บทที่ 76 เสี่ยวเป่าส่งของกำนัล

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 76 เสี่ยวเป่าส่งของกำนัล

บทที่ 76 เสี่ยวเป่าส่งของกำนัล

หนานกงฉีซิวออกจากวังก่อนที่หนานกงฉีโม่จะออกเดินทางไปเมืองหน้าด่านด้วยซ้ำ

องค์ชายใหญ่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจิ้นอ๋อง และได้จวนเก่าของหรงอันอ๋องเป็นที่พำนัก เพียงซ่อมแซมนิดหน่อยก็สามารถเข้าอยู่ได้แล้ว  

หรงอันอ๋องเป็นโอรสของสนมรักที่ฮ่องเต้องค์ก่อนโปรดปรานเป็นที่สุด ในฐานะโอรสคนโปรด จวนที่เคยอาศัยย่อมต้องใหญ่โตและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด

โครงสร้างภายในไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมากนัก หนานกงฉีซิวเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพื้นที่บางส่วน และตกแต่งตามความชอบของตน ในระหว่างนั้นหนานกงสือเยวียนยังพระราชทานข้าวของมากมายเนื่องในโอกาสย้ายเข้าจวนใหม่  

ฮ่องเต้ประทานข้าวของที่ใช้ประดับประดาในจวนมากมายให้แก่โอรสโดยไม่คิดตระหนี่ ดีเสียอีกที่ของเก่าไร้ประโยชน์ในท้องพระคลัง ในที่สุดก็มีที่ไป

วันที่หนานกงฉีซิวย้ายออกจากวังอย่างเป็นทางการ บิดาผู้เป็นโอรสสวรรค์ทรงอนุญาตให้เหล่าองค์ชายหยุดพักผ่อน เพื่อให้พวกเขาพาธิดาตัวน้อยของตนออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง

“พาออกไปแบบใดก็ให้พากลับมาส่งแบบนั้น”  

ก่อนจะออกไป บิดาบังเกิดเกล้าได้กำชับกับบุตรชายของตนเพียงประโยคเดียว

เหล่าพระโอรสให้คำมั่นอย่างเคารพยำเกรง พร้อมปฏิญาณกับตนเองในใจว่าจะต้องรักษาไว้เท่าชีวิต

เสี่ยวเป่ากอดกระถางดอกไม้จิ๋วสองใบไว้ในอ้อมแขน “ท่านพ่อวางใจเถิดเพคะ เสี่ยวเป่าจะพาพวกพี่ ๆ กลับมาอย่างปลอดภัย!”  

เจ้าก้อนแป้งให้คำมั่นเสียงดังฟังชัด ฟังดูค่อนข้างมีความรับผิดชอบ  

ทุกคน “…”  

บางที… เจ้าอาจจะเข้าใจบางอย่างผิดเพี้ยนไปใช่หรือไม่?  

หนานกงสือเยวียนบีบจมูกอันกระจิดของนางอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะหันไปสั่งเหล่าองค์ชายว่า “ไปกันได้แล้ว”  

องค์ชายสี่หนานกงฉีอิงรีบคว้าตัวน้องสาวตัวน้อยลอยขึ้นบนอากาศ คนอื่น ๆ ก็พร้อมใจกันยกมือขึ้นประคองเจ้าก้อนน้อยให้นั่งลงบนไหล่กว้างอย่างปลอดภัย  

ขาสั้น ๆ ของเสี่ยวเป่าห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ ขณะที่มือถือกระถางดอกไม้ใบจิ๋ว แต่เพราะจู่ ๆ ร่างก็ลอยหวืดขึ้นมานั่งบนไหล่ของพี่สี่ นางจึงมีสีหน้างุนงง เพียงพริบตาเดียวนางก็มองไม่เห็นท่านพ่อเสียแล้ว

เสี่ยวเป่า “???”  

“ท่านพ่อ ๆ ท่านรอเสี่ยวเป่าพาพี่ ๆ กลับมานะเพคะ!”  

คนตัวเล็กที่นั่งบนไหล่พี่สี่รีบหันหน้ากลับไปทางหนานกงสือเยวียน พร้อมตะโกนออกมาสุดเสียง 

เหล่าพี่ชาย “…”  

ต้องขอบคุณเจ้าเป็นอย่างสูง!  

ยามที่ต้องออกนอกเขตพระราชวัง เดิมทีจะมีรถม้าและองครักษ์รักษาพระองค์ประจำตัวองค์ชายทุกคน 

ทว่าวันนี้ทุกคนมารวมตัวกันในรถม้าของเสี่ยวเป่าอย่างพร้อมเพรียง

แม้นางจะยังตัวเท่าเมี่ยง แต่รถม้าที่หนานกงสือเยวียนเตรียมให้นางนั้นกว้างขวาง และมีพื้นที่มากพอสำหรับทุกคน  

ด้านในรถม้ามีช่องเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ และข้างในก็เต็มไปด้วยของว่างทุกชนิดที่เสี่ยวเป่าโปรดปราน 

เสี่ยวเป่ารู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ในนั้น เพราะนางกับท่านพ่อเคยนั่งรถม้าคันนี้ด้วยกัน!  

เมื่อเห็นว่าเหล่าพี่ชายมานั่งด้วย เจ้าก้อนแป้งก็รีบวางกระถางดอกไม้จิ๋วทั้งสองใบในมือลง แล้วหยิบของว่างออกมาแจกจ่ายให้พี่ ๆ ทุกคนอย่างกระตือรือร้น  

“กระถางดอกไม้ของเจ้าดูสวยแปลกตาเสียจริง”  

หนานกงฉีเฉินใช้นิ้วแตะกระถางดอกไม้ใบจิ๋ว กระถางใบหนึ่งเป็นรูปกระต่ายและมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ส่วนอีกใบเป็นรูปลูกสุนัขและมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย มันเหมือนเจ้าลูกหมาโร่วโร่วที่เสี่ยวเป่าหามาให้พี่ใหญ่ ดูน่ารักน่าชังมาก

แต่นางใช้ผ้าคลุมต้นไม้ในกระถางไว้ไม่ให้ผู้ใดเห็น

“ท่านพี่ อย่าเปิดผ้าออกนะ เสี่ยวเป่าอยากให้พี่ใหญ่ประหลาดใจ!”  

เจ้าก้อนแป้งยัดผลไม้แช่อิ่มชิ้นหนึ่งใส่ปาก เนื้อนุ่มนิ่มบนใบหน้าพองออกมาน่าหยิกเสียจริง 

“ต้องลึกลับปานนั้นเชียว? ข้าใคร่รู้แล้วว่าเจ้าปลูกสิ่งใดไว้ในกระถางนั่น”

เสี่ยวเป่าถลึงตาใส่พี่ชาย “ดูไม่ได้ ๆ หากดูก็ไม่ประหลาดใจแล้วน่ะสิ!”  

“ก็ได้ ๆ ไม่ดูก็ไม่ดู” หนานกงฉีเฉินเก็บไม้เก็บมือทันที  

แล้วเขาก็ตีหน้าบูดบึ้ง “ข้าว่าข้าพอจะรู้แล้ว ที่แท้น้องหญิงก็ลำเอียง ในใจของเจ้ามีแต่พี่ใหญ่”  

เสี่ยวเป่าไม่ยอมรับคำกล่าวหานั้นเด็ดขาด เห็น ๆ อยู่ว่านางปฏิบัติต่อเหล่าพี่ชายทุกคนอย่างเท่าเทียมมิใช่หรือ?

“เสี่ยวเป่าชอบท่านพี่ทุกคนนั่นแหละ”  

รถม้าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ มุ่งไปตามถนนทางทิศตะวันออก ทุกคนในรถม้ามีความสุขที่ได้แกล้งเสี่ยวเป่าซึ่งกำลังเคี้ยวของว่างตุ้ย ๆ

แม้งานเลี้ยงที่จวนหนานกงฉีซิวในวันนี้จะเป็นเรื่องที่รู้กันโดยถ้วนทั่ว แต่ความจริงแล้ว แขกที่เขาเชิญมีเพียงญาติพี่น้องไม่กี่คน เหล่าขุนนางและคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลด้วยข้ออ้างที่ว่าเขาไม่สะดวก  

เมื่อถึงจวนจิ้นอ๋อง เสี่ยวเป่าเป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากรถม้าพร้อมกับกระถางดอกไม้จิ๋วสุดน่ารักสองใบในอ้อมแขน

ทว่าขานางสั้นเกินไป พอออกมาจากด้านใน นางก็ต้องชะงักกึก เพราะไม่สามารถลงจากรถม้าเองได้  

หนานกงฉีโม่เดินตามหลังมา ก่อนจะคลี่ยิ้มจนตาหยี “วิ่งออกมาเร็วขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อันใด? ขาเจ้าก็มีอยู่เท่านี้”  

เสี่ยวเป่า “…”  

พี่รองหยาบคายเกินไปแล้ว!  

ใบหน้าจ้ำม่ำพองขึ้นเหมือนปลาทองตัวน้อยเพราะความโมโห

แต่ถึงอย่างนั้นก็หาได้สร้างความหวาดหวั่นให้แก่หนานกงฉีโม่ เขายกมือเรียวยาวของตนขึ้นมาบีบแก้มน้องน้อย จนมันเล็กลงและไม่อาจพองตัวได้อีก  

“ไปเถอะ”  

หนานกงฉีโม่อุ้มเจ้าก้อนแป้งลงมาจากรถม้า

ทันทีที่เท้าแตะพื้น เสี่ยวเป่าก็กลับมาร่าเริงอีกครั้ง ยิ้มสดใสออกปานนั้นคงลืมสิ้นแล้วกระมังว่าเมื่อครู่ตนกำลังโกรธ

หนานกงฉีโม่เดินทอดน่องตามหลังนางไป

คนในรถม้าทยอยตามลงมาทีละคน หนานกงฉีซิวเองก็ถูกองครักษ์เข็นออกมาถึงหน้าประตูพอดี

แม้ว่าขาของเสี่ยวเป่าจะสั้น แต่นางก็เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วรวดเร็ว ตอนนี้นางจึงวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด

“พี่ใหญ่ ๆ พวกเรามาหาท่านแล้ว มีของกำนัลมาให้ท่านด้วย”  

เสียงหวาน ๆ ของเด็กน้อยดังก้อง วันนี้เจ้าก้อนแป้งสวมเสื้อผ้าสีแดงเรียบหรูแต่ก็ดูสดใส ริมฝีปากสีแดงระเรื่อตัดกับฟันสีขาวเหมือนตุ๊กตานำโชค รูปลักษณ์ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สัญจรไปมาทันทีที่นางลงมาจากรถม้า  

เมื่อเห็นนางวิ่งยิ้มหน้าระรื่นมาพร้อมกับส่งเสียงเรียกท่านพี่ ๆ ด้วยเสียงหอบ แล้วคนเห็นจะใจแข็งไม่ยิ้มตามได้อย่างไร

บางครั้งรอยยิ้มของเด็กก็ส่งผลต่อคนรอบข้างได้จริง ๆ  

นัยน์ตาคู่งามราวภาพวาดของหนานกงฉีซิวฉายแววอ่อนโยน มือเรียวเอื้อมมือไปหาน้องสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตน  

“วิ่งช้า ๆ หน่อย”  

เสี่ยวเป่าส่ายหัวไปมาอย่างมีความสุข  

“ก็เสี่ยวเป่าอยากเจอพี่ใหญ่เร็ว ๆ นี่นา พี่ใหญ่… ที่นี่คือจวนของท่านหรือ ใหญ่โตมาก!”  

เมื่อมองไปยังประตูบานใหญ่และเห็นคำว่า ‘จวนจิ้นอ๋อง’ ที่เด่นหราอยู่บนแผ่นป้ายเหนือประตู ดวงตาเสี่ยวเป่าพลันขยายออก

“ท่านพ่อเป็นคนเขียน!”  

นิ้วน้อย ๆ ชี้ป้ายใหญ่ด้านบน มองแวบเดียวนางก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือของท่านพ่อ  

หนานกงฉีซิวบีบจมูกกระจิริด “เก่งมาก มองแวบเดียวก็จำได้แล้วว่าเป็นลายพระหัตถ์ของเสด็จพ่อ” 

เจ้าก้อนแป้งได้รับคำชมก็ยืดอกภูมิใจ หากนางไม่ได้กำลังถือกระถางดอกไม้อยู่ในมือ นางคงตัวลอยไม่เกรงใจไขมันที่พุงป่อง ๆ ของตนแล้ว

 

“อันนี้มอบให้ท่านพี่ ของกำนัลจากเสี่ยวเป่า ยินดีด้วยนะเพคะ”  

ทันทีที่ส่งของถึงมือพี่ใหญ่ เจ้าเด็กน้อยที่เมื่อครู่ยังปกติดีกลับกุมมือ พร้อมเอ่ยแสดงความยินดีด้วยท่าทางจริงจังจนคนรอบข้างหยุดขำไม่ได้

“ขอบใจน้องพี่”  

หนานกงฉีซิวหลุดขำออกมาอย่างมิอาจต้านไหว เขายกมือลูบเส้นผมนุ่มของนางเบา ๆ  

“พี่ใหญ่เปิดดูเร็วเข้า น้องหญิงหวงเจ้านี่ราวกับของล้ำค่ามาตลอดทาง พวกเราอยากดูนางก็ไม่ให้ดู”  

หนานกงฉีซิวหันมาขออนุญาตเสี่ยวเป่า “เปิดได้หรือไม่?”  

เจ้าก้อนแป้งพยักหน้าอย่างเร็วไว “มอบให้พี่ใหญ่แล้วย่อมต้องเปิดได้”

สายตาคู่หนึ่งจากคนตัวเล็กจับจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง หนานกงฉีซิวค่อย ๆ แกะผ้าสีดำที่ห่อสิ่งที่อยู่ในกระถางดอกไม้ใบจิ๋วไว้ ในที่สุด สิ่งที่อยู่ด้านในก็ปรากฏแก่สายตาผู้คน 

ข้างในมีกระถางรูปกระต่ายเป็นพืชที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ดอกมันเล็กจิ๋วคล้ายดอกบัว ผิวสีดอกท้อ ลำต้นอวบอ้วนสะดุดตา

มันไม่ได้มีขนาดใหญ่โตจนน่าตกใจ แต่ก็ใหญ่เท่ากับกำปั้นเด็ก