วันนี้บ้านคหบดีตระกูลลู่เมืองฝานลั่วมีข่าวแพร่ออกมาว่า คุณหนูลู่หว่านเอ๋อร์ บุตรสาวเพียงคนเดียวเมื่อคืนกลายเป็นหญิงหัวล้าน ตกใจจนเสียสติไปแล้ว แม้พ่อบ้านตระกูลลู่จะกำชับอย่างแข็งขันว่าห้ามแพร่ข่าวออกไป แต่กระดาษย่อมไม่อาจห่อไฟ ข่าวกระจายไปทั่วถนนตามตรอกซอกซอยอย่างรวดเร็ว
แม่ลูกตระกูลหยางเมืองเฟิ่งไถที่กำลังหารือการแต่งงานกับตระกูลลู่อยู่ก็รีบไปจากเมืองฝานลั่ว กลับเมืองเฟิ่งไถที่ห่างไกลพันลี้ทันที งานแต่งนี้สองฝ่ายไม่ต้องกล่าวกันกระจ่างก็ย่อมรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
ผ่านไปไม่กี่วัน ลู่หว่านเอ๋อร์ก็ถูกตระกูลลู่ส่งไปยังโรงบ้านตู้เจี้ยซาน นอกเมืองฮ่วนซาที่ห่างออกไปร้อยลี้ จากนี้ไปจะไม่เหยียบมาเมืองฝานฮัวที่ข่าวพวกนี้ลือไปทั่วแม้แต่ก้าวเดียว
ซูสุ่ยเลี่ยนได้ฟังข่าวน่าตกใจจากการบอกเล่าของสี่ชุ่ย
หากไม่ใช่ว่าเคยรู้จักลู่หว่านเอ๋อร์มาก่อน นางก็คงแค่ฟังเท่านั้น อย่างมากก็คิดเห็นใจสตรีผู้นั้น สตรีที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีถูกคนแอบเข้ามาโกนหัวยามวิกาลจนตกใจเสียสติ อย่างไรก็คงมีความแค้นใหญ่หลวงกันมากระมัง
แต่ตอนนี้นางรู้จักลู่หว่านเอ๋อร์ และยังเคยสนทนากันไม่น้อยด้วย ได้ยินแล้วในใจก็แอบสับสน ทั้งเห็นใจทั้งดีใจ เห็นใจที่นางเป็นสตรีต้องโดนหลู่เช่นนี้ ดีใจที่นางไปจากเมืองฝานลั่วได้ จากนี้ไปก็คงไม่มีโอกาสได้มารบกวนชีวิตของนางกับอาเย่าอีก
ควรบอกว่าแท้จริงแล้วนางเองก็ใจแข็งไม่เบา? ซูสุ่ยเลี่ยนแอบขำพลางส่ายหน้า จากนั้นก็จมอยู่กับอารมณ์ตนเอง คาดเดาไปร้อยแปด ก้มหน้าลงปักถุงใส่เงินงดงามลายเล็กๆ ขนาดต่างๆ สามใบให้เป็นของขวัญแต่งงานสี่ชุ่ย
หลินซือเย่าวางงานในมือมายืนอยู่ในห้องปักผ้ามองนางเงียบๆ จากนั้นก็หันหลังกลับห้องครัวเงียบๆ
ถูกต้อง เรื่องลู่หว่านเอ๋อร์เขาทำเอง โกนหัวนางก็เพื่อตักเตือนนาง วันหน้าอย่าได้คิดทำร้ายสุ่ยเลี่ยนแม้แต่เส้นผม แต่ที่เขาโกนไปก็แค่ผมในส่วนที่ไม่ได้เห็นเด่นชัด แต่เพราะนางตกใจเสียสติไปเอง เป็นเพราะนางใจเสาะเอง ไม่อาจทนดูสิ่งที่ในสายตาเขาก็แค่การลงโทษเล็กน้อยแค่นี้ได้
เพียงแต่ไม่คิดว่า ตระกูลลู่กลับปิดข่าวไม่ได้เอง เรื่องฉาวโฉ่วันเดียวก็แพร่ไปทั่วเมือง ยังแพร่มาเข้าหูสตรีตัวน้อยของเขา ทำเอาเขาคาดไม่ถึง
ได้ยินสี่ชุ่ยเล่าให้นางฟังในห้องโถง ได้ยินนางแอบสูดปากตกใจยามได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกลนลานขึ้นมาอย่างน่าประหลาด กลัวนางจะนึกเชื่อมมาถึงเขาได้ แล้วจะกลัวเขาต่อ เขากำหมัดแน่น ไม่ว่าผู้ใดล้วนกลัวเขาได้ หรือแม้กระทั่งเกลียดเขา เขาไม่ว่าอะไร มีแต่นางผู้เดียวที่ไม่ได้ นางเป็นภรรยาของเขา เป็นสตรีที่เขารัก เขาไม่ยอมให้นางกลัวเขาอย่างเด็ดขาด
แต่ทว่าดูท่าตอนนี้นางน่าจะหายตกใจแล้ว
เมืองฝานลั่วที่ไม่มีลู่หว่านเอ๋อร์มาก่อกวน หลินซือเย่ารู้สึกว่าทุกอย่างงดงามยิ่ง ถึงกับวันฝนพรำไม่หยุดก็ไม่รู้สึกขัดหูขัดตาเขาแม้แต่น้อย
……
“โชคดี…โชคดี…ที่บอกยกเลิกงานไป…ไม่อย่างนั้น ข้าว่าคนที่หัวล้านและเป็นบ้าก็คงเป็นพี่น้องห้าสิบสามคนพรรคเฟิงเหลยเราแล้ว” พรรคเฟิงเหลยแอบปาดเหงื่อแทนหวาอวี๋เอ๋อร์ กำลังนั่งในห้องประชุมพากันรู้สึกโชคดีไม่หยุด
“พี่ใหญ่ เช่นนั้นตอนนี้…”
“ตอนนี้? ตอนนี้ย่อมใช้ชีวิตไปตามปกติสิ งานที่ควรรับก็รับ แน่นอนท่องกฎพรรคให้แม่น อย่าได้ทำผิดพลาดแบบก่อนหน้านี้อีก” หวาอวี๋เอ๋อร์โบกมือให้เจ้าสี่ไปแจ้งพี่น้องในพรรค ให้ท่องกฎพรรคให้แม่นยำ
คิดถึงพรรคเฟิงเหลยที่เขาสร้างมากับมือ ตอนแรกก็เพราะมารดาเขามีจิตเมตตา คิดจะหาที่พักกำบังแดดหลบฝนให้กับบรรดาเด็กกำพร้าที่ไร้บิดามารดา ดังนั้นจึงได้พัฒนามาเป็นพรรคใหญ่ตอนนี้ งานหลักก็คือหางานให้พี่น้องในพรรคได้ทำ จะได้มีที่พึ่งพาอาศัยหาเลี้ยงชีพ
พรรคเฟิงเหลยรับทำงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานชั่วคราวระยะสั้น เช่นพวกวิ่งรับส่งของ รับจ้างจิปาถะ หรืองานอารักขา พวกเขาล้วนรับหมดทุกงาน แน่นอนในนี้ย่อมมีคนมีทรัพย์สินเงินทองมากออกเงินว่าจ้างให้พวกเขาไปทำงานออกหน้าแทน ไปข่มขู่แทนอะไรพวกนี้ เห็นค่าตอบแทนจำนวนมากแล้ว เขาก็จะรับอย่างไม่ปฏิเสธสักคำ เพียงแต่เพื่อไม่ให้มารดาผู้เมตตาอารีของเขากังวล ก็ตั้งกฎพรรคไว้แปดข้อ ในนั้นก็คือไม่ลงมือกับสตรี เด็ก และคนอ่อนแอ
เพียงแต่…เพียงแต่ครั้งนี้เขาเห็นเงินห้าสิบตำลึงก็ตาลุกวาว ละเมิดกฎพรรค จนไปปะทะกับบุคคลร้ายกาจเข้า โอย ไม่พูดถึงดีกว่า วันหน้าต้องรับแต่งานที่ไม่ผิดคุณธรรมดีกว่า ถือว่าเป็นการสะสมบุญบารมีให้มารดาเขาละกัน
ปัง! ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องประชุมก็ถูกถีบจากด้านนอก มีลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาในห้อง
“ใคร!” หวาอวี๋เอ๋อร์ตกใจกระโดดลุกจากเก้าอี้
เห็นเพียงเงาวูบหนึ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารเยียบเย็น นี่คือ…กลิ่นอายนักฆ่าโดยเฉพาะ…นักฆ่าตัวจริง…
……
“อาเย่า ป้าเหลาบอกว่ารถวัวลากของบ้านผู้ใหญ่บ้านจะลากของเข้าเมืองวันนี้ พวกเขากะจะฝากไปด้วย พวกเราล่ะ” ซูสุ่ยเลี่ยนพาเสี่ยวฉุนไปบ้านป้าเหลากลับมา ก็รีบแล่นไปที่ลานด้านใต้อย่างตื่นเต้นยินดี ยังไม่ทันพักให้หายเหนื่อยก็รีบถามหลินซือเย่าที่กำลังยืนตากผักดองแห้งอยู่
หลินซือเย่ารู้สึกขำ ยกมือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้นาง พลางกล่าวอย่างเอ็นดูว่า “ข้าพาเจ้าไป” เขาพานางไป ก็หมายความว่าวิชาตัวเบาสินะ ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า “อย่างนั้นข้าไปบอกป้าเหลาก่อน ให้พวกเขาเดินทางไปก่อน”
“ไม่รีบ ไว้พวกเรากำลังจะออก ค่อยแวะไปบอกพวกเขาสักคำ” หลินซือเย่าดึงนางกลับเข้าห้องโถง ทนเห็นนางวิ่งไปวิ่งมาไม่ได้ ทำงานในมือเสร็จแล้วก็ออกเดินทางเร็วหน่อยก็ดี
วันนี้เป็นวันที่หนึ่งเดือนสาม วันเกิดอายุสิบหก (นางเดาเอง) ของซูสุ่ยเลี่ยน ท้องฟ้าเปิดแล้ว ในที่สุดฝนที่ตกติดต่อกันมาสิบกว่าวันก็หยุด แสงแดดที่หายไปนานก็โผล่ออกมาแล้ว
เมื่อวานหลินซือเย่าไปบอกบ้านเหลาและบ้านเถียน สองสามวันก่อนจองห้องอาหารเลี้ยงสิบกว่าคนเอาไว้ วันนี้ไปร้านอู่ชิ่นไจฉลองวันเกิดให้นาง
หลินซือเย่าก่อนออกจากบ้านก็ส่งสายตาบอกเสี่ยวฉุน เฝ้าบ้านดีๆ
สำหรับเสี่ยวเสวี่ย มันกำลังดูแลลูกหมาป่าสามตัวที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่วัน เอาแต่นอนอยู่บนสนามหญ้าบนลานทิศใต้ที่ตอนนี้เป็นรังชั่วคราวของมัน
เสี่ยวฉุนกวาดสายตานอนมองอยู่ใต้ต้นพุทราอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ลูกหมาป่าสองตัวกำลังคลอเคลียตากแดดกันอย่างมีความสุข…
เอาเถอะ เป็นเด็กดีเฝ้าบ้านไปแล้วกัน หากเหมือนครั้งก่อนอีก ปล่อยให้เจ้าพวกนักเลงกระจอกเข้ามาในบ้านได้ หนังมันคงรักษาไว้ไม่ได้แล้วเป็นแน่ มันถูกแววตาหลินซือเย่าข่มขู่เตือนก่อนออกไปแล้ว โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว…จริงๆ แล้วมันก็อยากไปสนุกสนานในเมืองด้วยนะ
……
หลินซือเย่าอุ้มซูสุ่ยเลี่ยนกระโดดตัวลอยไม่กี่ทีก็ทิ้งพวกบ้านเหลา บ้านเถียน และพวกผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟาทั้งแปดที่นั่งรถเทียมวัวสองตัวไปไกล
เถียนต้าเป่าย่อมตามไปติดๆ ตอนนี้กำลังใช้พลังฝ่าเท้าลมกรดเร่งไล่ตามเงาหลินซือเย่าไป อาจารย์บอกว่าวันนี้จะทดสอบพลังตัวเบาของเขา หากตามทันก็ถือว่าผ่าน อาหารตอนเที่ยงเลือกสั่งตามใจ คิดกินอะไรก็สั่งได้เลย
…อืม…ร้านอู่ชิ่นไจมีอะไรอร่อยนะ? ครั้งก่อนไก่ทอดกรอบที่อาจารย์หญิงเอากลับมาด้วยอร่อยมาก เป็ดย่างหนังกรอบก็ไม่เลว…โอย โอย โอย…อาจารย์ล่ะ แย่แล้ว…เถียนต้าเป่าสะบัดหัวไล่ความคิดอย่างแรง ไม่คิดถึงอาหารเลิศรสที่ทำเอาน้ำลายสอแทบหยดอีกแล้ว รีบเร่งไล่ตามไป ลองไล่ตามเงาหลินซือเย่ากับซูสุ่ยเลี่ยนที่หายลับไปแล้วดู
“จุ๊ๆ…ต้าเป่าร้ายกาจเช่นนี้? เจ้าเด็กคนนี้นับว่ามีอนาคต ต้าฟู่…ครั้งนี้ไม่ต้องกังวลใจแล้วกระมัง” เหลาโหย่วคุนหัวเราะเหอๆ มองเถียนต้าฟู่พลางกล่าวสัพยอก
“แหะๆ…ดูพี่พูดเข้า ต้าเป่าก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีอนาคตอะไรหรอก เขาสุขภาพแข็งแรง ข้าก็พอใจแล้ว”
เถียนต้าฟู่ปากกล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้าได้ขายความในใจของเขาเรียบร้อยแล้ว
จะไม่ได้ใจได้หรือ คิดถึงว่าเขาทำงานช่างไม้ยากลำบากมาหลายปี เงินทองที่สะสมมาได้ถึงกับสู้ที่ลูกชายของเขาได้มาในครึ่งปีนี้ยังไม่ได้ ใช่ ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิก็ตามอาจารย์ขึ้นยอดเขาซิ่วเฟิง ถึงกับจับตะพาบมาได้ตัวหนึ่ง แม่เขาตัดใจกินไม่ลง ให้เอาไปขายในเมือง ได้มาสามตำลึง จุ๊ๆ เจ้าลูกคนนี้โชคดีไม่ใช่เล่น
“ข้าว่านะ อาจารย์ต้าเป่าก็มีความสามารถจริงๆ ดูฝีมือเขาเมื่อครู่สิ เหมือนกับในเรื่องเล่าอะไรนะ … ยุทธภพ…ใช่แล้ว คือยุทธภพนี่เอง…จอมยุทธในยุทธภพ?” ป้าเหลาตบหน้าขาดังฉาดเอ่ยชื่นชม
“ป้าเหลา ยุทธภพนั้นอยู่ที่ไหนกัน” เถียนนิวกะพริบตาปริบๆ มองนางเถียน ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แค่ก…แค่ก…ต้านิวเอ๊ย ป้าเหลาเจ้าก็แค่ได้ยินจากพวกเล่านิทาน สำหรับเรื่องว่ายุทธภพอยู่ที่ไหนนั้น ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ป้าเหลาหน้าแดงอธิบายกับเถียนนิวอย่างรู้สึกเขิน ทำเอาทำคนหัวเราะขำดังลั่น
นางจำได้ว่าตอนเด็กๆ ติดตามบิดาเข้าเมือง เคยได้ฟังนักเล่านิทานเล่า มักจะปักหลักฟังเล่าอยู่หลายรอบจึงจะยอมเลิกฟัง ดังนั้นคำศัพท์เกี่ยวกับยุทธภพหรือจอมยุทธอะไรพวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องคาดเดาในวัยเด็กที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก ตอนนี้พอมาเห็นฝีมือสูงส่งของหลินซือเย่าก็รำลึกถึงเรื่องที่นักเล่านิทานเล่าขึ้นมาได้ เรื่องเกี่ยวกับจอมยุทธที่มีวิชาตัวเบาที่กระโดดทีก็ลอยไปไกล ตวัดมือทีก็ตัดหัวคนชั่วได้…ยุทธภพที่พูดถึงกันนั้นก็คงหมายถึงจอมยุทธที่มีวิชาตัวเบาและมีฝีมือไม่ธรรมดาอย่างเช่นหลินซือเย่ากระมัง
ตอนทุกคนมาถึงประตูหน้าร้านอู่ชิ่นไจ พระอาทิตย์ก็ขึ้นตรงศีรษะแล้ว
หลินซือเย่ากับนางรวมทั้งต้าเป่ามานั่งรอที่โต๊ะใหญ่เต็มไปด้วยอาหารนานแล้ว ทั้งสามคนไปเดินเล่นร้านค้ามารอบหนึ่ง ซื้อของเล่นที่ต้องตาและราคาย่อมเยากลับมาด้วย
เช่นว่าปิ่นไม้ท้อแกะสลักลายประณีต แท่นฝนหมึกรูปร่างประหลาด กระดิ่งลมน่ารักรูปแบบใหม่…ใช้เงินในถุงใส่เงินเล็กของนางหมดจึงได้ยอมกลับ
หลินซือเย่าอดขยี้ผมนางไม่ได้ กล่าวอ่อนโยนว่า “ทำไมไม่เลือกของแพงหน่อย” ของขวัญวันเกิดนางไม่ควรจะเป็นของเล่นราคาย่อมเยาพวกนี้
“ของแพงก็ไม่แน่ว่าจะชอบนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนเหล่มองเขา ผู้ชายนี่นะ หรือไม่รู้ว่าของแพงไม่ได้หมายความว่าจะเป็นของที่ดีที่สุด อย่างเช่นเขา…ก็ไม่เห็นว่ามีสถานะที่สูงที่สุดอะไรเสียหน่อย แต่นางกลับชอบที่สุด รักที่สุด เช่นนี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ
กินเลี้ยงวันเกิดที่ร้านอู่ชิ่นไจมื้อใหญ่เสร็จ แม้ว่าเน้นย้ำไปหลายรอบแล้วว่าไม่รับของขวัญ แต่ทั้งสองบ้านก็ยังรู้สึกเกรงใจเอามาให้อีก
บ้านเถียนให้สร้อยข้อมือไม้จันทร์หอมเม็ดสีดำออกเขียวกลมๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แก่ซูสุ่ยเลี่ยนเส้นหนึ่ง เป็นงานฝีมือของเถียนต้าฟู่เอง ก่อนปีใหม่ได้ยินต้าเป่าเล่าว่าจะถึงวันเกิดซูสุ่ยเลี่ยน เขาก็เริ่มเตรียมไว้แล้ว เวลาสามเดือนไม่อาจไม่ตั้งใจทำให้ประณีตสักหน่อย
“อาจารย์หญิง ข้าเองก็มีของขวัญมอบให้ท่าน เพียงแต่ไม่สะดวกนำติดตัวมาด้วย กลับไปท่านก็รู้เองแหละ” เถียนต้าเป่าถือโอกาสเอาหน้า
“ได้ ขอบคุณ” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า ยิ้มตบไหล่เขาที่ใกล้จะเลยไหล่นางแล้ว
“นังหนู เมื่อวานรู้ว่าวันนี้วันเกิดเจ้า ไม่ทันได้เตรียมอะไร รู้ว่าเจ้าชอบดอกไม้ แบ่งดอกจวินจื่อหลัน[1]สองกระถางนี้ให้เจ้า กลับไปจะให้หย่งเฉียงเอาไปให้เจ้าที่บ้านนะ” ดอกจวินจื่อหลันบ้านป้าเหลาออกดอกมาเจ็ดแปดปี รากงอกงามมากแล้ว เมื่อวานอาเย่าเชิญนางมาร่วมงานวันเกิด ไม่ทันได้เตรียมอะไรก็เลยเอาดอกจวินจื่อหลันแบ่งใส่กระถางดินเคลือบให้เป็นของขวัญ
ผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟาถูกซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่ารั้งให้อยู่กินข้าวด้วย ก็มีสีหน้าเคอะเขิน สองมือถูไปมากล่าวว่า “ละอายใจๆ” ละอายที่ไม่ได้มีของขวัญมาตอบอาหารมื้อใหญ่
“พวกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว หากต้องการของขวัญ ไหนเลยจะกล้าเชิญพวกท่านมา วันนี้ถือโอกาสวันเกิดเลี้ยงขอบคุณพวกท่าน ครึ่งปีมานี้หากไม่ใช่พวกท่านช่วยเหลือแล้ว ข้ากับอาเย่าไหนเลยจะคุ้นเคยกับชีวิตในหมู่บ้านนี้ได้เร็วเช่นนี้กัน” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มอธิบายถึงสาเหตุที่เชิญพวกเขามาทานอาหารร่วมกันกินข้าวร่วมกัน
แน่นอน นี่เป็นเพียงแค่ความคิดซูสุ่ยเลี่ยนที่ตรงข้ามกับความคิดหลินซือเย่า ที่เขาอยากเชิญบ้านเหลา บ้านเถียนและหวังเกิงฟา เพราะหวังให้นางฉลองวันเกิดอย่างเบิกบานใจ สำหรับพิธีขอบคุณอะไรพวกนี้แต่ไรมาของไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย
พอร่ำสุรากินอาหารอิ่มแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป
พวกเหลาโหย่วคุนสองพ่อลูกกับเถียนต้าฟู่ตามผู้ใหญ่บ้านไปลากของต่อ
ป้าเหลาและป้าเถียนพาบุตรสาวของตนไปเดินเล่นตามร้านค้าอย่างเบิกบานใจ
เถียนต้าเป่าโดนสายตาหลินซือเย่าสั่ง ได้แต่จำใจเอาอาหารที่กินเหลือจากงานเลี้ยงกลับไปให้เสี่ยวเสวี่ยและเสี่ยวฉุน ก่อนจะไปช่วยพวกมันเฝ้าบ้าน
หลินซือเย่าแตะแขนซูสุ่ยเลี่ยนไว้ พานางไปเดินริมทะเลสาบอย่างสบายอารมณ์ เดินเคียงกันไปนั่งบนม้านั่งยาวริมทะเลสาบ นั่งมองต้นหลิวสีเขียวกิ่งก้านทิ้งตัวปลิวตามแรงลมริมทะเลสาบ บางทียังมีลมพัดมาเป็นระลอก หรืออาจพัดม้วนหอบมา ทำให้รู้สึกสดชื่นสบายใจอย่างมาก
“สุขสันต์วันเกิด!” หลินซือเย่าควักหยกรูปหงส์สีสันสดใสดูมีราคาแกะสลักประณีตออกมาจากอกเสื้อสวมให้ที่คอซูสุ่ยเลี่ยน
“นี่คือ?…อาเย่า…แม้ว่า ข้าชอบมาก แต่ว่าแพงมากกระมัง” ซูสุ่ยเลี่ยนก้มหน้ากุมหยกรูปหงส์สีเขียวงานฝีมือประณีตเอาไว้ อดถามไม่ได้
ตามคำบอกของต้าเป่าที่แอบพูดออกมาบ้าง รู้ว่าเขามอบเงินจากการค้าสัตว์ป่าให้นางหมดแล้ว แม้ว่าเก็บไว้ใช้ส่วนตัวเล็กน้อย แต่ก็คงไม่พอซื้อหยกรูปหงส์สีเขียวที่สัมผัสเรียบรื่นเช่นนี้กระมัง?
“ชอบก็ดีแล้ว” หลินซือเย่าเห็นนางกุมหยกรูปหงส์สีเขียวเบาๆ แววตามีรอยยิ้ม ดังคาด นางเหมาะกับเครื่องประดับพวกนี้ หยกเขียวมรกตขับผิวขาวผ่องของนางให้ยิ่งกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
“แต่ว่า…” นางเงยหน้ามองเขา แววตามีความกังวล แอบพึมพำถามเบาๆ ว่า “เจ้า…ไม่ได้กลับไปรับทำงานเดิมกระมัง”
“เจ้า คิดไปไหนกันนี่” หลินซือเย่าอึ้งไปนาน ก่อนจะเข้าใจความหมายของนาง จ้องมองนางครู่หนึ่ง แทบอยากจะร้องไห้ “ในเมื่อรับปากเจ้าแล้ว ก็ย่อมไม่ทำอีก” นางถึงกับสงสัยว่าเงินที่เขานำไปซื้อนี้เป็นเงินเปื้อนเลือดจากการสังหารหรือนี่
“เช่นนั้นก็ดี ขอโทษ อาเย่า ข้าเพียงแต่ตกใจไปหน่อย คือว่า…เงินที่เจ้าหามาไม่ใช่ล้วนให้ข้าหมดหรือ?!” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นเขาเหมือนจะโมโห ก็รีบอธิบายแสดงการขอโทษ
“ต้าเป่าจับตะพาบได้ หรือว่าข้าทำไม่ได้? โง่งม!” เขาถลึงตาใส่นาง ควรว่านางที่เชื่อใจเขาเกินไปไหมนะ แต่ไรไม่สงสัยหรือว่าเขาอาจจะแอบเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่ง?
“อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าเข้าใจทันที จากนั้นก็เขินพลางแอบโมโหมอง “เจ้าไม่พูดข้าจะรู้ได้อย่างไร”
“ได้ ข้าผิดเอง วันหน้ามีเรื่องอะไรก็จะรายงานเจ้า ดีไหม?” เขาไม่ค่อยยิ้มกว้างเช่นนี้ ยามนี้ลักยิ้มบุ๋มลึกสองข้างแก้มเด่นชัด ทำเอานางมองอย่างหลงใหล
หลินซือเย่าอาศัยจังหวะนี้ก้มลงจุมพิตปากแดงราวผลอิงเถาของนาง ขณะที่ซูสุ่ยเลี่ยนกำลังประคองสองข้างแก้มอย่างตกใจที่ถูกจุมพิต เขาจุมพิตจนพอใจจึงได้ยอมถอนริมฝีปากออก
“ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว กลับบ้านกันเถอะ” รู้ว่านางเขิน เขาจึงไม่แหย่นางอีก ทั้งตัวนางในคืนนี้เป็นของเขาคนเดียว
ดึงนางลุกขึ้นยืน ค่อยๆ เดินเลียบทะเลสาบไปทางประตูเมือง ก่อนจะอุ้มนางขึ้นทะยานกลับเมืองฝานฮัวเร็วจี๋
——————————
[1] ดอกกล้วยไม้สำหรับปลูกไว้ในห้องเพื่อความสวยงาม ให้ดอกสีแสดที่บานนานและมีใบสีเขียวสด