ตอนที่ 334 – ก่อเกิดตานขั้นกลาง

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 334 – ก่อเกิดตานขั้นกลาง

โม่เหยาชิงเป็นคนที่ในใจทะนงตน นางไม่เต็มใจจะฝึกตนร่วมสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นเพราะความเคารพในตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าพรหมจรรย์

อายุที่ค่อย ๆ มากขึ้นกับศัตรูที่เพิ่มขึ้นทุกวันล้วนบังคับให้นางต้องตัดสินใจ นางนิสัยเด็ดขาด สิ่งที่ต้องทำก็ทำ ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรนางไม่ได้เห็นความสำคัญของพรหมจรรย์ แล้วจงมู่หลิงยังเป็นคนที่นางมีความรู้สึกดี ๆ ด้วยเป็นอย่างยิ่ง มีอันใดไม่ได้เล่า? ดังนั้นจึงวางแผนใส่จงมู่หลิง ใช้ทักษะดูดกลืนทะลวงเข้าระดับจิตวิญญาณใหม่ในคราเดียว

หลังจากจิตวิญญาณใหม่ โม่เหยาชิงไปหาเรื่องสำนักตานเสีย นางโดดเดี่ยวคนเดียว ย่อมจะไม่สามารถต้านทานสำนักตานเสียทั้งสำนัก จึงสังหารรุ่นหลังของผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้นไปมากมายอย่างลับ ๆ ฝีมือเช่นนี้โหดร้ายจริง ๆ แต่โม่เทียนเกอคิดถึงประสบการณ์แต่ก่อนของนางก็เพียงถอนหายใจคำหนึ่ง

ด้วยคุณสมบัติของโม่เหยาชิงในปีนั้น อายุหนึ่งร้อยกว่าปีก็ก่อเกิดตานแล้ว หากฝึกตนได้อย่างราบรื่น คาดการณ์ว่าสามร้อยปีจะผูกจิตวิญญาณได้ แต่นางกลับใช้เวลามากขึ้นสองร้อยปีกับความลำบากยากเข็นอันยากจะบรรยาย ปีนั้นถ้าไม่ใช่ว่านางชาญฉลาดเพียงพอเกรงว่าคงหนีชะตาชีวิตที่ถูกบังคับไม่พ้น

แน่นอนว่าสำนักตานเสียยังมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลาย ไม่ว่าจะเป็นคนไหนล้วนเป็นผู้ที่โม่เหยาชิงซึ่งเพิ่งจะผูกจิตวิญญาณตอแยไม่ได้ อีกอย่าง นางยังมีศัตรูอื่นมากมาย ดังนั้นโม่เหยาชิงที่ระบายความแค้นไปแล้วหลังจากฆ่าคนก็หลบหนีไปไกลลิบทันที จากนั้นพบเหตุบังเอิญมากมาย มาถึงเทียนจี๋

ตอนที่นางมาถึงเทียนจี๋พอดีเป็นชายฝั่งของทะเลตะวันออก พักเท้าที่เมืองหลินไห่ เรื่องราวหลังจากนั้นโม่เทียนเกอล้วนทราบแล้ว นางก่อตั้งสภาปี้เซวียน พักอาศัยที่หลินไห่ชั่วคราว

เพียงแต่ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ นางค้นพบว่าตนเองตั้งครรภ์!

เวลานี้ห่างจากหนึ่งราตรีที่นางเป็นสามีภรรยากับจงมู่หลิงมาได้ห้าปีแล้ว

ตรามหลักเหตุผล หากตั้งครรภ์ อุ้มท้องสิบเดือนก็จะคลอดเด็กแล้ว แต่โม่เหยาชิงเป็นผู้ฝึกตน มีความเป็นไปได้อันน้อยนิดว่าจะปรากฏทารกซ่อนในครรภ์ สิ่งที่เรียกว่าทารกซ่อนในครรภ์ก็คือทารกยังไม่เติบโตก็ถูกพลังวิญญาณห่อหุ้ม ดังนั้นเนิ่นนานยังไม่ปรากฏสัญญาณของการตั้งครรภ์ หลังจากโม่เหยาชิงเป็นสามีภรรยาชั่วคืนกับจงมู่หลิงก็กักตนผูกจิตวิญญาณ ตอนผูกจิตวิญญาณ พลังวิญญาณสับสน ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์นี้เยอะมาก แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้นั้นเอง จงมู่หลิงจึงไม่ได้รู้เรื่องเลยตั้งแต่ต้นจนจบ จนกระทั่งหลายปีหลังจากนั้นจึงค้นพบว่าโม่เหยาชิงทิ้งเชื้อสายไว้ให้เขาด้วย

โม่เหยาชิงไม่ได้อยากได้เด็กคนนี้ แต่นึกถึงว่าบิดาของเขาจงมู่หลิงเป็นคนดี สุดท้ายนางยังตัดสินใจจะคลอดเด็กคนนี้ออกมา แต่น่าเสียดายที่เด็กคนนี้ถึงจะมีบิดามารดาเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สองคนแต่กลับไม่มีรากวิญญาณ โม่เหยาชิงจนใจ ไปที่โลกปุถุชน ปลอมเป็นปุถุชนหลายสิบปีเพื่อเลี้ยงเด็กคนนี้จนเติบใหญ่ จนกระทั่งเด็กคนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่งงานกำเนิดบุตร โม่เหยาชิงจึงแกล้งแก่ตาย หลุดพ้นกลับสู่หลินไห่

อ่านถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอมีความคิดที่ไม่เหมือนเดิมต่อบรรพบุรุษท่านนี้แล้ว นอกจากนิสัยเด็ดเดี่ยวมั่นคง นางก็เป็นสตรี ยิ่งเป็นมารดา ผู้ฝึกตนมากหลายที่เพิกเฉยต่อเด็กที่ไม่มีรากวิญญาณ แต่นางกลับเต็มใจจะปลอมเป็นปุถุชนหลายสิบปีเพื่อเด็กคนนี้

บันทึกช่วงนี้ โม่เทียนเกอสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าของนางที่เล็ดรอดออกมาจากในตัวหนังสือ เด็กที่นางอุ้มท้องหลายปีแล้วให้กำเนิดออกมา คนที่ผูกพันกันด้วยเลือดเนื้อ แต่กลับไม่มีรากวิญญาณ ได้แต่มองดูเขาแก่ชราแล้วตายไปอย่างอับจนปัญญา ดังนั้นนางเลือกที่จะทิ้งเด็กคนนี้ไว้ที่โลกปุถุชนดีกว่า ตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูก

การให้กำเนิดทายาทสำหรับผู้ฝึกตนแล้วก็โหดร้ายเช่นนี้ล่ะ ถึงแม้บิดามารดาล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเด็กที่ให้กำเนิดออกมาจะครอบครองรากวิญญาณ

นางอดคิดถึงตนเองไม่ได้ หลังจากแต่งเป็นสามีภรรยากับฉินซี พวกเขาสองคนล้วนไม่ได้เอ่ยถึงปัญหาข้อนี้ นางเคยคิดอย่างเลือนราง แต่ไม่ได้คิดให้ลึกซึ้ง เพราะผู้ฝึกตนเทียบกับปุถุชนแล้วนตั้งครรภ์ได้ไม่ง่ายดายยิ่งกว่า จนกระทั่งขณะนี้ นางจึงค้นพบว่าปัญหาข้อนี้โหดร้ายเพียงใด นางกับฉินซีล้วนจิตเต๋ามั่งคงมาทั้งชีวิต เป็นพวกที่ฝึกตนอย่างทรหด ไม่เหมาะสมที่จะมีบุตรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการคงอยู่ของปัญหาประเภทนี้……

สมมติว่าไม่มีรากวิญญาณแล้วจะทำอย่างไร ให้เขารู้จักโลกของการฝึกเซียนแต่ไม่มีโชคชะตาในการฝึกเซียนมันจะโหดร้ายถึงเพียงไหน ได้แต่ทิ้งเขาไว้ที่โลกปุถุชน เช่นนี้กลับรักษาสายสัมพันธ์ครอบครัวได้ยากแล้ว

คิดอยู่พักหนึ่ง โม่เทียนเกอถอนหายใจแล้วโยนปัญหาข้อนี้ไปที่ส่วนลึกของสมอง ในเมื่อไม่เหมาะ เช่นนั้นก็ไม่ต้อง ถึงอย่างไรฉินซีกักตนอยู่ อย่างน้อยที่สุดสิบยี่สิบปีถึงจะออกมา ถึงเวลาค่อยว่ากัน

หลังกลับสู่หลินไห่ โม่เหยาชิงฝึกตนต่อไป ถึงแม้เทียนจี๋จะเล็กกว่าอวิ๋นจง แต่คุนอู๋มีผู้ฝึกเซียนมากขนาดนั้น ระดับความรุ่งเรืองไม่ได้ด้อยกว่าอวิ๋นจง นางอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ เก็บตัวอยู่ที่หลินไห่ ไม่มีการรังควานของศัตรู เลื่อนระดับเป็นจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางอย่างราบรื่น

ระหว่างนั้น นางก็เคยกลับไปที่อวิ๋นจง อาศัยที่ตนเองอาวุธเวทมากมายและแข็งแกร่ง อยากจะแก้แค้น ผลคือกลับค้นพบว่าผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้นที่แต่ก่อนบังคับหักหาญนางกลับนั่งละสังขารแล้ว

ตอนที่รู้ข่าวนี้ โม่เหยาชิงอึ้งงันไปเนิ่นนาน สุดท้ายถอนหายใจคำหนึ่ง ปล่อยวางความแค้น จนกระทั่งตอนนี้นางจึงมองทะลุปรุโปร่ง ความแค้นอะไรสุดท้ายแล้วเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มีอายุขัยพันปี แต่แล้วจะอย่างไรเล่า? พวกเขาจะสิ้นชีพลงในวันหนึ่งเสมอ จะนั่งละสังขาร ถึงเวลานั้นก็เป็นแค่ดินเหลืองกำหนึ่ง

กลับถึงเทียนจี๋ โม่เหยาชิงทุ่มเทจิตใจฝึกตน แต่ว่าไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีกจนต้องหยุดลง ผลตามหลังของการทำลายระดับการฝึกตนร้ายแรงมาก นางข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไม่ได้เลยตั้งแต่ต้นจนจบ เสียเวลาอยู่ที่จิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางอยู่หลายร้อยปี สุดท้ายไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นขั้นปลาย ในที่สุดนั่งละสังขารที่เทียนจี๋

ก่อนนั่งละสังขาร โม่เหยาชิงบันทึกชีวประวัติของตนเอง นึกทบทวนทั้งชีวิตของตนเอง นางดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาทั้งชีวิต จนถึงจุดสิ้นสุด ไร้ความคับข้องใจไร้ความเสียดาย

โม่เทียนเกอวางแผ่นหยกแล้วนิ่งอยู่พักใหญ่ เป่าลมหายใจออกมา เงยหน้าทอดมองท้องฟ้า

ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว กำลังเป็นช่วงที่เมฆอัสดงเต็มนภา ไม่นานให้หลัง ม่านราตรีก็จะตกลงมา แต่แล้วอย่างไรเล่า? ยังมีความงดงามของดาราเต็มนภา ยังมีรุ่งอรุณให้เฝ้าคอย

นางยิ้มออกมา เก็บแผ่นหยกของโม่เหยาชิง นั่งขัดสมาธิ

ถึงนางจะไม่มีความสามารถและปัญญาอันน่าทึ่งของโม่เหยาชิง แต่กลับมีโชคที่นางไม่มี นางได้พบพานซือฟุที่ปฏิบัติต่อนางด้วยใจจริง มีคนรักที่รักใคร่ปรองดอง ถึงนางจะมีสิ่งที่สูญเสียเหมือนกัน แต่ได้รับมากกว่ามาก

พอนั่งสมาธิ สภาวะจิตใจเข้าสู่ขอบเขตสงบไร้ตัวตนอย่างง่ายดายมาก ฟ้าดินคล้ายจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง วิญญาณสันติสุข ต้นกำเนิดในกายเริ่มเคลื่อนไหว ห้าธาตุเชื่อมสัมพันธ์ อินหยางไหลเวียน ก่อเกิดไม่จบสิ้น……

โม่เทียนเกอรู้สึกว่าตนเองเข้าสู่ขอบเขตอันเร้นลับมากอย่างหนึ่ง ขอบเขตนี้นางไม่เคยประสบเลย นางรู้สึกว่าทั้งตัวถลำลึกเข้าไป ค่อย ๆ ไม่มีตัวเอง……

สายลมโบกโชย ปลายจมูกมีกลิ่นหอมของดอกไม้ ข้างหูมีเสียงคลื่นทะเล นางคล้ายกับหลับใหลไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งยังคงเป็นยามวิกาล โม่เทียนเกอไม่รู้ว่าตนเองฝึกตนนานเท่าไหร่ เพียงรู้สึกสติแจ่มใส จิตวิญญาณสมบูรณ์

นางโคจรพลังวิญญาณ สัมผัสได้ว่าในตานเถียนมีความผิดปกติอยู่บ้าง คล้ายกับมีการขยับเขยื้อนนิดหน่อย นางรู้สึกว่าตนเองอยากจะฝึกตนต่อเป็นพิเศษ ให้พลังวิญญาณเหล่านี้โคจร ดูดซึมพลังวิญญาณภายนอก ผ่านชีพจรปราณ ไปถึงตานเถียน ระดับการฝึกตนของนางปัจจุบันนี้คือก่อเกิดตานขั้นต้นเต็มขั้นแล้ว การดูดซับพลังวิญญาณหยุดมาได้สักพักหนึ่งแล้ว การฝึกตนในช่วงเวลานี้ก็แค่นั่งสมาธิปรับลมหายใจเท่านั้น สถานการณ์ในตอนนี้หรือว่าเป็นเพราะร่างกายอยากจะเลื่อนระดับ?

คิดถึงตรงนี้ นางลิงโลดอยู่ในใจ ห่างจากการก่อเกิดตานสำเร็จเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น เดิมทีนางไม่เคยคิดว่าจะสามารถเลื่อนระดับได้เร็วขนาดนี้ นางมีพรสวรรค์ไม่สามัญ โอสถไม่ขาดแคลน พัฒนาการของระดับการฝึกตนเดิมก็เร็วอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างนี้ การฝึกสภาวะจิตใจก็จะช้าหน่อย มักจะต้องหยุดอยู่ในจุดสูงสุดของระดับชั้นสักช่วงเวลาหนึ่งจึงจะสามารถทะลวงด่าน ก็อย่างตอนที่สร้างฐานพลัง นางจงใจกดความเร็วในการฝึกตนตั้งนานจึงทำให้สภาวะจิตใจไล่ทันระดับการฝึกตน แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ถึงกับจะเร็วขนาดนี้ แต่สิบกว่าปีก็สามารถเลื่อนระดับแล้ว!

คิดโดยละเอียด อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับบันทึกชีวประวัติของโม่เหยาชิงรึเปล่า? โม่เหยาชิงบันทึกไว้โดยละเอียดยิ่งนัก เวลาครึ่งวันนั้น นางติดตามโม่เหยาชิงในแผ่นหยกรับรู้ความสุขความเศร้าความทุกข์ความโกรธ แทบจะได้รับประสบการณ์ชีวิตของโม่เหยาชิง ในกระบวนการนี้ นางได้ประสบกับหลายสิ่งหลายอย่าง แล้วก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้เอง สภาวะจิตใจพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจึงเกิดแรงดลใจในการเลื่อนระดับ

ว่ากันตามเหตุผล หากต้องการจะเลื่อนระดับ นางควรจะเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนจึงจะถูก แต่ไม่รู้เพราะอะไร นางอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้มากอย่างกะทันหัน สัมผัสถึงทุกสิ่งที่โม่เหยาชิงเคยสัมผัส

พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น โม่เทียนเกอตั้งม่านพลังรวบรวมพลังวิญญาณอย่างง่าย ๆ รอบกาย นำโอสถออกมาหลายชนิด นั่งขัดสมาธิ กักตนอยู่กับที่

การเลื่อนระดับของขั้นเล็ก ๆ อย่างนี้ตามสบายกว่ามาก ไม่ได้ยากขนาดสร้างฐานพลัง, ก่อเกิดตาน ที่นี่เป็นส่วนลึกของทะเลตะวันออกอันไร้ผู้คนย่างกราย ดังนั้นโม่เทียนเกอเพียงกลืนยาฟ้ากระจ่างและยายกระดับรากฐาน แล้วหลับตาเริ่มต้นดูดซับพลังวิญญาณ

ตะวันขึ้นจันทราเลือนลับ คลื่นสาดซัด ในเสียงคลื่นของมหาสมุทร เวลาผันผ่านไปทีละวัน

โม่เทียนเกอได้ยินเสียงคลื่นขึ้นลง คล้ายกับหวนคืนสู่ช่วงเวลาห้าพันปีก่อนอันไกลโพ้น ในยุคสมัยที่สตรีผู้เย่อหยิ่งเด็ดเดี่ยวนางนั้นมีชีวิตอยู่

ไม่มีอะไรที่คงอยู่ชั่วกาล มีเพียงเวลาเท่านั้น ปุถุชนจะเกิดแก่เจ็บตาย ผู้ฝึกตนจะเลื่อนระดับสิ้นชีพ พร้อมกับที่เวลาผันผ่านไป ไม่ว่าอัจฉริยะที่พรสวรรค์น่าทึ่งขนาดไหน สุดท้ายแล้วล้วนจมลงสู่สายธารกาลเวลา ปล่อยให้หมอกควันวัชพืชปกคลุม สูญสิ้นร่องรอย

นอกจาก ฝึกจนกลายเป็นเซียนแท้ กระโดดออกจากวัฎสงสาร

เช่นนี้จึงสามารถเกาะกุมกาลเวลา เกาะกุมชั่วกัปชั่วกัลป์ กลายเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน ไม่มีทางดับขันธ์

…………………….

สี่เดือนให้หลัง โม่เทียนเกอลืมตาทั้งคู่

นางก้มหน้ามองตนเอง ทุกสิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความเต็มเปี่ยมของพลังวิญญาณที่ปกคลุมร่างกลับเหนือล้ำกว่าก่อนกักตนมากมาย

ผ่านไปสี่เดือน นางเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานขั้นกลางได้อย่างราบรื่น

คิดถึงตรงนี้ นางยิ้มบาง ๆ ถึงนางจะก่อเกิดตานไม่เร็วเท่าฉินซี แต่การเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานขั้นกลางกลับเร็วกว่าเขา นางจำได้ว่าฉินซีเคยบอกว่าเขาเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานขั้นกลางไม่นานก็ไปภูเขามาร และในเวลานั้น เขามีอายุหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว

การเปรียบเทียบกับฉินซีไม่ใช่ว่านางอยากจะแข่งขันอะไรเลย ทว่าระดับการฝึกตนของทั้งสองคนในปัจจุบันนี้ห่างกันเกินไป นางจำเป็นต้องไล่ตามเขาให้เร็วหน่อย เช่นนี้แล้วทั้งสองคนจึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

พอคิดถึงฉินซี ความคิดของโม่เทียนเกอก็ล่องลอยไปไกล นางจากโรงเรียนเสวียนชิงมาก็ครึ่งปีแล้ว แยกจากกันครึ่งปี คิดถึงอยู่บ้างจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาในตอนนี้มีสถานการณ์เป็นอย่างไร สมมติทราบว่านางเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานขั้นกลางจะต้องดีใจมากเป็นแน่กระมัง?

“หรือว่า ควรจะกลับไปแล้ว……” นางพึมพำกับตัวเอง ถึงแม้กลับไปแล้วฉินซียังคงกักตน แต่ยังสามารถพบหน้าเป็นครั้งคราว

นางคิดสักพักแล้วสั่นศีรษะ อย่างนี้ไม่ได้หรอก ในชีวิตเป็นพันปีของผู้ฝึกตนต้องประสบกับการกักตนมากสักเท่าไร ผ่านไปแค่ครึ่งปี หากเอาแต่คิดถึงตลอดเวลาจะสามารถระงับจิตใจกักตนได้อย่างไร เขาสามารถทำได้ นางก็ควรจะทำได้ถึงจะถูก

แต่ถัดไปจะทำอะไรดีเล่า ถ้ำพำนักของโม่เหยาชิงหาพบแล้ว เป้าหมายสำเร็จแล้ว หากเป็นไปตามความคิดดั้งเดิม ควรจะทำความเข้าใจประสบการณ์ฝึกตนที่โม่เหยาชิงทิ้งเอาไว้ให้ดี ๆ จึงจะถูก

ถูกแล้ว ที่นี่เป็นทะเลตะวันออก บางทีนางอาจจะสามารถอยู่ที่นี่ทำความเข้าใจพลางล่าอสูรทะเลพลาง? หาแกนปีศาจที่คุนอู๋ไม่มีสักหน่อย ไม่แน่นว่าจะมีประโยชน์ในเวลาใด อีกอย่างยังสามารถฝึกฝนความสามารถให้การต่อสู้ของตัวเองด้วย

คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอปรบมือ เช่นนั้นก็เอาตามนี้ล่ะ

………………………………………

เนื่องจากก่อนหน้านี้แปลหนานไห่เป็นทะเลใต้ ดังนั้นต่อจากนี้จะแปลตงไห่เป็นทะเลตะวันออกด้วยค่ะ