ตอนที่ 84 ความเกลียดชังของเฉินผิงอัน
ป้าหวงเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เมื่อเห็นหญิงสาวกลับมาที่บ้าน ก็ตรงไปยังโรงเก็บไม้โดยที่ไม่เข้าไปในห้องอื่นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ!
“มากเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าเป็นคนสร้างบ้านหลังนี้ แต่กลับให้เจ้ามานอนในโรงเก็บไม้ พ่อของเจ้าทํามากเกินไปแล้ว”
แต่ในตอนนี้ร่างกายของเฉินเถียนเถียนกําลังสั่นไหว หยาดน้ําตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตา “พี่ใหญ่เป็นบัณฑิต เขาจึงต้องได้อาศัยอยู่ในห้องดีๆ ผู้เป็นพ่อต้องอาศัยอยู่ในห้องหลักของบ้าน เฉินเอ๋อยังเด็กย่อมต้องมีห้องที่ปลอดโปร่ง ส่วนห้องอื่นๆก็ต้องเก็บไว้เผื่อมีแขกมาพัก ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ยอม แต่ก็ต้องเชื่อฟัง ข้าเพียงแต่ไปอาศัยอยู่บ้านท่านลุงไม่กี่วัน เหตุใดที่นอนของข้าถึงหายไป? ท่านแม่ทําเหมือนกับข้าไม่ใช่ลูกสาว…”
เฉินเถียนเถียนพูดด้วยน้ําเสียงสะอึกสะอื้น คนรอบข้าง ไม่รู้จะปลอบใจนางอย่างไร เลยได้แต่ทอดถอนใจ!
หยุนเคอเองก็เดินตามหญิงสาวเข้ามาในลานบ้าน คิดว่าหากแม่ของนางเข้ามาสร้างความลําบากให้ในขณะที่กลับมาเอาของ เขาก็พร้อมจะเข้าไปช่วยทันที ใครจะคาดคิดว่าจะได้ยินเสียงนางร้องไห้ทันทีที่เดินเข้าไป
จี๋ชื่อก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกัน นางเป็นสะใภ้ใหญ่ แต่ในตอนนี้ก็ไม่สามารถจัดการอันใดได้มากนัก
“แม่เจ้าอาจจะเอาไปทิ้ง เจ้าลองตามหาดูก่อนเถิด!”
ในขณะที่เฉินเฉินเดินออกมาจากห้อง เขาตกใจมากที่เห็นผู้คนมากมาย แต่เมื่อหันไปเจอพี่สาวจึงรีบร้องเรียกนาง!
เถียนเถียนยิงคําถามใส่ทันที “เฉินเอ๋อ ท่านแม่เอาที่นอนของข้าไปไว้ที่ไหน เจ้าเห็นหรือไม่?”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ “ข้าเห็น ตอนนี้มันอยู่ในห้องเก็บของอีกฝั่งหนึ่ง!”
เฉินเถียนเถียนเปิดประตูเข้าไป และหยิบผ้าห่มขึ้นมาราวกับเป็นสมบัติล้ําค่า!
เมื่อทุกคนมองดูใกล้ๆ ก็เห็นว่าผ้าห่มที่อยู่ในอ้อมแขนของ เฉินเถียนเถียนนั้นมีผ้าชิ้นใหญ่เย็บปะกับชิ้นเล็ก ฝีตะเข็บที่เย็บลงไปบนผืนผ้านั้นโย้เย้คดเคี้ยว เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเด็กน้อย!
นอกจากจะมีผ้าเย็บปะอยู่หลายชิ้น ก็ยังมีรูฉีกขาดขนาดใหญ่ ดังนั้นสําลีที่โผล่ออกมาจึงกลายเป็นสีดําสนิท และแข็งเหมือนแพนเค้กค้างคืน แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือของแม่เลี้ยง มีเพียงแค่หลินชวนฮวาเท่านั้นที่ทําได้
จู่ ๆ จี๋ชื่อก็ดึงผ้าห่มในอ้อมแขนของนางแล้วทุ่มลงพื้นอย่างไม่อดทน
“ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าทนเห็นเด็กน้อยผู้นี้ถูกนังผู้หญิงต่ําทรามคนนั้นรังแกไม่ได้ ได้โปรดมาช่วยกันเถิด!”
ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งออกไปเชิญผู้เฒ่าสี่มา!
เมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ผู้เฒ่าสี่ก็ชักอารมณ์ไม่ดีและรู้สึกว่านังผู้นี้สร้างปัญหาอีกแล้ว
ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวอันใดออกมา จี๋ชื่อก็เปิดฉากนําไปก่อนแล้ว!
“ท่านผู้เฒ่า ท่านจงดูด้วยตาตนเองเถิดว่าหลินชวนฮวาทําสิ่งใด! เห็นได้ชัดว่ายังมีห้องหับดีๆว่างอยู่ แต่บอกว่าต้องเก็บไว้รอให้แขกเหรื่อเข้ามาพักแล้วให้เด็กผู้นี้นอน ในโรงเก็บไม้! ไม่รู้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติประเภทใด ถึงได้เก็บห้องไว้รอให้เข้าพักทั้งปี!”
“แล้วดูผ้าห่มผืนนี้ ต่อให้เป็นขอทานข้างถนน ก็ยังมองเมินไปเสียด้วยซ้ําเมื่อเห็นมัน แต่เด็กคนนี้นับว่ามันคือสมบัติ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผ้าห่มที่นางหยุนซื้อให้ตอนที่ยังอยู่ที่นี่ แต่มันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว! ผู้เฒ่าสี่ ท่านก็เป็นพ่อแม่คน คงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้ในโลก!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าสี่มืดทะขึ้นลงกะทันหัน เขาอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดเฉินผิงอัน แม้แต่หลังบ้านของตัวเองก็ยังไม่สามารถจัดการให้ดีได้จนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการทําให้ตัวเองต้องอับอายขายขี้หน้าหรือ!
“ผู้ใดก็ได้! ไปที่บ่อนพนันแล้วเรียกเฉินผิงอันกลับมาเดี๋ยวนี้
แม้ว่าผู้คนในหมู่บ้านจะจิตใจดี ก็แต่มีคนเต็มใจเข้ามามุ่งกับเรื่องแบบนี้เสมอ…
เฉินผิงอันถูกตามตัวกลับมาในขณะที่กําลังเพลิดเพลิน เช่นนี้จึงอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย! แต่ผู้เฒ่าสี่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าทิ้งตึง เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินทําได้เพียงแค่ระบายความโกรธใส่เฉินเถียนเถียนที่อยู่ด้านข้างแทน!
“นังเด็กเหลือขอ มิใช่ว่าเจ้าขอแยกตระกูลไปแล้วหรือ? กลับมาทําอะไร?”
ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอีกฟากหนึ่งอย่างเดือดดาล ในบรรดาผู้อาวุโสในตระกูล เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่มีร่างกายแข็งแรง การตบลงที่โต๊ะจึงใช้พลังเพียงเล็กน้อย!
“เฉินผิงอัน มีพ่อที่ไหนเป็นอย่างเจ้าบ้าง? ที่ผ่านมาพวกข้าผู้เฒ่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าปฏิบัติต่อลูกสาวของนางหยุนเช่นนี้ ในตอนนั้นเจ้าสัญญาต่อหน้าข้าและเหล่าผู้เฒ่าว่าจะดูแลลูกสาวของนางหยุนเป็นอย่างดี สุดท้ายเจ้ากลับปฏิบัติต่อลูกสาวของนางเช่นนี้หรือ?”
จี๋ชื่อเปิดปากประชดประชัน “หลายปีมานี้ พานังหญิงสารเลวชวนฮวาเข้ามาถลุงสมบัติในบ้าน เหตุใดถึงยังปล่อยให้ลูกสาวของตัวเองอยู่ในที่ที่แย่กว่าคอกหมูเสียอีก? เฉินผิงอัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนั้นนางหยุนจะปฏิเสธเจ้า นางคงเห็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของแม่เจ้าที่มีต่อนางหยุนในตอนนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าคงจะไม่มีปัญญาได้แต่งภรรยาเช่นนี้ เมื่อนางไม่ยินยอมเจ้าก็เกลี้ยกล่อมนาง เจ้าไม่คิดว่ามันช่างไร้ค่าบ้างหรือ?”
เฉินเถียนเถียนไม่คิดว่าสิ่งที่เคยคาดไว้จะได้รับการยืนยัน จากปากของจี๋ชื่อ!
แม่เฒ่าเฉินไม่ได้กล่าวคําเท็จ ตอนนั้นเฉินผิงอันชอบนางหยุนมาก จึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้แต่งงานกับนาง โดยอาศัยบุญคุณของแม่เฒ่าเฉินที่มีต่อนาง นางหยุนที่กําลังโศกเศร้าจึงตอบตกลง!
หยุนจึงเอ๋อเป็นคนฉลาด นางดูออกว่าเฉินผิงอันมิใช่คนดี ดังนั้นจึงเป็นเฉยต่อเขา หรือเพราะความเฉยเมยนี้ จึงทําให้ความรักของเฉินผิงอันค่อยๆจางหายไป เหลือเพียงแค่อ้อนวอนให้ไม่เกลียดชัง!
หยุนจิงเอ๋อยังไม่แน่ใจว่าเฉินผิงอันจะปฏิบัติต่อลูกสาวของนางอย่างไรหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นนางจึงทิ้งบางอย่างไว้ โดยการระบุชื่อในโฉนดที่ดินทั้งหมดเป็นชื่อลูกสาว น่าเสียดายที่เฉินเดียนเถียนยังเด็กเกินกว่าจะใช้มันให้เป็นประโยชน์
สิบปีต่อมา สิ่งเหล่านี้ไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลินชวนฮวาเข้ามาในบ้าน นางยุแยงให้เฉินผิงยิ่งเกลียดชังเพราะเด็กนี่ไม่ใช่ลูกสาวของเขา!
ในตอนนั้นเด็กหญิงตัวเล็กๆอายุเพียงไม่กี่ขวบจะสามารถต่อสู้กับผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์สองคนได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ เฉินเถียนเถียนตัวน้อยจึงถูกกลืนหายไปในที่สุด ชีวิตของนางก็ถูกคนชั่วสองคนนี้ทําให้จบสิ้นลง!
เฉินผิงอันกล่าวออกมาอย่างเคียดแค้น เมื่อถูกจี๋ชื่อพูดถึง ความเจ็บปวดในอดีตของเขา “ในตอนนั้นข้าปฏิบัติต่อหยุนจึงเอ๋อราวกับเป็นเทพธิดา แต่ตลอดเวลาหลายปีข้าได้รับสิ่งใดกลับคืนมา? หยุนจิงเอ๋อตอนอยู่ข้างนอกนั้นจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น แต่เมื่อกลับถึงบ้านก็มีแต่ท่าที่เย็นชาต่อข้า! แต่งงานกันมาหลายปี ข้ายังไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางเลย นางต่างหากที่ติดค้างข้า!”