ตอนที่ 78 ใจจริงที่ซ่อนไว้ของหมี

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

78 ใจจริงที่ซ่อนไว้ของคนรับใช้

 

“……อึก……”

 

เสียงครางเล็ก ๆ ดังออกมา

เมื่อฉันหันไปมอง เปลือกตาของริโนกิสเปิดขึ้นเล็กน้อย

 

“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

 

เมื่อฉันส่งเสียงถามไป เธอก็มองมาทางนี้

 

“……คุณหนู”

 

“เป็นยังไงบ้าง? เวียนหัวไหม?”

 

ไม่ว่าจะหยุดเลือดได้เร็วแค่ไหน แต่ก็ยังเสียเลือดเป็นจำนวนมากเนื่องจากแขนถูกตัดออก ไม่แปลกที่หากจะรู้สึกมีอะไรผิดปกติ

 

ถึงจะไม่เหมือนกับที่ฉันเคยเป็น แต่ถ้าอ่อนแอจนถึงขั้นร่างกายปฏิเสธไม่ยอมกินอาหาร แบบนั้นก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะหายสนิทเหมือนกัน……

 

“……――っ!”

 

จู่ ๆ ริโนกิสก็ตื่นจากอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอเบิกตากว้าง ยกลำตัวท่อนบนขึ้นแล้วแตะแขนขวาด้วยมือซ้าย

 

“……ยังอยู่”

 

เธอลูบไปตามแขนขวา

เธอดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเธอยังมีสิ่งที่คิดว่าสูญเสียไปแล้ว

 

“เอ๊ะ? ……ความฝัน?”

 

“ไม่ใช่ เธอได้ต่อสู้กับนักดาบปีศาจที่สังเวียนใต้ดินและแขนขวาถูกตัดออกจริง ๆ ถึงตอนนี้จะติดเข้าที่แล้วก็เถอะ”

 

ที่เธอสงสัยว่าเป็นความฝันคงเป็นเพราะความทรงจำของตัวเองและความเป็นจริงในปัจจุบันนั้นแตกต่างกันเกินไป แต่ไม่ใช่แค่นั้น ……ในกรณีของริโนกิส เธอมีความปรารถนาที่อยากจะให้เป็นเช่นนั้นจริงในหลาย ๆ ความหมาย

 

ฉันไม่ได้แอบออกมาตอนกลางคืน และไปที่สังเวียนใต้ดิน

ฉันไม่ได้ปรากฎตัวบนเวทีของสังเวียนใต้ดินในฐานะนักสู้

ผลลัพธ์ เธอไม่เคยถูกตัดแขน

 

――ทุกอย่างคือความฝัน บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่เธออยากจะคิด

 

“ริโนกิส”

 

ฉันต้องพูดกับเธอที่เคลื่อนไหวจนต้องเจอกับความสูญเสียแบบนั้น

 

“ขอโทษค่ะ”

 

“……”

 

ตาของเธอหันมามองที่ฉัน

 

“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะยอมไปไกลถึงขนาดนั้นเพื่อหยุดและปกป้องฉัน ฉันควรจะคุยกับเธออย่างเหมาะสม และหาข้อสรุปที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย ฉันเสียใจมาก”

 

การต่อสู้กับนักดาบปีศาจถึงจะเป็นการต่อสู้รุนแรง แต่ก็ไม่มีปัญหาแม้แต่อย่างเดียว

 

ฉันไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจนฉันอยากชื่นชม และสมกับเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันคิดว่าตัวเองสามารถประกาศได้อย่างไม่อายว่านี่คือลูกศิษย์ของฉัน

 

ทว่า ถ้าฉันเป็นเหตุผลที่ทำให้ริโนกิสตัดสินใจรับคำท้า นั่นก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

ไม่เป็นไรถ้าเป็นการต่อสู้ที่ริโนกิสต้องการ

แม้ว่าอาจจะจบลงด้วยความตาย แต่แบบนั้นฉันก็คิดว่าเป็นความปรารถนาที่แท้จริงของนักสู้

 

แต่ว่า ถ้าฉันเป็นต้อนเหตุของการต่อสู้ครั้งนั้น

เมื่อไม่สามารถอยู่เคียงข้างฉันได้ แต่ยังต้องปกป้องฉันเพราะเป็นงานของเธอในฐานะผู้คุ้มกัน ดังนั้นเธอจึงเหลือทางเลือกเพียงการเป็นผู้เล่นบนสังเวียนซึ่งเป็นทางเดียวที่เธอจะสามารถแอบเข้าไปได้

 

ผลลัพท์คือ การต้องต่อสู้กับนักดาบปีศาจ

 

――ถ้าริโนกิสเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เธอสามารถตอบรับการต่อสู้ระหว่างนักสู้ได้ตลอดเวลา แพ้ไม่เป็นไร แต่อย่าตาย ฆ่าก่อนที่จะถูกฆ่า นั่นคือทั้งหมดที่ฉันสามารถพูดได้

 

เธอยังอ่อนหัดอยู่เลย

ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องไปไกลขนาดนี้ และหนักอึ้งที่จะขอ

 

“……แต่กลับกัน ดิฉันเองก็สร้างปัญหาให้เช่นกันค่ะ”

 

“ม๊า เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น”

 

“เอ๊ะ”

 

“เพราะว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน ฉันก็อยากให้เธอชนะระดับนั้นให้ได้เหมือนกัน”

 

“…….”

 

“หลังจากที่ริโนกิสถูกโจมตี ฉันก็เอาชนะเขา ตีด้วยขวด จบในครั้งเดียว

 

“……คุณหนู ดิฉันคิดว่าคุณควรจะขอโทษให้มากกว่านี้สักหน่อยนะคะ”

 

อุ? อะไร?

 

“คุณหนู คุณคิดว่าตัวเองทำผิดไหมคะ?”

 

“ค่ะ”

 

“ดิฉันไม่ยอมรับคำขอโทษแค่นั้นหรอกนะคะ?”

 

“เอ๊ะ? อย่างนั้นเหรอ?”

 

“คุณควรจะขอโทษจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับนะคะ? โฮร่า ไม่มีสักครั้งที่คุณจะแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตัวระหว่างพูดกับภายตรงข้ามเลยนะคะ”

 

“อ่อนน้อม? อ่อนน้อมกับเธอ?”

 

“ทำค่ะ! จะทำใช่ไหม!คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำ!”

 

ไม่สิ พูดขนาดนี้แล้วคงต้องทำแล้วล่ะ แล้วอะไรล่ะ หายไว ๆ นะเหรอ

 

“ถ้ายอมรับในทันที คงรู้สึกไม่น่าพึงพอใจใช่ไหมคะ! แน่นอนว่าในฐานะสาวใช้ นี่เป็นเรื่องอันงดงามที่จะยอมรับความรู้สึกเพื่อเอาชนะอุปสรรค โดยได้รับแรงผลักดันอันแข็งแกร่งระหว่างที่ได้รับใส่ความอ่อนน้อมเข้ามาสอง สามครั้งใช่ไหมคะ!คนรับใช้ก็เป็นแบบนี้แหละใช่ไหมคะ! เป็นตำแหน่งไร้ประโยชน์น่ารังเกียจหากปล่อยให้อารมณ์นำหน้าใช่ไหมคะ! คิดถึงตำแหน่งสิคะ! ไม่กังวลได้งั้นเหรอคะ!”

 

ไม่สิ ฉันไม่รู้

 

“ต้องน่ากลัวมากที่ไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ใช้ดาบด้วยมือเปล่าใช่ไหมคะ! แต่ดิฉันก็ทำใช่ไหมคะ! ดิฉันทำเพื่อคุณหนูใช่ไหมคะ! ดิฉันโดนตัดแขนใช่ไหมคะ! ดิฉันอยากให้คุณขอโทษ ขอโทษอย่างอ่อนน้อม และชมดิฉันใช่ไหมคะ!”

 

ฉันแทบไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดเลย บางที อาจจะเป็นผลจากอาการบาดเจ็บก็ได้

(คนแปลก็เช่นกัน)

 

“โฮร่า! มาตรงนี้สิคะ!”

 

เอ๊ะ

 

“จะนอนด้วยกันใช่ไหมคะ!ดิฉันทำไปขนาดนั้นแล้วแค่นี้ได้ใช่ไหมคะ! ดิฉันทำดีมากขนาดนั้นแล้วแค่นี้ได้ใช่ไหมคะ! นอนข้างดิฉัน! จะนอนด้วยกัน!”

 

…………

 

“แข็งแรงขนาดนี้ สบายดีแล้วสินะ?”

 

“ไม่สบายดีเลยสักนิดค่ะ! ไม่สักนิด! นอนด้วยกัน!”

 

อืม แบบนี้สบายดีเห็น ๆ ไม่สิ ความไม่น่าไว้วางใจเพิ่มขึ้นกว่าปกติด้วยซ้ำ เหนือสิ่งอื่นใด ดูเหมือนว่าเธอจะมีกำลังใจดีมาก

 

――สำหรับตอนนี้ ริโนกิสดูเหมือนจะไม่เป็นไร ดังนั้นฉันจึงโล่งใจ

 

นอกจากนี้ยังมีความกังวลใจอีกเล็กน้อยนอกเหนือจากความรู้สึกไม่ไว้วางใจเหมือนอย่างเคย

พูดตามตรง ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันที่มารู้สึกโล่งใจให้กับความรู้สึกไม่ไว้วางใจแบบนี้

 

 

 

“ยืนได้ไหม? ไว้ค่อยไปงอแงทีหลังน่ะ”

 

“ไม่ได้งอแงค่ะ!”

 

ทำตัวเหมือนเด็กงอแงอย่างสมบูรณ์

 

“ฉันคิดว่าเธอเลินเล่อไปแล้ว น่าจะสังเกตได้แล้วนะ ว่าที่นี่ไม่ใช่หอพัก”

 

“หอพัก! ……เอ๊ะ”

 

แน่นอนว่าไม่ใช่ แน่นอนว่าแตกต่าง แค่มองไปรอบ ๆ

 

ฉันไม่สามารถอยู่ที่สังเวียนใต้ดินได้ตลอดไป และไม่ใช่ที่ที่ฉันอยากจะอยู่นาน ๆ

ฉันยังดูโดดเด่นขึ้น เพราะการต่อสู้กับนักดาบปีศาจ ดังนั้นฉันจึงรีบออกมาทันทีที่ตกลงกับหมอเถื่อนเสร็จ

 

หลังจาการรักษาสิ้นสุดลง ฉันก็ขอให้แกนดอล์ฟอุ้มริโนกิสซึ่งยังคงหลับอยู่

ตามที่คาดไว้ พวกเราถูกสะกดรอยตามด้วยพวกหางแถวคุณภาพต่ำ――ม๊า ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเราจะถูกพวกหางแถวจับได้

 

แล้วก็กลับมาถึง

ที่นี่คือ「ที่พักหนูเงาสนธยา」และตอนนี้ริโนกิสซึ่งกำลังงอแงก็กำลังนอนอยู่บนเตียงของอันเซล

 

“เอาไว้ค่อยไปพูดต่อทีหลัง นี่ใกล้จะรุ่งสางแล้ว ใกล้ได้เวลาพวกเราต้องกลับไปสถาบันแล้ว”

 

ใกล้จะรุ่งสางแล้ว

หรือก็คือ ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง

 

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและเปลี่ยนสีผมแล้ว ฉันก็งีบหลับและรอให้เธอตื่นอยู่ข้างเธอ ในขณะที่ร่างกายวัยหกขวบของฉันต้องการการนอนหลับอย่างจริงจัง

เด็ก ๆ เติบโตในขณะที่พวกเขานอนหลับ ฉันไม่ต้องการที่จะนอน ถ้าไม่ใช่ฉัน คงจะหลับสนิทไปแทนที่จะเป็นการงีบหลับแล้ว

 

ถ้าริโนกิสไม่ตื่นจริง ๆ ฉันจะเป็นคนเดียวที่จะกลับไปสถาบัน บาร์แห่งนี้มีอันเซลหรือเฟรซาอยู่เสมอ ดังนั้นถึงปล่อยไว้ตามลำพังก็ไม่เป็นไร

 

“……เข้าใจแล้วค่ะ จ๊า ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็กลับกันเถอะค่ะ”

 

หลังจากกลับไปแล้วเธอยังจะต่ออีกไหม

ฉันไม่อยากเห็นสาวใช้ที่อายุมากกว่าตัวเอง ทำตัวงอแงหรือไปอาละวาดอยู่บนเตียง

 

――ม๊า ยังไงก็ได้ ไม่ใช่ว่าดีหรอก แต่ต้องปล่อยไปก่อน

 

พวกเราควรรีบกลับให้เร็ว ๆ

ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะมีคนเห็นมากขึ้นเท่านั้น

 

“ถ้ายืนได้แล้วก็กลับไปด้วยกัน แต่ถ้ายังไม่ได้ ฉันจะกลับไปคนเดียวก่อน เธอก็นอนที่นี่ไปซะ”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”

 

ริโนกิสแสดงให้เห็นด้วยการลุกขึ้นจากเตียง ฉันรู้สึกว่าเท้าของเธอสั่นเล็กน้อย ……ม๊า แม้ว่าเธอจะพักผ่อนเต็มที่แล้ว แต่การได้นอนบนเตียงของตัวเองน่าจะดีกว่า ยังไงนี่ก็คือเตียงของอันเซล

 

ถ้าเกิดว่าเธอเกิดร่างกายแย่ลงระหว่างทาง ฉันจะขอให้แกนดอล์ฟช่วยอุ้มอีกครั้งได้ไหมนะ

 

 

 

เมื่อออกจากห้องพร้อมกับริโนกิสทีตื่นแล้ว ฉันก็มุ่งตรงไปหน้าร้าน――

 

“――แค่นี้พอแล้วเหรอ?”

 

ภายในร้านซึ่งเวลาปิดทำการผ่านไปแล้ว มาสเตอร์มือใหม่ อันเซล พนักงานเฟรซ่า และชายร่างยักษ์ แกนดอล์ฟ ซึ่งนั่งกันที่โต๊ะกำลังจ่อแก้วกันอยู่ เป็นพื้นที่สำหรับผู้ใหญ่

 

“ขอโทษด้วยอันเซล ฉันรบกวนคุณนานเลย”

 

“จริง ๆ เลย ว่าจะดื่มกระชับมิตรก่อนนอนมากกว่านี้อีกสักหน่อย”

 

เป็นแบบนั้น อิจฉา ฉันก็อยากดื่มก่อนนอนเหมือนกัน ร่างกายนี่สามารถนอนหลับได้โดยไม่ต้องดื่ม

 

“――ไหน ๆ แล้วฉันก็อยากจะแนะนำเธอเอาไว้สักหน่อย เธอเป็นสาวใช้ของฉันเอง ฉันขอเก็บชื่อของเธอรวมทั้งตัวฉันไว้ก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ฉันคิดว่าจะส่งเธอมาที่นี่แทนฉันหรือมาส่งข้อความแทน ช่วยจำไว้ด้วยน่ะ”

 

“――ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านค่ะ ดิฉันเป็นสาวใช้ของคุณหนู ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

“…….โอ้ เข้าใจแล้ว”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ริโนกิสเน้นย้ำ「ยินดีที่ได้รู้จึก」ถึงสองรอบ และดูเหมือนอันเซลจะอยากพูดอะไรสักอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็มีแค่นั้น

 

“กลับกันเร็ว ๆ เถอะ”

 

แกนดอล์ฟซึ่งเปลี่ยนกลับเป็นเสื้อผ้าตามปกติแล้ว ตอบว่า 「ขอรับ」และดื่มของเหลวสีเหลืองอำพันที่เขย่าอยู่ในแก้วของเขาในคราวเดียว จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนด้วยก้าวที่มั่นคง

 

เขาไม่ได้สัมผัสไวน์ที่สังเวียนใต้ดิน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ดื่ม

 

“รักษาตัวด้วย อันเซล ราตรีสวาดิ์ เฟรซ่า”

 

“โอ้ว”

 

“เจอกัน”

 

ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากคุยเรื่องสังเวียนใต้ดินในคืนนี้ แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญของฉันคือเวลา

 

หลังจากบอกลาทั้งสองคนที่บาร์ที่ช่วยดูแลแล้ว พวกเราก็วิ่งกลับไปที่สถาบัน