉันจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางของซูเงินที่แสดงออกมาอย่างมีชัย ซิฟก็ฟื้นพูดขึ้นมาด้วยความไม่เต็มใจ

ซูเจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับโอบกอดไปที่ซิฟและพูดว่า “ตอนนี้มันดึกมากแล้ว คุณรีบนอนเถอะเดี๋ยวผมจะปลุกคุณอีกทีตอนเช้า และจะพาคุณไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน”

“อืม!”

ซิฟพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็นอนกอดกันและหลับไปอย่างรวดเร็ว

เวลาประมาณตีสี่ ซูเงินและซิฟก็เดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะ พร้อมกับนั่งลงบนม้านั่งอย่างเงียบ ๆ รอพระอาทิตย์ขึ้น ซิฟพิงไปที่ไหล่ของซูเงินพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นานความมืดมิดมันก็ค่อย ๆ หายไปและแสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาแทน ซึ่งมันก็สวยงามเป็นอย่างมากทำให้ซิฟรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ

“มันสวยมากเลย”

หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นจนสุดขอบฟ้าเรียบร้อยแล้ว ซิฟก็หันไปพูดกับซูเงินด้วยสีหน้าที่มีความสุข

ซูเจินยิ้มและพูดว่า “แน่นอน เราไปกันเถอะ ตอนนี้ผมหิวข้าวมากเลย”

แต่ในขณะที่พวกเขาลุกขึ้น ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งผ่านหน้าของเขาไป ทำให้ซูเงินถึงกับหรี่ตาลงและยิ้มขึ้นมาในทันที