ตอนที่ 146 เผชิญหน้ากับฟอลคอน
ชายคนนี้มีผิวสีดํา ไว้ผมสกินเฮด สวมชุดออกกําลังกาย และมีเหงื่อออกเล็กน้อยบริเวณหน้าผากของเขา เขาวิ่งผ่านหน้าของซูเงินและซิฟไปอย่างรวดเร็ว และก็ดูเหมือนว่าเขากําลังออกกําลังกายเบา ๆ ในยามเช้า ซึ่งลักษณะการวิ่งของเขานั่นก็คือการวิ่งสักพักหนึ่ง และหยุดพัก
ทําให้ซูเงินชําเลืองมองไปที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว
แซม , แซม วิลสัน
แน่นอนว่า แซม เป็นชื่อที่ค่อนข้างธรรมดามาก และสามารถพบเจอได้มากมายตามท้องถนนแต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีเพียงแค่ แซมเดียวเท่านั้น ที่มีฉายาว่า ฟอลคอน
แซม วิลสัน คืออดีตหน่วยพลร่มกู้ภัยของกองทัพอากาศในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่เขาจะได้เข้าร่วมทดลองในโครงการลับของกองทัพ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้อุปกรณ์สําหรับการต่อสู้ทางอากาศมา และมันก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมีตัวตนของเขา นั่นก็คือ ฟอลคอน ซึ่งเขาก็เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของอเวนเจอร์สเช่นกัน และสิ่งที่สําคัญที่สุดนั่นก็คือเขาได้รับการยอมรับจาก บัคกี้ บาร์นส์ ในการที่เขาจะได้รับตําแหน่ง กัปตันอเมริก้า คนต่อไปในอนาคต
และการที่เขาได้รับเกียรติในครั้งนั้น มันก็ช่วยเป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีว่าความสามารถของเขามันไม่เลวเลย
ซึ่งแซมในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนกับทหารผ่านศึกธรรมดา ๆ คนหนึ่ง โดยที่เขายังไม่ได้ปักหรือที่เรียกว่าฟอลคอนมา
และถ้าถามว่าทําไมอเวนเจอร์สถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น ?
ก็ต้องขอตอบว่านอกเหนือจากปัจจัยอื่น ๆ แล้ว จํานวนคนก็เป็นสิ่งสําคัญเช่นกัน ถ้ามีคนเข้ามันก็มีคนออก และเมื่อลองเอาอเวนเจอร์สมาเปรียบเทียบกับพันธมิตรสงคราม พันธมิตรสงครามก็มีจํานวนคนอยู่น้อยมากจนน่าสมเพช และตั้งแต่ที่ซูเงินเห็นเขา ซูเงินก็ไม่คิดที่จะปล่อยตัวเขาไปง่าย ๆ เช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นหรอ ?”
เมื่อเห็นว่าซูเงินเหลือบมองไปที่ผู้ชายที่วิ่งผ่านไป ซิฟก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความมึนงง
ซูเงินส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่เจอคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง และบางที ผมอาจจะได้เจอคนอื่น ๆ อีกด้วย ผมขอโทษนะ ทั้งที่ผมสัญญากับคุณเอาไว้ว่าจะพาคุณเดินไปดูรอบ ๆ และสนุกไปกับการใช้ชีวิตบนโลก แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ผมจะมีเรื่องเร่งด่วงที่จะต้องไปจัดการก่อน ดังนั้นคุณช่วยกลับไปรอผมที่ SHIELD ก่อนได้ไหม ?”
“ได้สิ แล้วคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรไหม ?” ซิฟพยักหน้าขึ้นมาด้วยความเข้าใจ เพราะเนื่องจากซู่เจินมีธุรจริง ๆ เธอจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องว่าเขา ซึ่งเธอก็อยากช่วยเขาเช่นกันถ้าเกิดว่าเธอช่วยได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งมันก็คือนิสัยของเธอ ในการที่จะพุ่งชนต่ออุปสรรคที่ขวางหน้าทุกอย่าง เพราะว่าเธอคือเทพธิแห่งสงคราม ของแอสการ์ด
“ไม่เป็นไร เพราะว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอะไรขนาดนั้น และในตอนที่ผมไม่อยู่ผมก็ฝากคุณช่วยดูแลโควสันและคนอื่น ๆ ด้วยนะ” ซูเงินส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมา
ซิฟก็พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ เช่นกัน
ซูเงินคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ถ้าสถานการณ์มันเลวร้าย และไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดีคุณก็พาพวกเขาไปอยู่ที่พันธมิตรสงครามก่อน ส่วนสถานที่ก็ไปถามกับสกายเอา”
“อืม!”
เมื่อได้ยินคําพูดของซูเจิน ซิฟก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอจะเจอหลังจากนี้มันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดทําให้เธอพยักหน้าขึ้นมาด้วยความจริงจัง
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่นุ่นก่อน”
ซูเงินวางมือลงบนไหล่ของซิฟ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่ยานบินของ SHIELD และหลังจากส่งตัวซิฟเสร็จแล้วซูเงินก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากซูเจินกลับมาที่เดิม เขาก็มองไปยังแซมที่วิ่งอยู่ด้านหน้าของเขาจากระยะไกล ซึ่งความเร็วของเขาก็ไม่ได้ช้าหรือเร็วมากเกินไป และถ้าลองเอาไปเปรียบเทียบกับในหนังกัปตันอเมริกาก็ดูว่าเขาจะวิ่งช้าไปหน่อย
เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้ว แซมก็ไม่ได้ฉีดซูเปอร์โซเดอร์เซรั่ม และเขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีพลังกําลังมากกว่าคนปกติอยู่ดี
ซูเงินไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปพูดคุยกับแซม เพราะถ้าเกิดว่าเขาเข้าไปพูดคุยกับแซมในตอนนี้มันจะสูญเปล่าในทันที เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้เทียบเท่ากับกัปตันอเมริกาเลยแม้แต่น้อย เพราะกัปตันอเมริกาคือสัญญาลักษณ์แห่งความเสรีภาพของคนอเมริกัน ดังนั้นในสายตาของคนอื่นกัปตันอเมริกาเปรียบเสมือนกับวีรบุรุษ และถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งว่ากัปตันอเมริกา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้รวมถึงชื่อเสียง ทําให้ซูเจินจะต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก เพราะว่าหนทางมันยังอีกยาวไกล
ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงทําได้เพียงแค่รอ รอให้สตีฟปรากฏตัวขึ้นมาและติดต่อกับแซมผ่านสตีฟ
และในขณะที่ซูเจินกําลังยืนคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ แซมก็วิ่งวนจนครบรอบและมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ซูเงิน และเมื่อซ์เงินเห็นว่าแซมมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ซูเงินก็รู้สึกประหลาดขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับรีบหันไปทักทายทันที
“สวัสดี”
“สวัสดี คุณเพิ่งทะเลาะกับแฟนมาอย่างงั้นหรอ ? เพราะเมื่อกี้ฉันเห็นว่าคุณเพิ่งจะนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่ตอนนี้กับเหลือเพียงแค่คุณคนเดียว ? เธอหายไปไหนแล้วล่ะ ?” แซมโบกมือทักทายให้กับซูเงินเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นมา
” ทะเลาะกัน ? ผมไม่ได้ทะเลาะกับเธอสักหน่อย ก็แค่เธอมีธุรด่วนก็เลยขอตัวไปก่อน และในตอนนี้ผมก็ยืนคิดอยู่ว่าจะทําอะไรดี” ซูเงินอธิบายขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณลองวิ่งดู มันอาจจะช่วยคุณแก้เบื่อได้!”
แซมยิ้มขึ้นมาและพูดต่อว่า “ฉันชื่อ แซม และถ้าเกิดว่าคุณไม่มีอะไรทําลองไปวิ่งด้วยกันกับฉันไหม ? คุณรู้ไหมการที่เราเกิดเป็นผู้ชายจะต้องมีร่างกายที่ดีและสามารถวิ่งหนีได้อย่างรวดเร็วในตอนที่เกิดอันตราย!”
“ร่างกายที่ดี ? ความเร็ว ? นี่เขาต้องการสื่ออะไรหรือเปล่า ?”
ซูเงินส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะวิ่งตามแซมไป “ผมชื่อซู่เจิน” ซูเงินพูดขึ้นมาเมื่องมาถึงด้านข้างของแซม
แซมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าซูเจินจะวิ่งเร็วมากขนาดนี้ ทําให้เขาพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และพวกเขาทั้งสองคนก็ออกวิ่งไปพร้อม ๆ กัน
ซูเงินไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก โดยที่เขาจะพยายามรักษาความเร็วพอ ๆ กับแซม และหลังจากที่พวกเขาวิ่งไปได้ประมาณสองสามรอบ แซมก็อดไม่ได้ที่จะมองไปซูเงินด้วยความประหลาดใจเพราะแค่วิ่งไปสองสามรอบแซมก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมากแล้ว แต่เมื่อแซมลองมองสํารวจไปที่ซูเงิน แซมก็พบว่าซูเงินไม่มีอาการหน้าแดง เหนื่อยหอบ หรือเหงื่อเลยแม้แต่หยดเดียว ” คุณไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม ?”
“ใช่ ผมไม่ใช่คนธรรมดา” ซูเงินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“คุณเป็นใครกันแน่ ?” แซมรู้สึกมึนงงเล็กน้อยเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าซูเจินเป็นใครกันแน่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน . เขาก็ได้ยินใครบางคนตะโกนมาจากด้านหลังว่า “ระวังทางซ้าย!”
ในขณะที่แซมกําลังจะหันไปดูว่าเป็นใคร ทันใดนั้นชายคนนั้นก็วิ่งแซงหน้าเขาไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหัวเราะ หลังจากนั้นไม่นานระยะห่างระหว่างแซมกับชายคนนั้นก็เริ่มไกลขึ้นเรื่อย ๆ
”เขาเป็นใคร ?” แซมหันไปถามกับซูเงินอย่างสงสัย
ซูเงินยิ้มขึ้นมาและไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน แซมก็ได้ยินคําพูดนั้นขึ้นมาอีกครั้งและนา…!
“ระวังทางซ้าย!”
” เห้ย ไอ้บ้าเอ้ยย…”
แซมตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธและพยายามที่จะวิ่งไล่ตามชายคนนั้นให้ทัน แต่ก็น่าเสียดายเพราะหลังจากที่เขาวิ่งตามไปได้ไม่นาน เขาก็ยอมแพ้ขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“คุณรีบตามเขาไปเร็ว คุณจะต้องตามเขาทันอย่างแน่นอน” เมื่อมองไปยังซูเงินที่กําลังวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ แซมก็หันไปพูดกับซูเงินอย่างรวดเร็ว
ซูเจินยักไหล่และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เลยเพื่อน!”
เพื่อพูดจบซูเจินก็เร่งความเร็วและไล่ตามชายคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว