ตอนที่ 52 ลงมาได้แล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 52 ลงมาได้แล้ว

อวี้ชิงลั่วร่างแข็งทื่อไปทั้งตัว คิ้วกระตุกเบา ๆ แต่มิอาจมองเห็นได้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยิ้มแห้ง ๆ กล่าวว่า “อ๋อ ที่แท้ภรรยาของเขาก็ตายไปแล้วงั้นหรือ?”

“ยังแกล้งโง่” เย่ซิวตู๋บีบเอวของนางแรง ๆ น้ำเสียงยิ่งทุ้มห้าว “ในเมื่ออวี๋จั้วหลินเป็นศัตรูของเจ้า เจ้าจะไม่รู้เรื่องน่ารำคาญเหล่านั้นของเขาหรือ?”

อวี้ชิงลั่วช้อนสายตามองฟ้า ฟังเสียงวุ่นวายที่ค่อย ๆ หายไปภายในลานบ้านต่อไป ทว่าภายในใจกลับอุทานออกมา เหตุใดเย่ซิวตู๋ผู้นี้ถึงรู้จักอวี๋จั้วหลิน? เหตุใดถึงรู้ว่าภรรยาของอวี๋จั้วหลินตายไปแล้ว? เหตุใดถึงรู้ว่าภรรยาของอวี๋จั้วหลินมีแซ่อวี้?

  

เขาอยู่ในสถานที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้แต่ยังรู้จักดีขนาดนั้น…ไม่ถูกสิ เมื่อหกปีก่อนดูเหมือนว่าหมอนี่ก็อยู่ที่เมืองหลวงเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นบนตัวของนางก็คงไม่มีหยกแขวนของเขา

ไร้ปัญญา ไร้ปัญญาเกินไปแล้ว นางไม่น่าให้เขาเห็นอวี๋จั้วหลินเลย ตอนนี้กลับกลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเองเสียแล้ว

“ข้าได้ยินมาว่า ภรรยาของอวี๋จั้วหลินประพฤติตัวไม่ดี แอบไปคบชู้เพราะไม่อยากทนกับความเหงา ทั้งยังตั้งท้องด้วย” เสียงของเย่ซิวตู๋กระซิบข้างหูนาง “ตระกูลอวี๋เดิมทีคิดจะจับนางขังถ่วงน้ำเพื่อฟังความจริง คิดไม่ถึงเลยว่านางจะใจดำอำมหิตเผาห้องเก็บฝืนทั้งยังทำร้ายร่างกายฮูหยินใหญ่ของตระกูลอวี๋ โชคดีที่อนุภรรยาของอวี๋จั้วหลินทำงานอย่างหนักดูแลปรนนิบัติทั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ทุกวัน อาการของฮูหยินใหญ่จึงค่อย ๆ ดีขึ้น เพียงแต่สวรรค์มีตา หลังจากตระกูลอวี้หนีไปได้ไม่กี่เดือน ท้ายที่สุดก็ทนกับความเหนื่อยยากไม่ไหว และถูกคนที่นางเล่นชู้ทอดทิ้งไป ผลลัพธ์ที่ได้จึงตายอยู่ในวัดทรุดโทรมที่ชานเมือง”

ตอนที่เขาพูดถึง ‘เล่นชู้’ สองคำนี้ ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย การแสดงออกทางสีหน้าก็ดูมืดหม่นลงเป็นพิเศษ

อวี้ชิงลั่วรีบหันกลับมามองเขา ยิ้มอย่างเย็นชา “คำพูดพวกนี้ท่านคิดว่าเชื่อได้หรือ?”

“เดิมทีมันก็เป็นแค่คำพูดไร้สาระ แต่หลังจากได้เห็นเจ้าตอนนี้ ข้ากลับเชื่อไปหลายส่วนแล้ว”

  

“ท่าน…” นางดูเหมือนคนใจดำอำมหิตและทนกับความเหงาไม่ได้ตรงไหนกัน? อวี๋จั้วหลินผู้ชั่วร้ายคนนั้นเป็นเพราะต้องการแทนชื่อหลี่หรานหร่านให้กลายเป็นภรรยาที่ถูกต้อง จึงไม่นึกเสียดายที่จะทำลายชื่อเสียงของนาง แม้ว่านางจะตายไปแล้วก็ยังทำลายชื่อเสียงของนางจนป่นปี้

 

บุรุษผู้มีจิตใจชั่วร้ายแบบนี้ ตอนนี้กลับยังใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี แบบนั้นควรเรียกว่าสวรรค์ไร้ตาถึงจะถูก

 

“บุรุษคนนั้นที่เล่นชู้กับเจ้า ทอดทิ้งเจ้าไปจริง ๆ หรือ?” เขาสนใจเรื่องนี้มากกว่า

อวี้ชิงลั่วคิดอยากจะยื่นขาแล้วเตะเขาลงไป “ท่านนั่นแหละที่เล่นชู้กับบุรุษ ทั้งตระกูลของท่านนั่นแหละที่เล่นชู้กับบุรุษ ข้าดูเหมือนสตรีมีความต้องการไม่รู้จักพอราวกับคนกระหายงั้นหรือ?”

“หากไม่ใช่ เช่นนั้นพ่อของหนานหนานคือใคร?”

  

“ใครกำหนดว่าหนานหนานเกิดขึ้นจากข้าและการเล่นชู้กับคนอื่น? ข้าไม่ได้ถูก…” บอกไม่ได้ บอกไม่ได้เด็ดขาด นางพูดไปมากพอแล้ว หากพูดมากไปกว่านี้ บุรุษผู้นี้ฉลาดขนาดนั้น มิอาจรับประกันได้ว่าเรื่องทั้งหมดจะถูกอีกฝ่ายผูกรวมเข้าด้วยกัน บอกไม่ได้

“ถูก?” เย่ซิวตู๋หน้าเปลี่ยนสีทันใด เขารีบจับมือนางและเอ่ยถาม “เจ้าถูกรังแกหรือ? บุรุษผู้นั้นเป็นใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

บุรุษผู้นั้นก็คือท่านนั่นแหละ อยู่ข้าง ๆ ข้าในตอนนี้นี่อย่างไรเล่า

 

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ก้มหน้าและกะพริบตาปริบ ๆ อย่างรวดเร็ว นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เพื่อให้ความขุ่นเคืองของนางน้อยลง ท่าทางดูเปราะบางไร้ซึ่งความมั่นคง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ขบฟันกล่าวว่า “ใช่ เมื่อหกปีก่อนข้าตั้งครรภ์หนานหนานจริง ๆ แต่ข้าไม่ได้เล่นชู้กับใคร อวี๋จั้วหลินแสร้งทำตัวเป็นผู้มีคุณธรรม แท้จริงแล้วเขาคือสัตว์เดรัจฉานที่สัตว์ร้ายก็ยังสู้ไม่ได้”

 

มือของเย่ซิวตู๋กระชับแน่นขึ้น อวี้ชิงลั่วถูกเขาบีบจนรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น นางขบฟันและพูดต่อไปว่า “เขาโทษว่าข้ายึดตำแหน่งภรรยาไม่ยอมปล่อย คิดหาวิธีเพื่อวางแผนทำร้ายข้า แผนแรกไม่สำเร็จก็คิดหาแผนต่อไป ท้ายที่สุดจึงซื้อตัวขอทานเพื่อมาทำลายความบริสุทธ์ของข้า ซ้ำร้ายยังโทษว่าข้าเล่นชู้กับคนอื่นอีก”

  

เรื่องเหล่านี้ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีคำพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว อย่างน้อย ๆ ก่อนที่จะเห็นหยกแขวนของเย่ซิวตู๋ นางก็คิดว่าพ่อของหนานหนานคือขอทานมาโดยตลอด…

“ขอทานคนนั้นเล่า?” …คิดไม่ถึงเลยว่า…จะเป็นแผนของอวี๋จั้วหลิน

“ตายแล้ว ถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว” ไม่ว่าอย่างไร นางไม่อาจปล่อยให้เขาเชื่อมโยงสถานะพ่อลูกระหว่างเขาและหนานหนานได้ มิเช่นนั้นนางจบเห่แน่

เย่ซิวตู๋หลับตาลงเบา ๆ กลางอกของเขามีเปลวไฟลูกหนึ่งกำลังเผาไหม้ เผาไหม้เหตุผลของเขาให้มอดไหม้เล็กน้อย

ตอนนี้เขาแอบรู้สึกเสียดายเสียแล้ว ที่ปล่อยให้อวี๋จั้วหลินกลับไปเช่นนี้

บุรุษแบบนั้น ตายไปก็ไม่เสียดาย

อวี้ชิงลั่วแอบมองสีหน้าของเขา เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาบนใบหน้าเขา จึงเดาได้ว่าเขาคงเชื่อแล้ว เพียงแต่ปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ? หรือว่าคำพูดของนางจะเล่นใหญ่เกินไป? แต่ความจริงเป็นแบบนี้ คงไม่มากเกินไปหรอก

“ในเมื่อเจ้าเกลียดอวี๋จั้วหลินขนาดนี้ เหตุใดถึงไม่ไปแก้แค้นเขา?” เย่ซิวตู๋แอบสูดหายใจลึก เพื่อข่มความหมองหม่นกลางอกอย่างหนัก ก่อนจะหันหน้ามาถามนาง

แก้แค้น? นางย่อมคิดอยู่แล้ว

“ตอนที่หนานหนานเพิ่งคลอดออกมา อันที่จริงร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนัก” ตอนนั้นตอนที่นางคลอดหนานหนานออกมาขณะอยู่ที่วัดทรุดโทรม อวี๋จั้วหลินก็ได้รับข่าว จึงส่งนักฆ่ามาไล่ฆ่าพวกนาง สิ่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมต้องตายเพราะภาวะครรภ์คลอดยาก

หากไม่ใช่เพราะนางเข้ามาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างเดิม เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่หนานหนานจะรอดชีวิต แต่เจ้าของร่างเดิมได้เสียชีวิตลงระหว่างที่ตั้งครรภ์ไปครึ่งหนึ่ง ตอนที่นางมาถึงจึงต้องเบ่งคลอดต่อ แต่ตอนนั้นหนานหนานอยู่ในครรภ์นานเกินไป หลังจากคลอดออกมาจึงเกิดอาการช็อกจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

  

ตอนนั้นนักฆ่าที่อวี๋จั้วหลินจ้างวานมายังอยู่ พวกนางจึงทำได้เพียงแค่หนีไปพลางช่วยเหลือตัวเองไปพลาง ทั้งยังต้องจุดไฟเผาวัดทรุดโทรมเพื่อสร้างสถานการณ์ว่านางได้ตายไปแล้ว โชคดีที่ข้างกายของนางยังมีเก๋อมามาอยู่ด้วยตลอด และนางก็เป็นหมอ ร่างกายของนางสามารถฟื้นตัวได้อย่างดี ส่วนชีวิตของหนานหนานก็รักษาไว้ได้

“หลายปีมานี้ ข้าคอยดูแลร่างกายของหนานหนานมาโดยตลอด โชคดีที่เขาเองก็นับว่าสู้ชีวิต ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้ว ไม่ต้องให้ข้าเป็นกังวล ด้วยเหตุผลเช่นนี้ ข้าจึงไม่มีโอกาสได้ไปคิดบัญชีกับอวี๋จั้วหลิน ครั้งนี้ก็ถือว่าประจวบเหมาะ เขาส่งตัวเองมาหาถึงที่ ข้าจะพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน?”

 

เย่ซิวตู๋เม้มปากไม่ได้พูดอะไร เขาพอจะจินตนาการออกว่าการใช้ชีวิตของสตรีคนหนึ่งต้องดูแลลูกที่ป่วยยากลำบากมากเพียงใด เขาเองก็แอบไม่อยากจะเชื่อ ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ นางยังฝ่าฝันผ่านมาได้ กลายเป็นหมอปีศาจที่ไม่มีใครรู้จัก รู้จักสหายอย่างจินหลิวหลีที่ยอมเสี่ยงอันตรายและยอมเสียสละเพื่อสหายของตนเอง

บนตัวของนางดูเหมือนจะมีเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์อยู่ ทำให้แม้อยากจะเพิกเฉยก็มิอาจเพิกเฉยได้

 

ประเด็นเช่นนี้ค่อนข้างหนักหน่วง โดยเฉพาะเขาที่ยังคงเงียบต่อไป อวี้ชิงลั่วแอบไม่เป็นตัวของตัวเอง นางบิดตัวเพื่อให้หลุดออกจากมือของเขาที่จับมือของนางอยู่ตลอดเวลา

  

เดิมทีเรื่องเหล่านี้ นางอยากเก็บไว้ในใจไม่อยากบอกใครมาโดยตลอด วันนี้เมื่อถูกเขาต้อนถามซ้ำ ๆ ก็ถูกระบายออกมาจากสมอง นี่ไม่ใช่นิสัยของนางเลย

“ข้าว่านะ พวกเจ้าสองคนอยู่ข้างบนนานมากพอแล้ว ควรลงมาด้านล่างได้แล้วกระมัง?” จู่ ๆ เสียงของจินหลิวหลีก็ดังขึ้น ราวกับประทัดที่แทรกความเงียบสงัดระหว่างพวกเขาทั้งสองโดยพลัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จริงๆ แล้วก็นึกเสียดายและไม่อยากปล่อยมือจากชิงลั่วเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะนายท่านเย่ ทำเป็นเข้ม

ไหหม่า(海馬)