ตอนที่ 147 กัปตันอเมริกา

“คุณไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วยสินะ!”

เมื่อเห็นว่าความเร็วของซู่เจินค่อย ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ และเกือบจะวิ่งทันชายคนนั้นในชั่วพริบตา มันก็ทําให้แซมอดไม่ได้ที่จะพึมพําขึ้นมาเบา ๆ

ในแง่ของสมรรถภาพทางร่างกายเพียงอย่างเดียวของซู่เจินในตอนนี้มันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าของกัปตันอเมริกาเลย ดังนั้นเขาจึงไม่จําเป็นที่จะต้องใช้ความสามารถอะไรออกมาเลยในการที่เขาจะไล่ตามกัปตันอเมริกาให้ทัน ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าสตีฟก็ยังไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดของเขาเช่นกัน และเขาก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีใครสามาร ถตามเขาทัน แต่ทันใดนั้นสตีฟก็เห็นว่ากําลังมีคนวิ่งตามเขามาจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว มันก็ทําให้เขาอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ ทําให้สตีฟเริ่มเร่งความเร็วของเขาให้มากยิ่งขึ้นไป

ความเร็วของพวกเขาทั้งสองคนในตอนนี้มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก ซึ่งสตีฟก็ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าสตีฟจะเร่งความเร็วไปมากเท่าไหร่ เขาก็เห็นว่าชายคนนั้นก็ยังตามเขาทันอยู่ ทําให้เขาค่อย ๆ หันหน้าไปมองว่าชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ และเมื่อเขาเห็นว่าชายคนนั้นเป็นใครมันก็ทําให้เขา ถึงกับตกตะลึง และเกือบที่จะสะดุดล้มลงกับพื้น แต่ด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วมันก็ทําให้เขาสามารถรักษาสมดุลของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

“ทําไมถึงเป็นคุณไปได้ล่ะ ?”

สตีฟมองไปที่ซ่เงินอย่างแปลกใจ ซึ่งเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นซู่เจิน

“ไม่คิดเลยว่าคุณจะแปลกใจมากขนาดนั้น” ซู่เจินหยุดวิ่งพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม และหันไปโบกมือให้กับแซมที่กําลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา และพูดว่า “ไง ผมทําสําเร็จแล้วนะ”

“ขอบคุณ!”

แซมพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหันไปมองสตีฟด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “คุณคือกัปตันอเมริกา สตีฟ โรเจอร์ส ใช่ไหม ?”

“สวัสดี!” สตีฟพูดทักทายขึ้นมา

“สวัสดีเช่นกัน ฉันชื่อแซม”

แซมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและหันไปพูดกับซูเจนว่า “คุณรู้จักกับกัปตันอเมริกาด้วยหรอ ?”

ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “นี่มันยังไม่ชัดเจนมากพออีกหรอ ? “

“แล้วคณเป็นใครกันแน่ ? เอ่อ…ที่ฉันหมายถึงก็คือ… คณไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม ?” แซมถามขึ้นมาอย่างสงสัย

แน่นอนว่าสิ่งที่แซมถามไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นฉายาของซู่เจิน และไม่ว่าจะเป็นวายร้ายหรือซูเปอร์ฮีโร่ พวกเขาก็จะมีฉายา หรือความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าซู่เจินจะไม่มีมันเลย

“เรียกเขาว่า ราชาแห่งสงครามก็ได้!”

สตีฟพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ราชาแห่งสงคราม ?”

แซมและซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกัน แน่นอนว่าแซมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย ในขณะเดียวกันซู่เจินก็สงสัย เช่นกันว่าชื่อนี้ของเขามันมีความเป็นมาอย่างไร แล้วเขาไปมีฉายาว่าราชาแห่งสงคราม ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

“ใช่ ราชาแห่งสงคราม!”

เมื่อมองดูไปยังท่าทางมึนงงของซู่เจินและแซม สตีฟก็พยักหน้าขึ้นมาด้วยความจริงจัง

“ถ้าเกิดว่าคุณเคยอ่านข่าว คุณก็น่าจะเคยเห็นอยู่ว่ามันมีอยู่ข่าวหนึ่งที่ ดร.ออคโตปสถูกฆ่าตาย และคุณก็น่า จะรู้ว่าชายคนที่ฆ่า ดร.ออคโตปุสนั้นเป็นใคร และถ้าเกิดว่า … เขาสวมชุดออกรบของเขาคุณก็อาจจะจําเขาได้ ในทันที”

เมื่อได้ยินสตีฟพูดเกี่ยวกับข่าวของดร. ออคโตปุสขึ้นมา มันก็ทําให้แซมจําขึ้นมาได้ในทันที

ความแข็งแกร่งอันมหาศาลที่มาพร้อมกับความน่าเกรงขาม

ชุดสีดําที่มาพร้อมกับผ้าคลุมที่พลิ้วไหวไปมาท่ามกลางสายลม และดาบคู่สีเขียมเข้มบนมือทั้งสองข้างของเขา ซึ่งมันเป็นภาพที่เห็นแล้วจะต้องประทับใจและยากที่จะลืมเลื่อนอย่างแน่นอน

“พระเจ้า! คุณนั่นเอง ฉันขอโทษด้วย เพราะฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นคุณ ซึ่งฉันก็เห็นด้วยกับการกระทําของคุณในครั้งนั้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าคนเราจะต้องมีวิธีการที่เด็ดขาดในการจัดการกับศัตรู และถ้าเกิดว่าเราเป็นคนใจอ่อน เราก็อาจจะถูกศัตรูตลบหลังและฆ่าตายได้ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าวิธีการที่คุณทําในตอนนั้นมัน ถูกต้องที่สุดแล้ว แถมยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ อีกด้วย!” เมื่อรู้ว่าซู่เจินเป็นใคร แซมก็รีบพูดขอโทษขึ้นมาทันที และหันไปพูดกับซู่เจินด้วยความตื่นเต้น

ซู่เจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแซมจะชื่นชอบในตัวของเขามากขนาดนี้ และก็ดูเหมือนว่าการที่เขาจะดึงตัวแซมมาอยู่กับเขามันจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว และเขาก็ประเมินชื่อเสียงของตัวเองต่ำไปด้วย เพราะสําหรับทหารผ่านศึกอย่างแซมแล้ว พวกเขาจะต้องเห็นด้วยกับวิธีการที่เขาได้ทําลงไปอย่างแน่นอน

พวกเขาทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาม และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินมาข้างถนนอย่างรวดเร็ว

สตีฟหันไปพูดกับแซมและซ่เงินว่า “ฉันต้องไปแล้ว เพราะว่าตอนนี้มันยังมีเรื่องอีกมากมายให้จัดการแซม คุณจะต้องฝึกให้มากกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้ความเร็วของคุณยังช้าเกินไป”

แซมขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ฉันจะไปเทียบกับคุณได้อย่างไร … “

“ปิ๊น ปิ๊น…”

ในขณะที่พวกเขากําลังยืนพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาพร้อมกับจอดลงตรงหน้าของพวกเขา พร้อมกับหน้าต่างของรถสปอร์ตสีดําค่อย ๆ เลื่อนลงมา และก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “กัปตัน เรามีภารกิจ… ซู่เจิน คุณมาทําอะไรที่นี่อย่างงั้นหรอ ?”

นาตาชามาที่นี่ก็เพื่อแจ้งให้กัปตันอเมริการู้ว่าตอนนี้มีภารกิจเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดว่าซู่เจินจะอยู่ ที่นี่ด้วย หลังจากนั้นเธอก็ลงมาจากรถอย่างรวดเร็วพร้อมกับกอดซู่เจินในทันที ทําให้สตีฟและแซมหันหน้าไป มองกันอย่างช่วยไม่ได้ และแซมก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “แม่ม่ายดําเป็นแฟนของราชาแห่งสงคราม ? พระเจ้า! แล้วผู้หญิงที่ฉันเห็นในตอนนั้นเธอเป็นใครกันล่ะ ?”

“ผู้หญิงที่เขาพูดถึงเป็นใครอย่างงั้นหรอ ?”

เมื่อนาตาชาได้ยินคําพูดของแซม เธอก็หันไปถามกับซู่เจินอย่างสงสัย

ซ่เงินเหลือบมองไปทางแซมอย่างรวดเร็ว และเมื่อแซมเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบแสดงท่าทางขอโทษขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”

“ซิฟ จากแอสการ์ดน่ะ” ซู่เจินพูดขึ้นมาเบา ๆ

“ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเป็นเทพธิดา” นาตาชาพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันมีภารกิจที่จะต้องทํากับกัปตัน คุณอยากมาด้วยกันกับด้วยฉันไหม ?”

“มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และเวลาในการทําภารกิจมันก็ยังเป็นตอนกลางคืนอีกด้วย ซึ่งถ้าเกิดว่าผมว่าง ผมจะไปที่นั่นก็แล้วกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

นาตาชาถึงกับตกตะลึง เพราะดูเหมือนว่าซู่เจินจะรู้ว่าภารกิจในครั้งนี้มันคืออะไร ? เธอพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรให้มากมาย เพราะถึงอย่างไรภารกิจในครั้งนี้มันก็ไม่ได้อันตรายมากนัก ซึ่งเธอก็แค่หวังว่าซู่เจินจะเข้าร่วมภารกิจด้วย มันจะได้ทําให้เธอทําภารกิจในครั้งนี้ได้ไม่อยากลําบากมากนัก

หลังจากที่นาตาชาและสตีฟจากไป แซมก็หันไปพูดกับซู่เจินด้วยความตกใจว่า “คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้ ไหมว่าคุณทําแบบนั้นได้อย่างไร ? เพราะว่าเธอไม่ถามด้วยซ้ําว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับคุณ”

“เพราะว่าเธอรู้”

“นี่มันจะสุดยอดมากเกินไปแล้ว!” แซมอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

“บางทีนี่มันอาจจะเป็นเพราะเสน่ห์ที่มากเกินไปของผมก็ได้ เอาล่ะ! อย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลยมาพูดถึงเรื่อง ของคุณกันดีกว่า” ซู่เจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองทางแซม

แซมชะงักไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ฉัน ? คุณต้องการพูดอะไรเกี่ยวกับฉัน ?”

“มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากเลยสินะตั้งแต่ที่คุณกลับไปเข้าร่วมกับกองทัพ ? ถึงแม้ว่าคุณในตอนนี้จะ มีหน้าที่การงานที่ดีและชีวิตที่มั่นคง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่า … นี่มันไม่ใช่ชีวิตที่คุณต้องการ ดังนั้นคุณอยากก้าวเข้าสู่สนามรบอีกครั้งหรือไม่ ? เป็นเหมือนกับสตีฟ ?”