บทที่ 66 ขัดใจมี่เหลียนอิ๋น (ปลาย)
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้ว่ามีความขัดแย้งภายในตระกูลฉู่ และน้องชายของอ๋องหยุนจงก็ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับ อวี๋เหยียนลั่ว
สักเท่าไหร่ หากความลับที่เขาช่วย อวี๋เหยียนลั่ว ถูกรู้ไปถึงหูของฝั่งตรงข้าม การมาเยือนตระกูลอวี๋ ครั้งนี้จะกลายเป็นหายนะทันที
ดังนั้น สิ่งแรกที่เขาจำเป็นต้องทำคือตรวจสอบว่าคนแซ่เจี้ยนผู้นั้น
อยู่หรือไม่ เมื่อรู้ว่าเขาไม่อยู่ ซูอัน ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนจะพูดต่อ “พาข้าไปพบกับนายหญิงของเจ้าที”
คนเฝ้าประตูรู้สึกขบขัน “มีผู้ชายมากมายในโลกที่ต้องการพบนายหญิงของเรา ข้าเกรงว่าเงินจำนวนแค่นี้คงจะไม่เพียงพอ”
แทนที่จะเสียเวลาพูดกับคนเฝ้าประตู ซูอัน หยิบจี้หยกที่เขาได้รับจาก
อวี๋เหยียนลั่ว ออกมา “เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่? ข้าเป็นสหายของนายหญิงของเจ้า จงไปแจ้งกับนางทีว่าข้าต้องการขอเข้าพบข้าแน่ใจว่านางยินดีพบกับข้าแน่นอน”
เมื่อเห็นอักษร ‘อวี๋’ ตัวใหญ่ที่สลักไว้บนจี้หยก รูม่านตาของคนเฝ้าประตูก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ข้าขออภัยด้วยจริง ๆ ที่กระทำตัวไม่เหมาะสมกับแขกผู้มีเกียรติ! ว่าแต่คุณชายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรงั้นหรือข้าจะได้เรียกท่านได้ถูก?”
ซูอัน ขมวดคิ้วและตอบกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องที่เจ้าไม่ควรรู้ เร็วเข้ารีบเข้าไปรายงานนายหญิงของเจ้าได้แล้วว่าข้าต้องการขอเข้าพบนาง!”
แน่นอนว่า ซูอันไม่โง่พอที่จะทิ้งข้อมูลใด ๆ ไว้เบื้องหลังให้คนในตระกูลอวี๋ตรวจสอบตัวตนของเขาได้
“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ คุณชาย ตอนนี้ท่านคงพบกับนายหญิงของเราไม่ได้เพราะนายหญิงเพิ่งออกเดินทางไปทำกิจส่วนตัวบางอย่างที่มณฑลใกล้เคียง” คนเฝ้าประตูตอบกลับด้วยสีหน้าขมขื่น
ซูอัน ตกตะลึง “นางจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“อย่างน้อยก็สิบวันหรืออย่างมากสุดก็ครึ่งเดือน” คนเฝ้าประตูตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอัน ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิดจากนั้นเขาหันหลังกลับและจากไปในทันที เขารู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินว่าตอนนี้ อวี๋เหยียนลั่ว ไม่อยู่ เป็นไปได้ไหมว่านางซ่อนตัวจากเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าตอบแทน?
แต่แล้วเมื่อ ซูอัน เดินจากไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็นึกอะไรบางอย่าง
ขึ้นได้ เขารีบวิ่งกลับไปที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลอวี๋อย่างรวดเร็ว
และยื่นมือออกไปพร้อมกับตะโกนว่า “เอาเงินของข้าคืนมา!”
คนเฝ้าประตู อ้าปากค้างราวตกตะลึงจนพูดไม่ออก โลกนี้มีคนตระหนี่ขนาดนี้ได้ยังไง? เจ้ากล้าขอเงินคืนกันหน้าด้าน ๆ แบบนี้เลยงั้นเหรอ?
หากเป็นคนอื่น เขาคงตอบปฏิเสธไปทันควันแต่ชายผู้นี้ดันเป็นสหาย
กับนายหญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคืนเงิน
ไปด้วยสีหน้าหดหู่
ท่านยั่วยุ คนเฝ้าประตูตระกูลอวี๋ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +66!
ได้คะแนนน้อยจริงๆ… ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมระบบถึงไม่ขาน
ชื่อจริงของเจ้าด้วยซ้ำ!
หลังจากออกจากตระกูลอวี๋แล้ว ซูอัน ใช้เวลาที่เหลือเดินเล่นรอบ
เมืองจันทร์กระจ่าง เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและถนนหนทาง
ของเมืองให้ได้มากที่สุด เขาคำนึงเสมอว่าการตัดสินใจที่ดีย่อมเกิดขึ้นได้จากการที่มีข้อมูลรอบด้านมากพอ
เขาใช้เวลาครึ่งวันในการสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างตั้งใจในขณะเดินผ่านถนนและตรอกซอกซอย อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็ไม่ได้เป็นไอ้โง่
อีกต่อไป
ท้องฟ้ามืดลงในไม่ช้า ซูอัน คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับไป
คฤหาสน์ตระกูลฉู่
เขาถามคนใช้และพบว่า ฉู่ชูเหยียน ยังไม่กลับมา ดูจากรูปการณ์แล้ว
ดูเหมือนนางจะไม่ได้กลับมาในเร็ว ๆ นี้ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ตอนแรกเขาวางแผนว่าจะยืมเงินจากนางเพื่อฝ่าวิกฤตครั้งนี้ เพราะก่อนหน้านี้นางเองก็เคยใจดีให้เขายืมเงิน 300 ตำลึงเงินที่ห้องโถงบรรพบุรุษ
เดี๋ยวนี้ข้าไม่รู้สึกเขินอายที่ต้องขอเงินจากผู้หญิงแล้วงั้นเหรอ? ไม่ใช่สิ
นี่มันเป็นเรื่องจำเป็นต่างหาก! และอีกอย่างต่อให้ข้าจะเป็นแบบนี้ผู้คนในตระกูลฉู่ก็ไม่สามารถมองข้าต่ำลงไปกว่านี้ได้อีก ในเมื่อทุกคนต่างดูแคลนข้ากันนักงั้นข้าจะใช้ประโยชน์จากการถูกดูแคลนให้ได้มากที่สุดเพื่อความอยู่รอด!
ในความเป็นจริง เมื่อชีวิตที่แล้วที่ ซูอัน เคยดูสารคดีสัตว์โลก เขาอิจฉาสิงโตตัวผู้ในทวีปแอฟริกามาก ๆ นอกเหนือจากการต่อสู้กันเป็นครั้งคราว พวกมันก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย มีสิงโตสาวจากฮาเร็มขนาดใหญ่ของมัน
ให้คอยทำงานทุกอย่างแทนโดยเฉพาะการล่าหาอาหาร ส่วนตัวของพวกมันนั้นก็เอาแต่นอนสบายใจเฉิบอยู่ในถ้ำของพวกมัน
เอาล่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าไม่สามารถพอใจได้กับแค่การเป็นแมงดา
คอยเกาะตระกูลฉู่ เพียงอย่างเดียว ข้าต้องมีความทะเยอทะยานมากกว่านี้ ข้าต้องกลายเป็นแมงดาที่คอยเกาะกินหญิงสาวชั้นสูงทุกตระกูลในโลกนี้ต่างหาก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ซูอัน คิดถึงเรื่องที่ ‘ซูอันน้อย’ ใช้งานไม่ได้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองและไม่นานน้ำตาแห่งความขมขื่นก็เริ่มไหลออกเบ้าตาของเขา
“ทำไมเจ้าถึงร้องไห้?” ทันใดนั้นเสียงของชายชราผู้หนึ่งก็ดังขึ้น
จากด้านหลัง
ซูอัน สะดุ้งด้วยความตกใจ เขาหันกลับมาและเห็นผู้เฒ่ามี่หรือมี่เหลียนอิ๋น ยืนอยู่
ข้างประตู “นี่ท่านเป็นผีเหรอไง? ทำไมข้าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของท่านสักนิด?”
ผู้เฒ่ามี่ เพิกเฉยต่อคำถามของ ซูอัน และแทนที่ด้วยคำถามของเขาเองว่า “เจ้าเพิ่งกลับมาจากสถาบันจันทร์กระจ่างงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง” ซูอัน ตอบกลับ ข้าไม่ได้โกหกอยู่ดี ข้าไปที่นั่นเมื่อเช้าจริง
แต่หลังจากนั้นข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า!
“เจ้าพบ เว่ยหงเต๋อ กับรึเปล่า?” ผู้เฒ่ามี่มองมาที่ ซูอัน รอคอยคำตอบอย่างอดทน
ซูอัน ส่ายหัวและตอบกลับ “ข้าเพิ่งไปที่นั่นวันแรก ข้ายังหาเขาไม่เจอ”
เฒ่ามี่พยักหน้าตอบก่อนที่จะเตือนเขาว่า “เจ้าต้องตามหาเขาให้เร็วที่สุด”
“ข้าเข้าใจแล้วผู้อาวุโส!” ซูอัน รู้สึกละอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาเตือนตัวเองว่าหลังจากนี้เขาคงต้องตามหาคนที่ชื่อ เว่ยหงเต๋อ ผู้นี้สักหน่อย
เพื่ออย่างน้อย ๆ จะได้เป็นการตอบแทน ผู้เฒ่ามี่ ไปในตัว
“เอาล่ะ เจ้าพักผ่อนเถอะ” ผู้เฒ่ามี่เอ่ยก่อนจะหันหลังกลับ
และออกจากห้องไป
ทันใดนั้นร่างสีแดงเพลิงก็พุ่งเข้ามาในห้องราวกับดาวหางไฟ “เฮ้ ซูอัน! ทำไมวันนี้ข้าไม่เห็นเจ้าที่สถาบัน!”
แน่นอนว่าผู้ที่มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น นางคือคุณหนูรองของตระกูลฉู่
ฉู่ฮวนเจา
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้เฒ่ามี่ หันขวับมามอง ซูอัน ทันที
“มารยาทของเจ้าหายไปไหน? เจ้าควรเรียกข้าว่าพี่เขย!” หัวใจของซูอัน เต้นผิดจังหวะ แต่เขาแสร้งแสดงท่าทีองอาจเพื่อข่ม ฉู่ฮวนเจา
ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +24!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ฮวนเจา โกรธจนแทบหัวจะระเบิดแต่เมื่อนางนึกถึงเรื่องการเดิมพันที่พวกเขามีต่อกันเมื่อก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุด นางทำได้แค่เพียงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “พี่เขย ทำไมวันนี้ข้าไม่เห็นพี่ที่สถานศึกษา?”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของ ผู้เฒ่ามี่ ที่จ้องเขม็งมาที่เขา ซูอันก็หัวเราะออกมาอย่างเขินอาย “สำนักออกจะกว้างขวาง มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ
ที่เจ้าจะหาข้าเจอไม่ได้ง่าย ๆ ”
ฉู่ฮวนเจา ส่ายหัว “นั่นไม่ถูกต้อง ข้าเดินหาจนทั่วห้องของพวกปีแรก
ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่พบกับท่านเลย ท่านไม่มีทางที่จะได้ไปเรียนอยู่ในห้อง
ปีที่สองหรือสามได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เพิ่งเข้าศึกษาจริงไหม?”
ท่านยั่วยุ มี่เหลียนหยิน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +99!
สายตาของผู้เฒ่ามี่เปล่งประกายเย็นวาบทันที ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขารู้ความจริงแล้ว ซูอัน อดไม่ได้ที่จะกังวลว่าตัวเองจะต้องโดนทุบตีในไม่ช้า แต่แล้ว
ในช่วงเวลาตึงเครียดนี้ กลับมีอีกร่างหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในห้อง
“ไอ้ตัวปัญหา ซูอัน! พวกข้าอุตส่าห์ใจดีส่งเจ้าไปที่สำนักเพื่อให้เจ้ามีโอกาสพัฒนาตัวเอง แต่แค่วันแรกเจ้ากลับกล้าหนีออกมา…ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ข้างนอกแล้วงั้นเหรอ!”