ตอนที่ 85 เบื้องบนหมายความว่ายังไง

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่85 เบื้องบนหมายความว่ายังไง?

มู่เทียนซิงกัดริมฝีปากแน่น ดูการเปลี่ยนแปลงด้านหน้าของเธอ รู้สึกรับไม่ได้

ที่เธอรีบลงมาจากชั้นบนและเรียกรถพยาบาล ข้อที่หนึ่ง ก็เพราะว่าเธออยากจะช่วยคนที่เธอเตะไป เพราะว่าที่เธอเตะไปก็ไม่ใช่เบาๆ เธอรู้เรื่องนี้ดี ; ข้อที่สอง เพราะว่าเธออยากจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เธอจะได้ไม่ต้องหมั้นกับเมิ่งเสี่ยวหลง!

แต่ผลก็คือ……

นี่มันขัดกับความต้องการของเธออย่างสิ้นเชิง!

“ หนูไม่อยากหมั้นกับเมิ่งเสี่ยวหลงอีกต่อไปแล้ว! ”

เธอหลับตา แล้วตะโกนออกมาประโยคหนึ่ง น้ำตาก็ไหลออกมา “ฮือๆ ~ หนูไม่อยากหมั้นกับเขา! ไม่อยาก! ไม่อยาก! ไม่อยากหมั้นกับเขา! ”

เมิ่งอี้หลั่งก้าวไปด้านหน้าอย่างร้อนรน จ้องเธออย่างจริงจัง “งั้นหนูเห็นเขาตายต่อหน้าได้มั้ยล่ะ? ”

เสียงร้องไห้ของมู่เทียนซิงหยุดลงทันที!

เธอ……ทำไม่ได้!

“เทียนซิง! ” มู่อี้เจ๋อก้าวไปด้านหน้า มองหน้าเธอแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เวลาที่ลูกจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ นี่มันเป็นเวลาที่เกี่ยวกับชีวิตของคนๆหนึ่ง! ลูกต้องฟังพ่อ ลูกต้องไปยอมรับก่อนว่าลูกเป็นคู่หมั้นของเสี่ยวหลง แล้วช่วยเสี่ยวหลงออกมาก่อน เรื่องหลังจากนั้น ถ้าเกิดว่าลูกไม่อยากแต่งงานกับเขา พวกเราก็จะไม่บังคับลูก โอเคมั้ย? ”

“ใช่ๆๆๆ ” เมิ่งอี้หลั่งรีบเสริม “เทียนซิง สาวน้อย ลุงขอร้องหนูล่ะนะ ช่วยพี่เสี่ยวหลงออกมาก่อน เรื่องงานแต่งเดี๋ยวพวกเราค่อยปรึกษากันหลังจากนี้! ”

มู่เทียนซิงมองหน้าพวกเขา หลับตา “ถ้ายังงั้นก็ต้องให้คุณลุงเมิ่งเขียนหนังสือรับรอง รับรองว่าหนูกับเมิ่งเสี่ยวหลงจะไม่ต้องหมั้นและไม่ต้องแต่งงานกัน แล้วหนูจะไปบอกกับตำรวจว่า มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด! ไม่ยังงั้นหนูก็จะไม่พูด! ”

ทุกคนอึ้งไป ไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะสามารถพูดออกมาได้เสียงดังขนาดนี้

ดูท่าทางนั้น เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุแค่18 แต่รู้จักขู่คนอื่นแล้ว!

เมิ่งอี้หลั่งดูออก ว่ามู่เทียนซิงไม่ได้ชอบลูกชายของตัวเองจริงๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่มีวันแต่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ช่วยลูกชายของตัวเองออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!

มู่อี้เจ๋อก็คิดเรื่องนี้อยู่ในใจเหมือนกัน ลูกสาวของตัวเองไม่ได้ชอบเมิ่งเสี่ยวหลง แต่ว่าเขากลับบังคับให้เธอแต่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำจริงๆ ผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รัก จะมาเป็นคู่ครองของผู้หญิงได้ยังไงกัน?

“ เหล่าเมิ่ง นายก็เขียนไปเถอะ! พวกเราไม่ได้เป็นญาติกันก็เป็นพี่น้องกันก็ได้ ต่อไปนี้ฉันยกเทียนซิงให้เป็นลูกบุญธรรมของนายก็ได้ เหมือนกันนั่นแหละ”

“ได้! เดี๋ยวฉันจะเขียน! ”

เมิ่งอี้หลั่งพยักหน้าตอบรับ มู่เทียนซิงก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มทันที หยิบปากกาและกระดาษบนโต๊ะแล้วก็ส่งให้เขา

เมิ่งอี้หลั่งมองหน้าเธอ รู้สึกไม่อยากทำเท่าไหร่

เพราะว่าตั้งแต่เธอยังเด็กมาก เขาก็เห็นภาพเธอเป็นลูกสะใภ้แล้ว!

ลูกชายคนนั้น เขาผิดหวังจริงๆ กลับทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้กลัวจนต่อให้ตายก็ไม่ยอมแต่งงาน!

นั่งลงบนโต๊ะหนังสือ เมิ่งอี้หลั่งเขียนหนังสือรับรองเสร็จอย่างรวดเร็ว และก็ส่งให้มู่เทียนซิงด้วยตัวเอง พร้อมกับพูดว่า “เทียนซิง พอใจมั้ย? ”

เธอรับไป แล้วก็พิจารณาแต่ละคำอย่างละเอียด

ตอนที่รอให้เธอพยักหน้า คนๆนั้นก็เครียดจะตายอยู่แล้ว!

มู่อี้เจ๋อขับรถ พาเมิ่งอี้หลั่ง เจี่ยงซิน และก็มู่เทียนซิงไปโรงพยาบาล

แต่ว่า พอพวกเขาไปที่ตึกห้องผู้ป่วยสีแดงที่เมิ่งเสี่ยวหลงอยู่นั้น ก็มีคนบอกว่าญาติสามารถเข้าไปดูแลได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ป๋ายเมยเป็นแม่ของเมิ่งเสี่ยวหลง และก็อยู่ด้านในแล้ว ไม่ว่าคนอื่นจะสนิทกับเมิ่งเสี่ยวหลงแค่ไหน ก็เข้าไปไม่ได้

มู่เทียนซิงเห็นว่าพวกเขาเคร่งเครียด ก็รีบพูดว่า “แต่ฉันเป็นคู่หมั้นของเมิ่งเสี่ยวหลง! เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะการทะเลาะกันของแฟนกัน ไม่ถือว่าเป็นการข่มขืน! รบกวนคุณไปบอกตำรวจที่ดูแลเมิ่งเสี่ยวหลงด้วยค่ะ ว่าให้ฉันเข้าไปหน่อย ฉันจะอธิบายเรื่องให้เข้าใจกัน! ”

“ใช่ครับๆ! พวกเรามาเพื่ออธิบาย! ”

“มีเรื่องเข้าใจผิดกัน มันเป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างหนุ่มสาว ก็เลยเกิดเรื่องขึ้น มันจะเป็นคดีข่มขืนได้ยังไงกัน?

พวกเมิ่งอี้หลั่งก็ช่วยกันพูด วุ่นวายจนทำให้ตำรวจที่เฝ้าอยู่ปวดหัว

หนึ่งในนั้นพูดออกมา “งั้นรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปรายงานเรื่องก่อน”

“ได้ครับๆ ”

หลังจากนั้น ทุกคนก็มองตำรวจคนนั้นเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก แล้วก็เล่าเรื่องของมู่เทียนซิงไป ฝ่ายตรงข้ามน่าจะตอบอะไรกลับมาบางอย่าง เห็นแต่ว่าเขาพยักหน้าไม่หยุด หลังจากนั้นก็ตัดสาย

พวกเขารอคนๆนั้นเดินออกมาอย่างกระตือรือร้น แล้วก็ถามอย่างกังวล “เข้าไปแล้วได้ใช่มั้ยครับ? ”

เมิ่งอี้หลั่งกังวลจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ขอให้ผมได้เข้าไปดูลูกชายผมหน่อยเถอะ! ขอร้องล่ะครับ! ”

ตำรวจคนนั้นส่ายหน้า แล้วก็มองหน้าพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้มันร้ายแรงมากเกินไปแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ! ”

“ก็บอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วมันจะร้ายแรงได้ยังไง? ” มู่อี้เจ๋อไม่เข้าใจ “ถึงแม้ว่าต้องได้รับการตัดสินคดี แต่ว่าลูกสาวของผมคือเหยื่อ ก่อนที่จะตัดสินอะไรก็ควรถามฝ่ายหญิงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่แท้จริงหน่อยใช่มั้ย? ”

ตำรวจคนนั้นตอบ “ ผู้ต้องสงสัยพึ่งพูดส่งมาได้ไม่นาน เบื้องบนก็โทรมา บอกว่าระหว่างการสอบสวนนั้น ห้ามไปรบกวนคุณหนูมู่ ขอถามหน่อยครับว่า ท่านนี้คือคุณหนูมู่ใช่มั้ย? ”

“ใช่ค่ะ แต่ว่า……” มู่เทียนซิงไม่เข้าใจ “เบื้องบนหมายความว่ายังไง? ”

“ก็คือคนระดับสูง น่าจะเป็นหัวหน้า หรือไม่ก็คนใหญ่คนโตที่กำลังปกป้องคุณอยู่! ” ตำรวจคนนั้นพูดอย่างตรงไปตรงมา

คนพวกนั้นเงียบไปสองวินาที สายตาของทุกคนก็มองหน้ามู่เทียนซิงอย่างซับซ้อน ใบหน้าของมู่เทียนซิงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “มันเรื่องอะไรกันคะ? เรื่องของฉันกับพี่เสี่ยวหลง ทำไมต้องไปถึงหูเบื้องบนได้? เบื้องบนอะไรกัน เบื้องบนนั้นมาจากไหน? ”

เมิ่งอี้หลั่งจะเป็นบ้าแล้ว!

เขาดึงมู่เทียนซิง แล้วพูดว่า “เทียนซิง ลุงขอร้องล่ะ หนูช่วยพูดกับพวกเขาหน่อย ให้พวกเขาได้ฟังความคิดเห็นของหนู ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปใช่มั้ย? ”

มู่เทียนซิงรู้ดีว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา เธอเม้มปากแน่น และมองหน้าตำรวจคนนั้น “สวัสดีค่ะ ฉันขอพบกับตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้หน่อยได้มั้ยคะ? ”

“ขอโทษด้วยครับ! ” สีหน้าของตำรวจคนนั้นยังคงนิ่งเงียบ “เรื่องที่คุณบอกผมเมื่อกี้นี้ ผมได้รายงานกลับไปทางโทรศัพท์แล้ว แต่ว่าเพื่อนร่วมงานของพวกเราตอบกลับมาว่า อย่าพูดเรื่องคู่หมั้นอะไรเลย ต่อให้แต่งงานกันแล้ว การข่มขืนก็ยังถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย! แม้ว่าจะเป็นคู่รักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีงามในเวลาปกติ แต่ว่าเมื่อเขาต้องการมีความสัมพันธ์กับคุณ คุณกัดเขา ก็ถือว่าไม่ยินยอม แต่ว่าเขาก็ยังบังคับคุณ เลยทำให้คุณต้องเตะของเขาอย่างไม่มีทางเลี่ยง นี่มันคือหลักฐานว่าเขามีเจตนาข่มขืน ตราบใดที่มีข้อเท็จจริงที่ว่าเขาต้องการละเมิดคุณ นั่นก็คือมีความผิด! ”

มู่เทียนซิง:“……”

ตำรวจคนนั้นก็พูดอีก “ นี่เป็นสถานที่ที่ตำรวจต้องคุ้มกันผู้ต้องสงสัยคดีอาญา เพราะฉะนั้นรบกวนให้พวกคุณออกไปโดยเร็ว ไม่ยังงั้น พวกคุณอาจจะต้องโดนจับกุมข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม! ”

ทุกคน “……”

กลางดึกแบบนี้ เมิ่งอี้หลั่งกังวลจนเกือบจะเป็นลมไปแล้ว!

ตำรวจคนนั้นเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมไป ก็ยกปืนขึ้น ทำให้มู่อี้เจ๋อรู้สึกกลัวจนดึงเขาไป “เหล่าเมิ่ง! พวกเราไปกันก่อนเถอะ! ทำใจให้เย็นแล้วค่อยคิดแผนการกันต่อ! ”

เจี่ยงซินก็ตกใจเหมือนกัน ดึงมู่เทียนซิงไปที่จอดรถ “ใช่ๆๆ รีบไปกันเถอะ รีบไปจากที่นี่แล้วค่อยคิดวิธีอื่น! ไม่ยังงั้นเราคงโดนยิงตาย แล้วเสี่ยวหลงที่อยู่ในนั้นจะทำยังไง? ใครจะมาช่วย? ”

เมิ่งอี้หลั่งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ลุกขึ้นมา

ใช่ ถ้าเกิดว่าตัวเองเป็นอะไรขึ้นมา ก็จะไม่มีใครช่วยลูกชายเขาน่ะสิ!