ตอนที่ 333 – โม่เหยาชิง

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 333 – โม่เหยาชิง

อวิ๋นจงอยู่ทิศใต้ของเทียนจี๋ ข้ามเขาคุนอู๋ ทะลุป่าทิศใต้ ข้ามทะเลใต้ นั่นคืออวิ๋นจง

เนื่องจากป่าทิศใต้อสูรมารมากมาย ทะเลใต้ยิ่งถูกภูเขามารตัดขาด ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนเทียนจี๋น้อยคนจะรู้สถานการณ์ของอวิ๋นจง แม้แต่ผู้รอบรู้กว้างขวางก็เพียงรู้ว่าทิศใต้ของทะเลยังมีแผ่นดินหนึ่งผืนเท่านั้น นานวันเข้า เทียนจี๋เพียงเรียกมันว่าซานหนาน* หมายความว่าทิศใต้ของเขาคุนอู๋

อวิ๋นจงและเทียนจี๋ถึงจะเพียงแยกจากกันด้วยทะเลใต้ แต่ตั้งแต่โบราณมา มีเพียงผู้ฝึกตนจำนวนน้อยที่สามารถไปถึงแผ่นดินอีกแห่ง ในทะเลใต้มีอสูรทะเลขั้นสูงไม่รู้เท่าไหร่ กล่าวกันว่าในนั้นพวกขั้นแปดขั้นเก้าก็พบเห็นไม่น้อย อสูรทะเลขั้นห้าขึ้นไปมักจะสามารถบินได้ หากขั้นแปดขั้นเก้าจะเทียบได้กับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้นขั้นกลางของเหล่ามนุษย์ ขอเพียงถูกอสูรทะเลขั้นสูงเหล่านี้พัวพันแล้วยังอยู่ในทะเล แม้แต่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่มีฝีมือเลิศล้ำก็ยากจะสลัดหลุด ยิ่งบวกกับความเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์สวรรค์, วายุทิพย์, คลื่นยักษ์ล้วนเป็นเรื่องทั่วไปในทะเลใต้ยิ่งเพิ่มตัวแปรในการข้ามทะเลใต้ไม่น้อย

ตามที่โม่เหยาชิงพูด อวิ๋นจงเทียบกับเทียนจี๋แล้วใหญ่กว่าบ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคือเส้นเลือดวิญญาณของมันมากมายยิ่ง กระจายตัวอยู่ตามที่ต่าง ๆ ดังนั้นผู้ฝึกตนก็มากยิ่ง ที่อวิ๋นจง การฝึกเซียนเป็นเรื่องธรรมดาเป็นที่สุด ปุถุชนก็มีความกระตือรือร้นต่อการฝึกเซียนเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่เพียงสามารถฝึกพลังวิญญาณได้น้อยนิด แม้แต่หลอมรวมพลังวิญญาณหนึ่งชั้นก็ยังไปไม่ถึง

จุดนี้แตกต่างจากเทียนจี๋ ที่เทียนจี๋ เนื่องจากคุนอู๋เป็นเส้นเลือดวิญญาณที่ใหญ่ที่สุด ในโลกปุถุชนอย่างมากที่สุดมีเพียงเส้นเลือดวิญญาณเล็ก ๆ อันอ่อนจางจำนวนหนึ่ง ดังนั้นผู้ฝึกเซียนแปดส่วนล้วนกระจุกตัวอยู่ในเขาคุนอู๋ เหล่าปุถุชนในโลกปุถุชนมากมายเพียงเคยได้ยินตำนานเล่าขานของเทพเซียน สำหรับเรื่องการฝึกเซียนไม่ได้ทราบนัก

เนื่องจากความนิยมของการฝึกเซียน ผู้ฝึกตนระดับสูงของอวิ๋นจงมากยิ่ง สำนักเล็ก ๆ สามัญล้วนมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนสองคนนั่งประจำการ ในสำนักใหญ่ถึงขนาดมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สิบกว่าคน

โม่เทียนเกออ่านถึงตรงนี้ก็ประหลาดใจมาก สำนักเทียนเต้าเป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งของเทียนจี๋ แต่ในช่วงเวลาอันรุ่งเรืองที่สุดก็มักจะมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เพียงหกเจ็ดคน ตลอดมาไม่เคยเกินสิบคน ถ้าหากมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สิบกว่าคน สำนักนี้น่าจะมีศิษย์หลายหมื่นคนจึงจะถูก ขนาดระดับนี้สำหรับเทียนจี๋แล้วค่อยข้างเหลือเชื่อทีเดียว

วัตถุในการฝึกเซียนของอวิ๋นจงก็มั่งคั่งเป็นที่สุด เพราะว่าอวิ๋นจงเชื่อมต่อทั้งสี่ทิศแปดทาง ทิศใต้มีทะเลกุยสวี ตะวันออกไปถึงทวีปหยวนโจว ตะวันตกเชื่อมเซียวหยาง นอกจากเทียนจี๋ทิศเหนือซึ่งเพราะว่าน่านน้ำทะเลอันตรายเกินไปไม่อาจย่างกราย มีการไปมาหาสู่กับทวีปใกล้เคียงโดยถ้วนทั่ว

อ่านถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอเปิดโลกครั้งใหญ่ นางมีชีวิตอยู่ที่เทียนจี๋ ยังนึกว่าสถานที่แห่งอื่นก็เหมือนกับเทียนจี๋ ยากจะไปมาหาสู่กับโลกภายนอก แต่ที่แท้ยังมีสถานที่อย่างอวิ๋นจง เชื่อมต่อทั้งสี่ทิศแปดทาง ไปมาโดยอิสระ

สำนักที่โม่เหยาชิงกราบเข้าชื่อสำนักตานเสีย เป็นสำนักฝึกเต๋าเหมือนกัน แม้แต่ที่อวิ๋นจง ในหมู่ผู้ฝึกตนต่าง ๆ นานาผู้ฝึกเต๋าก็มีมากที่สุด พวกเขากับผู้ฝึกขงจื้อ, ผู้ฝึกพุทธเรียกรวมกันว่าสายธรรมะ

สำนักตานเสียที่อวิ๋นจงก็นับว่าเป็นสำนักค่อนข้างใหญ่ ช่วงเวลาที่โม่เหยาชิงอยู่มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งสิ้นเก้าคน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแปดสิบกว่าคน ศิษย์ในสังกัดนับหมื่น

อธิบายสถานการณ์ทั่วไปของอวิ๋นจงเสร็จแล้ว โม่เหยาชิงเริ่มบรรยายเรื่องที่ตนเองเคยประสบพบเจอทีละเรื่อง

โม่เทียนเกออ่านพลางถอดทอนใจกลาง สำหรับผู้ฝึกตนสตรี ความงามอันน่าทึ่งเกินไปไม่ใช่เรื่องดีจริง ๆ

รากวิญญาณของโม่เหยาชิงไม่ได้แย่ ยิ่งบวกกับร่างอินบริสุทธิ์ เริ่มแรกเข้าสังกัดผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อาจารย์เต๋าชีเสีย – ที่อวิ๋นจง ฉายานามตั้งตามใจชอบถึงสิบส่วน ไม่เหมือนสำนักเต๋าของเทียนจี๋ที่มีกฏเกณฑ์ ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเรียกอาจารย์เต๋า ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เรียกประมุขเต๋า

อาจารย์เต๋าชีเสียก็เป็นผู้ฝึกตนสตรี หลังจากรับโม่เหยาชิงเข้าสังกัดก็ให้ความสำคัญกับนางถึงสิบส่วน ดังนั้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งร้อยกว่าปีแรก โม่เหยาชิงเป็นบุตรผยองแห่งสวรรค์มาโดยตลอด นางคุณสมบัติเยี่ยม สถานะสูงส่ง หน้าตางดงาม อย่าว่าแต่ในสำนักตานเสีย ทั่วทั้งสายธรรมะล้วนมีชื่อเสียงเล็กน้อย ถึงขนาดมีคนมอบฉายานามว่าเซียนเหยาไถ**

แต่โม่เหยาชิงกลับดูแคลนชื่อเสียงพวกนี้ ภายใต้นามเลื่องลือของเซียนเหยาไถ ไม่มีคนเห็นถึงความสามารถและความชาญฉลาดอันเลิศล้ำของนาง นางเชี่ยวชาญทักษะเวทได้เร็วยิ่ง มีความเข้าในอันพิเศษเฉพาะต่อเต๋า มักจะสามารถปรับปรุงทักษะเวทให้ทรงพลังยิ่งขึ้นได้ แม้กระทั่งการหลอมโอสถหลอมอุปกรณ์ม่านพลังเครื่องรางล้วนมีพรสวรรค์ไม่เลว

แต่สิ่งที่คนอื่นเห็นเป็นเพียงความงามอันน่าทึ่งของเซียนเหยาไถ รวมทั้งนับว่ามีคุณสมบัติที่ไม่เลว มีผู้ฝึกตนอายุเยาว์มากมายสยบลงใต้ชายกระโปรงของนาง ในนั้นไม่ขาดผู้ฝึกตนระดับสูงที่อยากจะแต่งนางเป็นภรรยา กลายเป็นคู่ฝึกตนร่วมสัมพันธ์ แต่พวกนี้สำหรับโม่เหยาชิงแล้วเป็นเพียงความวุ่นวายที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

เพราะว่านางงดงามแต่กำเนิด ดูอ่อนโยนมีเมตตา มีผู้ฝึกตนมากมายที่คิดเข้าข้างตัวเอง นางพูดด้วยสักประโยคหรือว่าเห็นนางยิ้มสักครั้งก็รู้สึกว่านางมีใจให้ตนเอง เข้ามาพัวพัน หากนางพูดตามจริงอย่างไม่ถนอมน้ำใจ ผู้ฝึกตนบุรุษเหล่านั้นก็จะรู้สึกว่านางล่อลวงตนเองก่อนแล้วภายหลังกลับเปลี่ยนสีหน้าไม่ยอมรับผู้คน เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชื่อเสียงของเซียนเหยาไถยิ่งมายิ่งเลวร้าย มีคนพูดเสมอว่านางเล่นกับความรู้สึก ประพฤติตนเหลวแหลก

ผ่านไปนานวันเข้า โม่เหยาชิงรำคาญจนทนไม่ได้ รู้สึกขยะแขยงผู้ฝึกตนบุรุษยิ่งขึ้นไปอีก จิตใจทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่การฝึกตน ปิดถ้ำพำนักไม่ออกมา ข่าวลือจึงได้ค่อย ๆ หายไป

อ่านถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอหงุดหงิดแทนนางมาก นางเคยเห็นร่างของโม่เหยาชิง ท่วงท่างามสง่า ใบหน้าเคร่งขรึม แต่กลับยังคงทำให้คนสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันไร้ขอบเขต รู้ได้ว่าการบันทึกของโม่เหยาชิงน่าจะไม่ได้เกินจริง ถึงแม้ว่านางไร้เจตนาอย่างเห็นได้ชัด คนอื่นก็รู้สึกตลอดว่านางตั้งใจล่อลวง รูปลักษณ์ของท่านเซียน, เสน่ห์ของนางปีศาจ ผู้ฝึกตนบุรุษเหล่านั้นไม่บ้าคลั่งเพราะนางจึงจะประหลาด

อันที่จริงแล้วในใจโม่เหยาชิงค่อนข้างทะนงตน นางคุณสมบัติไม่เลว ความสามารถสติปัญญาน่าทึ่ง ความเข้าใจต่อทักษะเวทมีเอกลักษณ์ ผู้ฝึกตนระดับเดียวกันมักจะสู้ไม่ได้ แต่ว่าผู้ฝึกตนที่สู้นางไม่ได้พวกนั้นยังพูดเสมอว่านางเล่นกับความรู้สึกจิตใจโลเล นี่ยิ่งทำให้โม่เหยาชิงสะอิดสะเอียดในใจ ในใจของนาง ผู้ฝึกตนพวกนี้โง่เหมือนสุกร แล้วยังชอบซุบซิบนินทา ไม่มีค่าให้นางมองเพิ่มขึ้นสักแวบเลยจริง ๆ

โม่เทียนเกอเห็นความดูแคลนเล็ดรอดออกมาในระหว่างบรรทัดของนาง คิดในใจว่า มิน่าเล่าโม่เหยาชิงชั่วชีวิตไม่มีบุรุษที่ชอบพอ แม้แต่จงมู่หลิงที่นางแต่งเป็นสามีภรรยาก็เป็นเพียงมีความรู้สึกดี ๆ ให้อยู่บ้าง จิตใจหวาดระแวงต่อบุรุษของนางหยั่งรากลึกจริง ๆ

อายุหนึ่งร้อยกว่าปี โม่เหยาชิงก่อเกิดตานทองคำ เดิมทีนึกว่าข่าวลือพวกนั้นน่าจะออกห่างจากนางแล้ว ถึงอย่างไรหลังจากก่อเกิดตานก็จะเป็นผู้ฝึกตนระดับสูง คนว่างงานใครที่ไหนจะกล้าวิจารณ์ผู้ฝึกตนระดับสูงกันเล่า ใครจะรู้ว่ามหันตภัยของนางกลับมาเยือนในเวลานี้

เรื่องร่างอินบริสุทธิ์ สำนักอาจารย์ย่อมจะไม่พูดออกไป นอกจากซือป๋อจิตวิญญาณใหม่หลายท่านกับศิษย์ที่ชักนำนางเข้าสำนักก็ไม่มีคนรู้แล้ว โม่เหยาชิงมีจิตใจรังเกียจผู้ฝึกตนบุรุษ ไม่เคยคิดเรื่องการฝึกตนร่วมสัมพันธ์เลย เรื่องของร่างอินบริสุทธิ์โยนไปในส่วนลึกของสมองแต่แรกแล้ว

เป็นเวลานี้เอง หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักอาจารย์กลับเสนอต่อนาง ให้นางกับผู้เยาว์ร่วมสายเลือดของตนเองฝึกตนร่วมสัมพันธ์

ผู้เยาว์ร่วมสายเลือดของผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ในด้านคุณสมบัติก็ไม่เลว แต่ในใจโม่เหยาชิงเป็นคนที่ทะนงตน แล้วยังรังเกียจผู้ฝึกตนบุรุษถึงสิบส่วน ไหนเลยจะตกลงยินยอม? เห็นนางไม่เชื่อฟัง ผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นี้เริ่มแรกไม่ได้บังคับหักหาญทว่าให้ซือฟุของนางเกลี้ยกล่อมนาง

โม่เหยาชิงบันทึกเอาไว้ดังนี้ “ต่อข้า ซือฟุมีเมตตาจริง ๆ ข้าก็เข้าใจความลำบากของนาง แต่ให้ข้ากับคนเขาฝึกตนร่วมสัมพันธ์เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด บุรุษบนโลกนี้กว่าครึ่งมีจิตราคะ แต่ไม่กล้ายอมรับ เพียงผลักความผิดมาไว้บนตัวสตรี น่าเสียดายที่ข้าจนกระทั่งบัดนี้จึงได้เข้าใจว่าร่างแห่งอินบริสุทธิ์หมายความว่าอะไร”

เมื่อไม่อาจเกลี้ยกล่อมนาง ผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นี้ค่อย ๆ หมดความอดทน โม่เหยาชิงมองจุดนี้ออก แกล้งทำเป็นไม่ยินยอม สร้างข้อเรียกร้องมากมายต่อผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นี้ เมื่อเห็นนางเต็มใจจะยอมแพ้ ผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นี้ลิงโลดนัก อนุญาตไปเสียหมด จากนั้นโม่เหยาชิงฉวยโอกาสที่พวกเขาหละหลวมชั่วคราว หนีออกจากสำนักตานเสีย

สำนักตานเสียจะพูดอย่างไรก็เป็นสำนักใหญ่ฝ่ายธรรมะ โม่เหยาชิงก็เพิ่งจะก่อเกิดตานไม่นาน ไหนเลยจะหลบหนีการตามล่าของสำนักตานเสียพ้น? โม่เหยาชิงตัดใจอย่างโหดเหี้ยม ถึงกับฝืนทำลายระดับการฝึกตนของตนเอง เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ กลมกลืนอยู่ในโลกปุถุชน

ที่อวิ๋นจง แม้แต่ปุถุชนก็ชมชอบฝึกเซียน ดังนั้นคนที่มีพลังวิญญาณอ่อนจางนิดหน่อยอย่างนางมีมากมายเป็นที่สุด ซ่อนตัวอยู่ที่โลกปุถุชนเช่นนี้หนีการตามล่าได้ง่ายดาย

อุบายแกล้งตายจากนั้นฟื้นขึ้นมาใหม่ของโม่เหยาชิงสัมฤทธิ์ผล นางหลบพ้นการตามล่าของสำนักตานเสีย ออกจากเขตอิทธิพลของสำนักตานเสียได้สำเร็จ จากนั้น นางเสาะหาสถานที่เล็ก ๆ ซ่อนตัวและฝึกตนขึ้นมาใหม่

อ่านถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอตกตะลึงพรึงเพริด ระดับการฝึกตนสามารถทำลายได้นั้นไม่ผิด แต่นั่นต้องการพลังใจถึงเพียงใด นี่แทบจะเป็นการทำลายตานเถียนชีพจรปราณไปจนหมดสิ้น หากเป็นคนที่พลังใจไม่เพียงพอ เกรงว่าจะเจ็บปวดจนตายแล้ว! อย่าว่าแต่โม่เหยาชิงเป็นการทำลายด้วยตนเองอีกด้วย บนโลกนี้มีคนกี่คนที่ยินยอมทำลายระดับการฝึกตนที่ตนเองลำบากลำบนฝึกขึ้นมา อยากจะฝึกขึ้นมาใหม่อาจจะยากกว่าเดิมเป็นสองเท่าหรือแม้กระทั่งสิบเท่า! แต่ในแผ่นหยกของโม่เหยาชิงเพียงเอ่ยถึงประสบการณ์ช่วงนี้อย่างผ่าน ๆ เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอต้องกราบกรานด้วยความชื่นชมต่อบรรพบุรุษผู้นี้ เดิมทีนางนึกว่าในหมู่ผู้ฝึกตนสตรีตนเองนับว่าทำได้ไม่เลวแล้ว แต่เทียบกับโม่เหยาชิง นางยังรู้เห็นไม่พอ

ถึงจะไม่มีระดับการฝึกตน แต่ทรัพย์สมบัติของโม่เหยาชิงยังอยู่ นางอยู่ที่สำนักตานเสียเป็นศิษย์ในสังกัดผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ เดิมมีของคารวะมากมาย อีกทั้งก่อนที่จะหนีออกมายังขอสมบัติมากมายจากผู้อาวุโสไท่ซ่างผู้นั้น ของพวกนี้ล้วนถูกนางนำออกมา

อาศัยสมบัติและศิลาวิญญาณเหล่านี้ โม่เหยาชิงกลายเป็นผู้ฝึกตนอิสระ หลบซ่อนในโลกปุถุชน ฟื้นฟูตานเถียนชีพจรปราณจนหายดีช้า ๆ เริ่มฝึกตนใหม่ สั่งสมทีละเล็กละน้อย สร้างฐานพลัง, ก่อเกิดตานอีกครั้ง……

ถึงแม้สภาวะจิตใจของนางจะมีประสบกาณ์เพียงพอแต่แรกแล้ว แต่ยังเสียเวลาสองร้อยปีจึงฝึกไปถึงก่อเกิดตานใหม่อีกครั้ง

ครั้งนี้ นางฝึกทักษะเก็บงำลมหายใจอย่างระมัดระวังจนถึงขอบเขตที่สูงยิ่งจึงออกเดินทางไปข้างนอก นางไม่กล้าเผยโฉมหน้าแท้จริง ยามปกติจะทาเครื่องสำอางค์เต็มใบหน้า แต่งกายยั่วยวนไร้รสนิยม

นิสัยใจคอของนางเดิมทีแข็งกร้าวถึงสิบส่วน ผ่านประสบการณ์ถูกบังคับฝึกตนร่วมสัมพันธ์ไปยิ่งกลายเป็นมีฝีมือโหดเหี้ยม เมื่อไรก็ตามที่มีคนตอแยมาถึงศีรษะของนางจะเข่นฆ่าไม่ละเว้น หากมีผู้ที่ตาไร้แววเกิดจิตละโมบต่อตัวนางขึ้นมา นางยังจะใช้วิชาลับดูดกลืนระดับการฝึกตนของคนเขา เนิ่นนานไป เนื่องจากนางมักจะใส่อาวุธเวทหนึ่งชิ้นที่ชื่อว่ากระดิ่งข่มวิญญาณ์ จึงถูกเรียกขานว่าสตรีปีศาจกระดิ่งทอง

ด้วยคุณสมบัติและความเฉลียวฉลาดชั้นดี โม่เหยาชิงฝึกตนถึงก่อเกิดตานเต็มขั้น เริ่มต้นทะลวงด่านจิตวิญญาณใหม่

แต่ว่า เนื่องจากระดับการฝึกตนเคยถูกทำลาย ตานเถียนชีพจรปราณของนางเทียบกับคนทั่วไปแล้วอ่อนแอกว่า อยากจะทะลวงด่านจิตวิญญาณใหม่ไม่ง่ายเลย และในเวลานี้นางไม่ได้อ่อนเยาว์แล้ว ลากถ่วงต่อไปอีก ความน่าจะเป็นในการผูกจิตวิญญาณจะค่อย ๆ ลดลง

โม่เหยาชิงแค้นสำนักตานเสียถึงกระดูก เคยสาบานว่าต้องล้านแค้นผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้นกับทายาทของเขา ไหนเลยจะยินยอมนั่งละสังขารทั้งอย่างนี้? ในขณะนี้เอง นางได้พบกับจงมู่หลิง แถมยังค้นพบรากวิญญาณต้นกำเนิดของเขา

……………………………….

*ซาน แปลว่าภูเขา หนานแปลว่าทิศใต้

**เหยาไถ เหยาตัวเดียวกับเหยาในโม่เหยาชิง เหยาไถเป็นสถานที่พำนักในตำนานของเหล่าเทพเซียน