ตอนที่ 89 กรณีซับซ้อน (1)

EnjoyBook

ตอนที่ 89 กรณีซับซ้อน (1)

หลังจากที่ฉินมู่หลานมีชื่อเสียงในหมู่บ้าน ผู้คนก็เริ่มมาหาเพื่อให้เธอช่วยตรวจ ซึ่งจำนวนคนมีไม่มากมายนักและคนที่มาก็ล้วนเป็นผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่ได้ฟังจากที่ป้าพานเล่ามาและทราบว่าฉินมู่หลานสามารถรักษาโรคทางนรีเวชได้ จึงมาเพื่อให้เธอช่วยตรวจ

ฉินมู่หลานเองก็ไม่ปฏิเสธ เขียนใบสั่งยาให้กับพวกหล่อนทั้งหมด และคนพวกนี้ก็เหมือนกับป้าพานในเรื่องที่กังวลว่าฉินมู่หลานไม่รับเงิน จึงทิ้งของบางอย่างเอาไว้ให้แล้วรีบไปแทน

เหยาจิ้งจือมองดูแป้ง ข้าวสารและเนื้อหมูสามชั้นที่เหลืออยู่ในบ้าน อดที่จะหันมองแล้วพูดกับฉินมู่หลานไม่ได้ “มู่หลาน มื้อเที่ยงอยากกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวฉันทำให้เธอ ของพวกนี้ได้มาเพราะเธอทั้งนั้น ฉันจะแบ่งเก็บไว้บางส่วนและทำอะไรให้เธอกิน”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “แม่คะ ไม่ต้องทำให้ฉันหรอกค่ะ ทุกคนได้กินด้วยกันคงดีกว่า มื้อเที่ยงแค่ทำอะไรกินง่าย ๆ ก็พอแล้วค่ะ เย็นนี้เรากินเกี๊ยวกันดีไหมคะ เกี๊ยวผักดองน่ะค่ะ”

อยู่ ๆ เธอก็คิดอยากกินเกี๊ยว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือจึงรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นทันที “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้พวกเรากินเกี๊ยวกันเถอะ”

เหยาจิ้งจือเข้าครัววุ่นอยู่กับการทำอาหาร ขณะฉินมู่หลานก็กำลังคิดที่จะไปบ้านตระกูลฉิน นึกไม่ถึงว่าฉินเคอวั่งจะมาที่นี่เสียก่อน “พี่ครับ แม่ให้ผมเอาซุปไก่มาให้ รีบดื่มตอนมันยังร้อนนะ”

ฉินมู่หลานเห็นว่าฉินเคอวั่งมาหา จึงรีบบอกให้เขานั่งลง หลังจากเห็นเขานำซุปไก่มา ก็อดที่จะพูดไม่ได้ “ต่อไปไม่ต้องเอามาให้พี่แล้วก็ได้นะ ที่บ้านก็มีให้กิน พวกนายเก็บเอาไว้กินกันเองเสียดีกว่า”

ยุคสมัยนี้หลายบ้านหาเนื้อสัตว์กินค่อนข้างยาก แล้วซูหว่านอี๋ยังทำซุปไก่มาให้เธอโดยเฉพาะด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขามีเก็บไว้ทานของตัวเองมากน้อยเท่าใด

ฉินเคอวั่งได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ครับ รีบกินเถอะ ที่บ้านก็มี”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น เขาก็อดที่จะมองพี่สาวตัวเองเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “พี่ครับ ผมขอขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรได้ไหม?”

เมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่ได้มาหลังจากเก็บสมุนไพรครั้งก่อน เขาก็รู้สึกใจเต้นรัว ไม่อยากให้รายได้หายไปทั้งแบบนี้ “พี่ครับ เพราะพี่ตั้งท้องอยู่จึงต้องหยุดปรุงยา ถ้าผมเก็บสมุนไพรสดมา หลายคนคงต้องอยากได้กันบ้างแหละ”

เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น ฉินมู้หลานก็อดที่จะหันมองฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยถามเสียไม่ได้ “นายยังอยากเก็บสมุนไพรสร้างรายได้อยู่หรือ?”

ฉินเคอวั่งพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ใช่ครับ ผมยังอยากขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรในเวลาว่าง”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงมองฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยถามขึ้น “นายอยากลองเรียนรู้วิธีปรุงไหม?”

ฉินเคอวั่งส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ไม่ครับ การปรุงสมุนไพรไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ นะ”

“จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอกนะ ยาบางตัวก็ปรุงง่ายมาก แต่ยาบางตัวก็ใช้สมุนไพรที่ค่อนข้างซับซ้อน ขึ้นอยู่กับชนิดของยาว่านายต้องการปรุงยาอะไรเป็นหลัก ถ้านายได้เรียนรู้วิธีปรุงยา หลังจากนี้พอนายขึ้นไปเก็บสมุนไพรก็สามารถปรุงเองได้”

เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฉินมู่หลานเอ่ย ฉินเคอวั่งก็รู้สึกใจเต้นนิดหน่อย แต่ยังกลัวว่าจะเรียนไม่ได้อีก

“ไม่เอาเหรอ พี่จะสอนนายให้ดีๆ เลย”

ฉินเคอวั่งได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “พี่ครับ พี่กำลังท้องอยู่ มาสอนเรื่องพวกนี้ให้ผมเดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไป”

“อย่าห่วงเลย ไม่เหนื่อยหรอก นายเป็นคนทำ ส่วนพี่แค่คอยบอก”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้น ฉินเคอวั่งก็ใจเต้นนิดหน่อย แต่เขาก็ยังเกรงว่าฉินมู่หลานจะเหนื่อย จึงอยากลองแค่สองวันก่อน “พี่ครับ งั้นพวกเรามาลองกันก่อนสักสองวันไหม ถ้าพี่เหนื่อยก็บอกผมได้”

“ได้”

สองพี่น้องพูดคุยเรื่องนี้กันเสร็จสรรพ ฉินเคอวั่งจึงขอตัวกลับ ขณะนั้นเหยาจิ้งจือออกมาจากห้องครัวพอดี หล่อนทราบอยู่แล้วว่าฉินเคอวั่งนำซุปไก่มาให้ฉินมู่หลาน จึงเตรียมของบางอย่างให้เขานำกลับไปด้วย

ฉินเคอวั่งไม่สามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายจึงต้องนำของที่เหยาจิ้งจือเตรียมไว้กลับไปด้วย

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น ฉินเคอวั่งก็มาหาฉินมู่หลานอีกครั้ง

“พี่ครับ ผมมาแล้ว ผมเอาสมุนไพรที่ไปเก็บมาเมื่อไม่กี่วันก่อนมาด้วย”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ดีเลย พี่เห็นแล้วว่านายเอาอะไรมา วันนี้มาเริ่มจากสมุนไพรที่นายเอามาวันนี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะสอนนายว่าต้องทำยังไง”

เหยาจิ้งจือเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังยุ่ง จึงยกยิ้มแล้วเตรียมอาหารบางส่วนให้สองพี่น้อง หลังจากนั้นก็พาเสี่ยวอวี่ออกไปข้างนอก แม้จะเป็นห่วงฉินมู่หลานที่กำลังท้องอ่อนอยู่ แต่เมื่อดูจากที่ฉินมู่หลานพูดเพียงอย่างเดียวว่าเธอไม่ได้ลงมือทำอะไรทั้งนั้นนอกจากบอกกล่าว หล่อนก็คลายใจไม่มีอะไรต้องกังวล

ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวในหมู่บ้านที่ตั้งครรภ์พวกนั้นก็ยังต้องทำงาน บางคนทำงานจนถึงวันคลอดเลยก็มี หากเทียบกับฉินมู่หลานแล้ว เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ได้ทำงาน

หลังจากเหยาจิ้งจือและคนอื่นออกไปแล้ว ฉินมู่หลานก็เริ่มสอนฉินเคอวั่งในเรื่องปรุงยาสมุนไพร

สมุนไพรที่ฉินเคอวั่งนำมาประกอบไปด้วยไฉหู ตังกุยและสือหู ฉินมู่หลานเคยเก็บสมุนไพรพวกนี้มาก่อน และยังเคยปรุงพวกมันด้วย จึงคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เธอเริ่มด้วยไฉหู แล้วบอกให้ฉินเคอวั่งปรุงตามทีละขั้นตอน

ที่นี่มีเครื่องมือทั้งหมดครบครัน ฉินเคอวั่งจึงทำตามคำสอนของฉินมู่หลาน ค่อย ๆ ปรุงไปอย่างช้า ๆ แต่ด้วยความที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ท่าทางของฉินเคอวั่งจึงยังไม่ค่อยชิน ทำได้ไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่เขามีความอดทนมากพอ สุดท้ายจึงจัดการปรุงไฉหูได้สำเร็จ

“พี่ครับ พี่เหนื่อยหรือเปล่า อยากพักสักหน่อยไหม”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่ไม่เหนื่อย ตั้งแต่ต้นพี่ก็นั่งอยู่แบบนี้ จะไปเหนื่อยได้ยังไง นายนั่นแหละ ทั้งยุ่งทั้งเหงื่อออก อยากจะพักก่อนไหม”

“พี่ ผมก็ไม่เหนื่อย พวกเราทำกันต่อไหมครับ?”

“เอาสิ”

เมื่อเห็นฉินเคอวั่งดูขยันขันแข็งมาก ฉินมู่หลานย่อมไม่ขัด สอนการปรุงสมุนไพรให้เขาต่อไป แต่เมื่อมีอะไรที่คลุมเครือไม่ชัดเจน เธอก็จะลงมือสาธิตให้ฉินเคอวั่งได้ดู

“พี่ครับ ผมเข้าใจแล้ว พี่รีบวางเลย ผมทำเองๆ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อตอนที่ฉินเคอวั่งกำลังจะมา เขาได้รับคำสั่งจากแม่แล้วว่าอย่าทำให้พี่สาวเหนื่อยเด็ดขาด เขาจึงไม่อยากปล่อยให้ฉินมู่หลานต้องลงมือทำเอง

ฉินมู่หลานจึงยอมปล่อยมือหลังจากทำการสาธิตแล้ว และสอนฉินเคอวั่งต่อ

หลังจากสองพี่น้องยุ่งกันตลอดทั้งเช้า ในที่สุดฉินเคอวั่งก็สามารถปรุงยาได้สองขนาน “พี่ครับ พี่ต้องรีบไปพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวพบจะลองทบทวนวิธีการทำสักหน่อย” ขณะเอ่ยเขาก็หยิบกระดาษกับปากกาออกมา แล้วจดบันทึกขั้นตอนทั้งหมดที่ได้ทำลงไปเมื่อสักครู่

ฉินมู่หลานอ่านสิ่งที่ฉินเคอวั่งเขียน ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ความจำค่อนข้างดีเลยทีเดียว ขั้นตอนที่ได้ทำไปเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนเลยสักอย่าง

หลังเขียนขั้นตอนพวกนั้นจบ ฉินเคอวั่งก็หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พี่ครับ ยาพวกนี้ที่พี่เคยเอาไปขายในเมือง ถ้าผมเรียนปรุงยาให้ได้ดีกว่านี้ ผมจะเอามันไปขายในเมืองด้วยได้ไหม?”

“ได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นพี่จะพานายไปเอง จะได้ทำให้นายคุ้นเคย พอนายมียาแล้ว ก็จะเอามันขายที่นั้นได้”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้น ฉินเคอวั่งก็พยักหน้าทันที “ดีครับ พี่ ผมจะตั้งใจเรียนเรื่องพวกนี้สุด ๆ ไปเลย”

ขณะสองพี่น้องกำลังพูดคุยกัน ข้างนอกก็มีคนเอ่ยเรียกชื่อของฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานได้ยินน้ำเสียงอันแสนคุ้นหู สุดท้ายก็จำได้ว่าเป็นเสียงของบุรุษไปรษณีย์ เมื่อมองออกไปตรงประตู ก็พบว่าเป็นบุรุษไปรษณีย์จริง ๆ

“ฉินมู่หลาน มีจดหมายกับคำสั่งโอนค่าธรรมเนียมส่งมาถึงคุณครับ กรุณาเซ็นชื่อให้ด้วย”

หลังจากฉินมู่หลานเซ็นชื่อ บุรุษไปรษณีย์ก็ขึ้นขี่จักรยานของตน แล้วตระเวนไปที่อื่นเพื่อส่งจดหมายต่อ

ฉินเคอวั่งเห็นว่าพี่สาวได้รับรายได้จากการเขียนบทความอีกครั้ง จึงทำได้เพียงรู้สึกอิจฉาปนภูมิใจ “พี่ครับ ตอนนี้พี่เก่งมากเลย ค่าธรรมเนียมต้นฉบับของบทความมาอีกแล้ว”

ฉินมู่หลานเองก็ดีใจเช่นกัน เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเพิ่งพูดถึงเรื่องจะพาฉินเคอวั่งเข้าเมืองไปด้วย เธอก็อดที่จะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเสียไม่ได้ “พรุ่งนี้เราเข้าเมืองกันไหม พี่จะไปรับค่าลิขสิทธิ์ แล้วพานายไปที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีน แนะนำนายให้รู้จักกับหมอซ่ง”

ฉินเคอวั่งได้ยินคำพูดนั้น จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ครับ”

หลังจากสองพี่น้องพูดคุยกันแล้ว ฉินเคอวั่งก็ขอตัวกลับบ้านไปก่อน

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเคอวั่งก็มาหาฉินมู่หลาน แล้วทั้งสองพี่น้องก็ออกเดินทางเข้าเมืองกัน

ฉินเคอวั่งไม่ค่อยออกไปข้างนอกบ่อยนัก ครั้งนี้ได้ตามติดพี่สาวไปที่เมือง จึงรู้สึกมีความสุขไม่น้อย แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อกับแม่ย้ำนักย้ำหนา เขาจึงไม่ปล่อยให้ฉินมู่หลานถือของอะไรเลย เขาแบกทุกอย่างเอาไว้บนหลัง และเมื่อไปถึงเมือง ทั้งสองพี่น้องก็นั่งเกวียนวัว

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีคนสืบทอดวิชาสมุนไพรต่อจากมู่หลานแล้วนะ แถมทำได้ดีด้วย

ไหหม่า(海馬)